“ณวัฒน์” เผยสภาพหมู่บ้าน “เจนนี่” ตอนนี้อย่างกับซ่องโจร ไม่ได้โกรธแต่ถอยเพราะชุลมุนเกิน

“ณวัฒน์” ยันไม่ได้โกรธ “เจนนี่” แต่ขอถอยเองเพราะสถานการณ์ชุลมุน เผยสภาพหมู่บ้านเจนนี่อย่างกับซ่องโจร สภาพคนเหมือนคนมารอซื้อตั๋วหนัง รับแนะนำน้องไปหมดแล้ว

ออกปากเสียใจมากไปรอไลฟ์ขายของที่บ้าน “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” เพราะเบื้องหลังชุลมุนมากจน “บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ต้องขอตัวกลับก่อน ทำหลายคนคิดว่าบอสณวัฒน์โกรธเจนนี่แล้วหรือเปล่า ซึ่ง ณวัฒน์ เคลียร์ชัดไม่ได้โกรธเจนนี่ แต่สัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี ขายก็คงจะไม่สนุก จึงเลือกกลับดีกว่า

“ไม่ได้เสียใจกับเจนนี่ ไปรอตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่า รอจนถึงตี 1 ครึ่ง ก็ไม่ไหว คิวเราจริงๆ ประมาณ 5 ทุ่ม ที่คุยกันไว้ แต่ก็เข้าใจและซัปพอร์ตเจนนี่ ผมก็แนะนำน้องไปหลายเรื่องเหมือนกัน วันนั้นเป็นวันที่ชุลมุนมาก ด้วยความที่เจนนี่เป็นคนที่ใจดีเกินไปปล่อยให้เอเจนซี่ไปรับงาน เจนนี่คิด 10 บาทแต่เอเจนซี่ไปบวกอีก 5 บาท เป็น15 บาท แล้วเขาไปขายได้มา 50-60 แบรนด์ แล้วจะมายัดให้เร็วที่สุด ซึ่งมันยากมาก ก็ไม่รู้ไปบอกยังไง แบรนด์มารอหน้าบ้านเต็มไปหมดว่างแล้วเข้า มันเลยกลายเป็นเละไปหมด

ส่วนดาราบางคนทำให้เห็นว่าบางทีก็ไม่แฟร์ต่อเจนนี่ การขายของเจนนี่ตอนนี้มันเป็นไปในลักษณะของความบันเทิงผสมขายของ ที่ผมทำกับหนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) มันคือเล่นกันสนุก ก็จะเกิดไวรัล เกิดการซื้อขาย เกิดความสุขให้คนดู แต่จะมีดาราบางคนที่มากันเยอะ ปกติเขาจะให้บอกว่ามากี่คน มากสุดเขาก็ให้ 2 คน แต่นี่มาหมดเลย พูดไม่หยุดเกี่ยวกับสินค้า พูดไปเรื่อย ดันๆๆๆ พูดจนเจ้าของไลฟ์ต้องกระเถิบออกไปนั่งข้างๆคนนี้ไลฟ์รัวหลายสินค้า หลายบริษัท เกิดเป็นปัญหาวุ่นไปหมด กินเวลาไปเรื่อยไปเปื่อย ผมก็ช่วยสแกน ช่วยสังเกตการณ์ให้น้อง คือมันเละไง

ต้องยอมรับบางอย่างอาจจะทำผิดกฎ tiktok ด้วย ตะกร้าบิน เห็นใจน้องนะ เช่น เขาห้ามโชว์แก้ว ห้ามพูดเกินจริง แล้วที่พูดว่าถ้าซื้อฉันจะเอาเงินไปทำบุญ มันไม่ได้ แล้วคนดูเขาก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย ยอดคนดูก็ลดลง ผมเห็นแล้วเลยคิดว่ากลับดีกว่า สถานการณ์คุมไม่อยู่ ความเครียดมันสูง เอนเตอร์เทนไม่เหลือ เจนนี่เหนื่อยมาก ผมสงสารน้อง ผมกับยิว (ฉัตรมงคล สมแก้ว) เราสนิทกันมาก ผมถีงบ้านตี 2 ยิวส่งข้อความมาคุยตลอด เหมือนเขาเสียขวัญและกำลังใจผมเลยบอกเขาให้ใจเย็นๆ ทำวันนี้ให้จบ”

เห็นใจ “เจนนี่” ถูกมองกอบโกย ส่วนตัวซัปพอร์ตและแนะนำน้องตลอด
“เห็นใจน้องเถอะ เพราะว่าปรากฎการณ์นี้บางคนไปต่อว่าน้องว่าพอมีโอกาสก็โกยเอาโกยเอา ถามว่าถ้ามันมีโอกาสใครไม่โกย มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ คนจะไปร่วมงานก็ต้องให้สิทธิ์เขาด้วย ไปบังคับเขาในฐานะเก๋ากว่า เป็นผู้ใหญ่ อยู่วงการมาเยอะกว่า น้องเขาก็เหนื่อยผมเองบอกเขานะว่าพี่กลับก่อนแต่พี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ พี่เห็นสถานการณ์พี่บอกเอาคนทางบ้านไปไลฟ์เลย พี่ไม่ได้มายด์ พี่ไปซัปพอร์ต วันนั้นผมถือเงินสด 1.8 ล้านจะไปให้เขา เขายุ่งมากจนบอกพี่เอาเงินกลับไปก่อนนะ เพราะข้างล่างเละมาก เดี๋ยวหนูเอาเงินไปวางทิ้งตรงไหนไม่รู้อีก

ผมแนะนำน้องว่าต้องวางระเบียบนิดนึง อย่าทำงานเยอะ ปริมาณไม่ต้องมาก ขอคลีนๆ เท่ๆ อย่าเกรงใจคน ชัดเจนว่าจบคือจบ และไม่มีการเอาการกุศลมาต่อรอง มันกินคิวคนอื่น แต่ฟีดแบ็กก็กลับไปที่คนทำนะ”

เผยสภาพหมู่บ้าน “เจนนี่” อย่างกับซ่องโจร
“สภาพหมู่บ้านเจนนี่ตอนนี้เหมือนซ่องโจร สงสารหมู่บ้าน ที่จอดรถไม่มีเลย สภาพคนเหมือนคนมารอซื้อตั๋วหนัง มีคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการเยอะที่มารอถ่ายคลิปว่าใครมา ถ่ายจนเราเข้าบ้าน มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว โชคดีที่ข้างบ้านไม่มีคนอยู่ ถ้ามีคนอยู่คนหนัก”

นานาจิตตังดรามาไปขายของกับ “เจนนี่” แล้วขาดทุน ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ชี้มีปัจจัยเยอะที่ควบคุมยาก
“เอาจริงๆ ทุกอย่างมีความเสี่ยง ทุกคนต้องคิดให้ดี ถ้าใครคิดว่าขาดทุนก็อย่าไปอีก ก่อนจะไปคุยกันให้เข้าใจว่าเท่าไหร่คือเท่าไหร่ แล้วคุณก็ไปวางแผนการตลาด ตัวผมเองนั้นให้น้องด้วยความสุขด้วยความเต็มใจ กติกาก็คือกติกา อยู่ที่แต่ละแบรนด์วางแผนมายังไง มันมีทั้งคนที่คุ้มและไม่คุ้ม คุ้มมี ไม่คุ้มเยอะ แต่ถ้าคุณแฮปปี้แล้วคุณเอาไปต่อยอด มันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นก็ทำไป แต่ถ้าคิดว่าขาดทุนไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องไปครั้งเดียวพอ

มันมีปัจจัยเยอะที่ควบคุมยาก ปัจจัยจากการยกเลิกหลังบ้าน ปัจจัยจากเก็บเงินปลายทางเราเอาของไปส่งแล้วเขาไม่อยู่บ้านก็ค่อนข้างเยอะ คีย์ซักเซสในตอนนี้ก็คือการขายให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์โชว์ คุณจะไปหาดูดาราที่ไหนได้ทั้งวัน นี่แขกรับเชิญมาทุกๆ 10 นาที แล้วแขกรับเชิญหลากหลายมาก การขายของของเจนนี่ตอนนี้เป็นรายการเอนเตอร์เทนเมนต์ไปแล้ว หากไม่เป็นแบบนี้มันจะอยู่ได้ในระยะเดียว ถ้ายังคงความเอ็นเตอร์เทนเมนต์ไว้ได้มันจะอยู่ได้ยาวๆ”

โปรเจกต์พันล้านเป็นไปได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่คาดการณ์แล้วหากสถานการณ์ไม่มีอะไรสะดุด 5,000 ล้านบาท “เจนนี่” ได้แน่นอน
“คุยกับเจนนี่น้องบอกพี่ไปต่อกับหนูนะ ช่วยหนูด้วย ก็บอกได้เลย โอเค ปีหน้าจะทำการขายบูธทั้งหมด 5 ภาค ผมจองไปเรียบร้อยแล้วทั้ง 5 ภาค ภาคละ 1 ล้าน ทั้งหมดก็ 5 ล้านบาท เพื่อให้น้องมั่นใจว่าน้องไปต่อได้ ภาคนึงเขาต้องการ 1,000 บูธ เป็นดารา คนในวงการ 50-100 บูธ

ถ้าโปรเจกต์ปีหน้ายังคงเดินหน้าต่อ ผมคิดว่าได้ โปรเจ็กต์นี้เฉพาะตัวบูธก็ 4,000 ล้านแล้ว ตอนนี้น้องขายสปอนเซอร์แพงมาก น้องอยากขายโตโยต้า 100 ล้าน ก็น่าจะได้ ตอนนี้ไฟมันมากระแสมันมี ขั้นต่ำนะ โปรเจกต์ปีหน้าทำได้จริง อย่างต่ำน้องได้ 5,000 ล้าน แต่จะหมื่นไหมผมไม่รู้”

แจงที่คนมองคนจนเอาเงินไปซื้อของคนรวย
“อย่าไปคิดอย่างนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นเราคงไม่ต้องไปโลตัส ไป 7-11 เขารวยจะตาย มันพูดอย่างนั้นไม่ได้ การซื้อมันคือความสุขและความพึงพอใจ ถ้าสินค้าไม่ดีคนก็ด่า มันขายต่อไม่ได้ ตลาดมันไม่ได้มีการผูกขาด วันนี้มีเจนนี่ พรุ่งนี้อาจจะมีคนอื่นก็ได้ วันที่แล้วมีพิมรี่พาย มีวิน วิลเลี่ยม วันนี้ก็มีเจนนี่ได้ ฉะนั้นเราอย่าไปคิดว่าทำให้คนอื่นขายไม่ได้เพียงแค่คุณต้องปรับตัว คนที่ยังไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างวิธีการให้เกิด ผมคิดว่านี่มันเป็นกลยุทธ์วิธีการที่ใช้ต่อสู้กันได้”

ลั่นปัญหาเรื่องแม่มีมานานแล้วตนเองก็ทราบมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งมาเกิด
“ถามว่าจริงไหมก็ต้องยอมรับว่าจุดเกิดก็คือที่มีปัญหากับแม่ แต่ปัญหากับแม่เขามีมาเป็นปกติอยู่แล้ว เขามีปัญหากับแม่ทำนองนี้มาตลอด ผมรู้ รับทราบมาตลอด เผอิญว่าแม่ย่านางบ้านดี มีปัญหาครั้งนี้คนดูน้องเยอะ เจนนี่เลยเอาของขึ้นมาปักตะกร้าของตัวเอง ขายของจนหมดเกลี้ยงผลิตไม่ทัน เลยไปเอาของคนอื่นมาขาย การที่เอาแม่มาขายมันจะต้องสร้างเรื่อง แต่เรื่องนี้มันถูกสร้างมานานแล้วโดยการกระทำที่แท้จริง แต่ครั้งนี้เขาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเท่านั้นเอง”

มองกระแสเจนนี่อยู่ได้อีกครึ่งค่อนปี แต่ก็คงไม่ได้ปังแบบนี้ตลอด
“ถ้าแก้โจทย์ความชุลมุนที่ผมเล่าไปไม่ได้ มันจะไปจบเร็วมาก ผมบอกกับยิวถ้าน้องไม่จัดระบบใหม่มันจะเกิดความวุ่นวายและคนที่มาตรงนี้จะกลายเป็นเสียงประหลาดแล้วพูดให้แปลก ต้องรีบวางระบบให้ดีกว่านี้ ตอนนี้เขาก็เริ่มวางระบบแล้วแต่มันยังไม่ได้ ถ้าวางระบบดีผมก็ให้แบบเชียร์อย่างน้อยก็ครึ่งค่อนปี แต่มันจะไม่พีกแบบนี้ตลอดหรอกครับ อะไรที่มันใหม่มันจะพีก ตอนนี้มีคนทุ่มจะเอาไอดอลเกาหลีมาบ้านเจนนี่แล้ว ผมว่าจะไปเอา got7 มาบ้างแล้ว ผมก็คิดไปเรื่อย ถ้าทำได้ผมก็ทำ เงินมีจะทำอะไรก็ทำได้อยู่แล้ว”