“หน่อย บุษกร” อัปเดตอาการ หลังกระจกหนักเกือบ 20 กิโล ตกใส่หัว บอกเดชะบุญไม่เป็นอะไรแค่มึนๆ ฟาดเคราะห์ใหญ่ใกล้วันเกิด ชอบมีเหตุการณ์แบบนี้ ภูมิใจลูกๆ โตทำงานได้แล้ว ไม่เคยกดดันว่าต้องทำได้ หรือใช้เส้นพ่อแม่ช่วย ถ้ามีแคสฯ ก่อนก็ต้องไปเหมือนกันคนอื่น พร้อมเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ลูก ติดต่องานได้
เรียกว่าฟาดเคราะห์ใหญ่ก่อนวันเกิดเลยทีเดียว สำหรับ “หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์” ที่ถูกกระจกตู้หนักเกือบ 20 กิโล ตกใส่บริเวณข้อศอกและหัว ล่าสุดหน่อยเผยถึงเรื่องนี้ ลั่นต้องยอมรับเลยว่าตอนนั้นดวงสุดยอดมาก เพราะถ้าตกมาแตกเป็นปากฉลาม คงเจ็บหนัก
“ดวงสุดยอดเลยตอนนั้น ยอมรับตัวเองเลย เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ คือผ่าตาก่อน เป็นตากุ้งยิง วันรุ่งขึ้นจะหยิบของไปงาน ก็ไปเปิดตู้ แล้วมันเป็นตู้ที่ปกติก็ไม่ค่อยจะเปิด ก็ไปหยิบของมา แล้วจังหวะเลื่อนปิด เรารู้สึกว่าทำไมมันเอียงๆ วะ เดชาบุญมันตกใส่ศอกก่อน แล้วด้วยความที่มันบานใหญ่เกือบ 20 โล ก็ตกที่ศอกแล้วค่อยแปะกลางกระหม่อม เราก็ยืนอึ้งไปเลย มันเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วก็ดีที่กระจกมันไม่เป็นปากฉลาม ถ้าเป็นนะไม่อยากจะนึกเลย
ก็โชคดีที่แค่มึน ไม่แตก มันมาแตกที่พื้น หมอก็ให้สังเกตอาการ เดชะบุญที่ไม่เป็นอะไร ตอนนั้นน้องจุนอยู่บ้าน แต่มันไม่ได้ยิน คือบุญก็ทำอยู่เรื่อยๆ นะ แต่มันคงเป็นช่วงจะใกล้วันเกิด พอใกล้วันเกิดมันจะเป็นแบบนี้ ไม่รถชน รถเฉี่ยว ก็จะมีอะไรแบบนี้ ก็ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ภูมิใจ “น้องคุน - น้องจุน” โตจนเริ่มทำงาน รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว
“ก็รู้สึกว่าลูกโตทำงานได้แล้ว เป็นหนึ่งความภูมิใจ แม่ต้องวางมือแล้ว เกษียณเต็มตัวแล้ว ก็รู้สึกว่าดี เขาก็มีมาปรึกษาว่าทำดีไหมบางทีเขาไม่อยากทำ แต่เจ้าของงานก็จะบอกว่าช่วยหน่อย เราก็ต้องโอเค ทำลูก ดีนะ อย่างโน่นอย่างนี้ อย่างแรกคือเราได้รับผิดชอบชีวิตตัวเอง บางทีน้องคุนน้องจุนอาจจะช้าไปด้วย บางทีอายุ 15 เขาก็ทำงานกันแล้ว เขาก็โอเคๆ ยอมรับทำ”
เปรยถ้าผันตัวมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ลูก ก็ดีเหมือน
“ก็ดีเหมือนกันนะ เท่ากับหักเงินได้ (หัวเราะ) แต่ปกติได้เงินมาเราก็ให้ลูก ให้เขารับผิดชอบของเขาเอง อยากได้อะไรต้องทำงานจะไม่มีใคร มีให้แค่ค่าการศึกษา ก็จ้างงานผ่านคุณแม่มาได้เลย Dm มาได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”
เผย “น้องคุน” แอบมีเขิน เพราะเป็นอินโทรเวิร์ต
“ก็เขิน น้องคุนเขาเป็นอินโทรเวิร์ตหน่อยๆ แต่ว่ามันทำให้เขาได้รู้จักการไปเจอคนข้างนอกบ้าง พี่เคนก็สนับสนุนนะ เขาจะบอกเลยว่าอันจุนน่าจะไปลองนะ บางทีมีคนเรียกไปแคสฯ ก็ให้ไป อย่าคิดว่าเป็นลูกพ่อแม่แล้วจะได้งานเลย แต่ก็พยายามให้เขาไม่กดดัน ว่าเป็นลูกเราแล้วต้องทำได้ เรื่องดรามาก็บอกเขา ว่าเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนคนอาจจะมาคอมเมนต์ว่าไม่หล่อ ไม่ใช่ แต่โชคดีลูกเราไม่ได้เป็นคนชอบอ่านอะไรแบบนี้ เขาไม่ค่อยสนใจ ก็บอกเขาว่าความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถูกใจเราอาจจะไม่ถูกใจเขา มันเป็นเรื่องปกติของโลกมนุษย์”
