“พิกเล็ต” ร่ำไห้ เลิก “วิคเตอร์” ต้องการความมั่นคง อยากแยกย้ายกันไปเติบโต ลั่นรักอย่างเดียวไม่พอ เผยคบนานแต่ไม่เคยวางแผนแต่งงาน - วางอนาคต ไม่เสียดายที่เลิก ยังรักเหมือนคนในครอบครัว หากมีคนใหม่ก็ยินดี ย้ำไม่มีมือที่สาม แฮปปี้ “เนย เนโกะจัมพ์” ท้อง ไม่คิดว่าจะเป็นคนแรกที่มีลูก ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตชีวาขึ้น
ปิดฉากรักแรก 10 ปีไปแบบเจ็บๆ สำหรับ “พิกเล็ต ชาราฎา อิมราพร” กับหวานใจหนุ่ม “วิคเตอร์ ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์” ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ดูรักกันดีไม่มีเค้าลางใดๆ มาก่อน ภายหลังพิกเล็ตประกาศแยกทาง ก็ทำเอาแฟนคลับตกใจอยู่ไม่น้อย
ล่าสุดได้เจอตัวพิกเล็ตในงาน Sawasdee Siam เฉลิมฉลองการเปิดสโตร์เต็มรูปแบบสาขาใหม่ ที่ ร้าน POP MART ณ SIAM CENTER ชั้น M เจ้าตัวเผยว่าตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว ก่อนเผยเหตุผลเลิก ไม่มีมือที่สาม แต่เป็นเพราะตัวติดกันเกินไป จนอยากให้ต่างฝ่ายต่างเติบโตในเส้นทางของตัวเอง
“จริงๆ ก็ดีค่ะ ก็ไม่ได้เศร้า เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องที่พิกเล็ตกับพี่วิคเตอร์ก็ตัดสินใจมานานแล้ว จริงๆ ก็คิดมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ยังเสียใจอยู่ เพราะว่ามันก็คบกันมานาน เรื่องสัญญาณเตือนหนูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเหมือนกับพวกเราอยากจะแยกย้ายกันไปเติบโตมากกว่า จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่ารักกันน้อยลงหรืออะไร แต่เหมือนกับพอเรายิ่งโตเรารู้สึกว่าความรักอย่างเดียวบางทีอาจจะไม่ได้มากพอ ก็เลยทำให้เราอาจจะอยากแยกกันไปเติบโตมากกว่า แต่ก็ยังห่วงใยกันเหมือนเดิม
ความรักไม่เปลี่ยนแปลงหรอกสำหรับหนู แต่แค่หนูรู้สึกว่ามันอาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างมากกว่าเรื่องที่เรารักกันมากพอไหม คือจริงๆ แล้วหนูกับเขาเป็นคนที่ไม่มีปัญหาอะไรกันมาตลอดอยู่แล้ว เราค่อนข้างที่จะเห็นอะไรตรงกันตลอดอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่เรายุติความสัมพันธ์ หนูคิดว่าเราคิดกันมานานแล้ว ด้วยความที่เราทำงานเหมือนกันด้วยมั้ง อาจจะเป็นเพราะหน้าที่การงานของเรามันเหมือนกัน ตัวหนูเองก็มีเป้าหมายแบบหนึ่ง เขามีเป้าหมายแบบหนึ่ง
มีคนถามเยอะว่าน่าจะเดินไปด้วยกันได้ ในความรู้สึกหนูกับเขาเหมือนเราคุยกันแล้ว เรารู้สึกว่าเราอยากจะแยกกันไปก่อน แล้วให้มันเป็นเรื่องของอนาคตว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะเราอยากทำตัวให้เราทั้งสองคนไปในจุดที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะเดินทางไปแล้วมั่นคง แล้วอยู่ในทางของเรา อยากแยกกันทำงาน”
ไม่มีมือที่สาม ยกเป็นคนในครอบครัว รักและหวังดีเหมือนเดิม
“ไม่มีเลย เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตล้วนๆ เรื่องนี้จริงๆ คุยกันมานานทั้ง 2 คน ว่าเราควรจะแยกกันไหมหลายๆ อย่าง ระยะเวลาที่คบ จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย มันไม่ได้ทะเลาะกันด้วย แต่เหมือนกับพออายุมากขึ้นมากกว่า หนูรู้สึกว่าตอนนั้นหนูคบกับเขาโดยที่ไม่ได้นึกกันว่าเราจะเป็นยังไงหรืออะไรยังไง ตอนนั้นเราอายุเด็กกันทั้งคู่ พอมันเริ่มโต เหมือนมันก็ไม่ใช่เรื่องความรักอย่างเดียวมันก็หลายๆ อย่าง ก็จบกันด้วยดีก็ยังห่วงใยกัน เขาก็ยังเป็นคนในครอบครัวหนู ในความรู้สึกหนูไม่ว่าจะพี่หรือครอบครัวหนู ยังไงก็รักเขาเหมือนกัน ตัวพี่วิคเองเขาก็ยังหวังดีกับหนูอยู่เหมือนกัน
(แต่ระหว่างนั้นมันได้มีการปรับปรุงแก้ไขไหม?) พวกเราไม่ได้รู้สึกว่ามันสามารถที่จะแก้ไขอะไรยังไงได้ เพราะพวกเราทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะ หรือมีอะไรต้องแก้ไขเลย ทุกอย่างมันดี แต่ด้วยเรื่องของการทำงานมากกว่าหนูรู้สึกว่าเราน่าจะแยกกันไปทำงาน”
ร่ำไห้ ต้องการความมั่นคง
“หนูก็ไม่รู้จะลงดีเทลยังไง จะร้องไห้ (ร้องไห้) ตอนนี้หนูรู้สึกว่าเราอายุเท่านี้ ตอนนี้เราต้องการความมั่นคง หนูไม่รู้ว่าเราจะไปต่อคือแต่งงานเหรอ หรือเราจะทำงาน หนูเลยรู้สึกว่าเราเลือกที่จะทำงาน คือพวกเราสองคนยังอยากทำงานกันทั้งคู่ แต่เรารู้สึกว่าถ้าสมมุติทุกอย่างมันลงตัว จริงๆ ถามว่าอยากแต่งงานกันไหมมันก็คงไปสู่จุดนั้น แต่ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ยังอยากทำงานกันให้เต็มที่”
รีเทิร์นไหมยังไม่รู้
“อันนี้หนูก็ไม่แน่ใจในระหว่างทางว่า ระหว่างทางนั้นเราไปเจอใครหรือเปล่า หรือเราจะไปกันยังไง แต่ยังไงก็ตามหนูก็ยังรู้สึกผูกพันและเป็นห่วง แล้วก็มีความหวังดีให้กันตลอด”
ต่างฝ่ายต่างไม่อยากแต่งงาน
“หนูรู้สึกว่าตัวหนูเองยังไม่อยาก เขาเองก็ยังไม่อยาก เรายังไม่กล้าตัดสินใจว่ายังไง ตัวหนูไม่ได้รู้สึกว่าอยากแต่งตอนนี้ แต่เราอยากทำงาน ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เราเลยรู้สึกว่าต้องขอพักก่อน เพราะเรารู้สึกว่าเราก็คบกันมานานแล้วก็เลยขอลองพักก่อน เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอด ตัวติดกัน จนเราไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเราอยู่จริงจะเป็นยังไง
พอได้พักจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร หนูรู้สึกว่าเราไม่ได้เลิกกันแบบไม่ดี เราสามารถคุยได้ เจอได้ หนูไม่ได้รู้สึกว่าเจอหน้าเขาไม่ได้ เขายังเป็นพี่ชายหนูอยู่ เขาโอเคไหม อันนี้ต้องไปถามเขาแล้วแหละ”
ไม่เคยเสียดาย เพราะรักครั้งนี้มันดีมาก
“หนูไม่เคยเสียดายเลย เพราะหนูรู้สึกว่ามันทำให้หนูรู้ว่าคือความรักครั้งนี้มันดีมาก ที่หนูไม่เคยเจอนะเอาจริงๆ หนูก็ไม่คิดว่าหนูกับเขาจะคบกันมานานขนาดนี้ แล้วหนูรู้สึกว่าที่ผ่านมามันเป็นเหมือนเวลาที่ทำให้หนูรู้ว่ามันมีความสุข หนูก็เลยไม่รู้สึกเสียดาย เขาก็ยังบอกหนูว่ามีอะไรปรึกษาเขาได้ อีกอย่างหนูมีพี่สาวมีครอบครัวด้วยมั้งก็เลยไม่ค่อยเหงา ก่อนหน้านี้เราก็อิสระกันทั้งคู่อยู่แล้ว หนูก็เลยไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากขนาดนั้น”
ยันอีกครั้งไม่มีมือที่สาม
“ไม่ ส่วนจะกลับมารีเทิร์นไหมในอนาคต ไม่แน่ใจ ไม่รู้ ตอบไม่ได้ หนูอาจจะต้องขอเวลาก่อน เพราะมันรู้สึกว่ามันยังไม่ได้นานมากที่ห่างเขา แต่ต่างคนต่างพยายามทำให้ทุกอย่างมันดี ขึ้นกับตัวเอง เราอยากโฟกัสที่ตัวเอง ตัวพี่วิคก็อยากโฟกัส เขาก็มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น”
หากต่างฝ่ายต่างเจอใครที่ดูแลได้ดี ก็ยินดีด้วย
“จริงๆ เราต่างคนต่างบอกว่าถ้าระหว่างนี้เราเจอใครที่เรารู้สึกว่าเขาดูแลเราได้ดี แล้วเราโอเค ทั้งหนูและเขาก็มีแต่ความหวังดีจริงๆ เขายังบอกเลยว่าถ้าหนูเจอใครที่ดี เขาดีใจกับหนูด้วยนะ เขาก็ยังเป็นห่วง แต่ตัวหนูเองถ้าเขาเจอใครก็คงเสียใจที่จังหวะมันไม่ใช่เรา แต่ถ้าเขาเจอคนที่ดีเราก็อยากให้เขาได้เจอคนที่ดีแน่นอนอยู่แล้ว (เพียงแค่เราไม่ได้จังหวะนั้น?) หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตทุกอย่างด้วย เรื่องของความรักหนูก็เคยรู้เหมือนกัน ตอนแรกเราคบกันเล่นๆ ก็รักกันแต่ไม่ได้คิดถึงชีวิตต้องไปยังไง แต่พอมันโตขึ้นมามันมีนอกเหนือจากนั้น”
ไม่เคยวางแผนเรื่องงานวิวาห์
“ไม่เคยเลย เพราะตัวหนูเองก็ไม่เคยมีเรื่องของการแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่อยู่ในหัว หนูรู้สึกว่าอยากให้เป็นจังหวะที่หนูพร้อมมากกว่า ไม่ได้กลัวการมีชีวิตคู่ หนูคิดว่าหนูอยากทำทุกอย่างให้มันเต็มที่ อยากทำงานให้มันเต็มที่ที่สุดก่อน และเรารู้สึกกับตัวเองจริงๆ ว่าพร้อมแล้ว จริงๆ เราก็ทำงานได้เต็มที่ทั้งคู่ แต่ว่าอาจจะมีเรื่องอื่นๆ อีกที่เรารู้สึกว่าอยากทำให้มันเต็มที่ เพราะตอนนี้เรารู้สึกว่าตัวติดกัน 2 คนตลอดเวลา หนูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันก็เหมือนอยากให้เขาไปเติบโต เราไปเติบโต แล้วถ้าจังหวะนั้นมันพอเหมาะพอดีกันทุกอย่าง เราไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
“เนย วรัฐฐา อิมราพร” ท้องแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นคนแรกที่มีลูก ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตชีวาขึ้น
“ (หัวเราะ) แปลกมาก เราไม่เคยมีสมาชิกใหม่ในบ้าน เพราะเรารู้สึกว่าเป็นน้องคนเล็กมาตลอด เราก็เลยรู้สึกว่ามีหลานก็ตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะเป็นพี่เนยด้วยที่เป็นคนแรกที่จะมี จริงๆ ก็หลายรอบเหมือนกัน เราเห็นก็สงสารทั้งหนูทั้งพี่แจม (ชรัฐฐา อิมราพร) ทั้งที่บ้านทุกคน ว่าจะยังไงดี แต่มันก็มีช่วงที่เขารู้สึกว่าล้มเลิก แต่ว่าคู่สามีภรรยาเขาก็คุยกัน เขาตกลงกัน วางแผนกัน คุณแม่กับคุณยายชอบ เราก็รู้สึกว่ามีก็จะทำให้ที่บ้านมีความสุข มีชีวิตชีวาขึ้น เพราะว่าทุกคนโตกันหมดแล้ว เราก็จะมีหลานให้คุณแม่เลี้ยง”
