กลับมารับบทเดิมในบัลลังก์เมฆ "นก" บอกเหมือนเริ่มใหม่หมด เผยเปลี่ยนตั้งแต่ตัวลูก เสื้อผ้า ยันเพลงที่ร้อง ยอมรับเว้นไป 6 ปี ต้องเคาะสนิมก่อนแสดง เปิดใจลูกโตขึ้นทำให้เข้าใจบท "ปานรุ้ง" มากกว่าเดิม
เว้นวรรคจากละครเวทีไปนานถึง 6 ปีเต็ม "นก-สินจัย เปล่งพานิช" ได้เวลาเคาะสนิมกลับมารับบท "ปานรุ้ง" คุณแม่ผู้เต็มไปด้วยปัญหา ในละครเวทีเรื่องยิ่งใหญ่สุดอลังการของเอ็กแซ็กท์ "บัลลังเมฆ เดอะ มิวสิคคัล" ซึ่งเป็นละครเรื่องล่าสุดที่เธอได้แสดงไว้เช่นกัน
"นก"เปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจตกลงกลับมารับบทนำในละครเวทีเรื่องนี้ว่า...
"อย่างที่คุณบอยบอกค่ะ เพราะเราเคยเล่นแล้วไงค่ะ คุณบอยเอง ก็บอกว่าไม่ยอมเลือกคนอื่น อย่างนั้น อย่างไรเราก็คงต้องเล่น แต่ก็อยากเล่นค่ะ ตั้งแต่ตอนที่ละครจบไป ตั้งแต่ 6 ปี ที่แล้วๆ คุณบอยก็เกริ่นๆ ไว้แล้ว ว่าอยากที่จะเอามาทำอีกนะ แต่อาจจะอีกสักปีนึง เขาก็พูดอย่างนี้มาตลอด บอกว่าสินจัยจะทำแล้วนะๆ จนผ่านไป 6 ปี แล้ว ก็เป็นจังหวะที่ดีค่ะ ที่ได้มาเล่นในโรงละครของเขาเองด้วย"
"ซ้อมหนักเหมือนเดิมค่ะ คือ หยุดไปนาน 5-6 ปีแล้ว ก็มีการปรับบท ปรับอะไรบ้าง ให้มีความกระชับขึ้น ดังนั้นก็ต้องมีการทบทวนใหม่ค่ะ ทุกอย่างต้องทำใหม่หมดเลย ลูกๆ ในเรื่องก็ใหม่หมดเลยด้วย ตอนนี้ก็ซ้อมกันมานานประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ"
บอกเหมือนเริ่มใหม่หมด เผยเปลี่ยนผู้แสดงเป็นลูกทั้ง 4 ใหม่ ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปจากเดิม
"เหมือนเริ่มใหม่ค่ะ แต่บทเก่าๆ มันอาจจะอยู่ในหัวบ้าง พวกจังหวะก็พอจะจำได้ แต่มันก็มีการปรับเพิ่มเติม เนื้อเพลงใหม่ ปรับบทใหม่ เราก็ต้องล้างของเก่าออกไปบ้างนิดหน่อย เพื่อที่จะไม่ยึดติด แล้วสไตล์คราวนี้มันจะกระชับขึ้น ชัดเจนขึ้นในเรื่องของคาแรคเตอร์ เลยต้องมีการปรับคาแรกเตอร์กันพอสมควร ก็คงต้องล้างของเก่าออกเหมือนกันค่ะ"
"ความแตกต่างกัน คงเป็นในแง่ของบรรยากาศมั้งค่ะ คือ ลูกใหม่หมดทั้ง 4 คน บรรยากาศของการทำงานร่วมกัน มันก็เปลี่ยนไป เหมือนเราได้ปรับตัว ทำอะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ ฉาก เสื้อผ้า มันมีการทำใหม่ทั้งหมดค่ะ มันก็รู้สึกว่า เหมือนได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอีกครั้ง แต่ในรูปลักษณ์ใหม่ๆ ก็เลยคิดว่า มันน่าสนใจและน่าตื่นเต้น"
ยอมรับเหนื่อยกว่าเดิม เพราะ "บอสบอย"เข้มงวดมากขึ้น บอกห่างไป 6 ปี ต้องเคาะสนิมทั้งเรื่องร้องและเรื่องเล่นใหม่ทั้งหมด
"เหนื่อยกว่าเดิมค่ะ เพราะหนึ่งอายุก็มากขึ้น สอง คุณบอยพยายามเข้มงวดกับการร้องเพลงมากขึ้น มันก็เลยค่อนข้าง เหมือนกับเราต้องทำงานหนักทุกๆ ด้าน แล้วก็ยังมีตื่นเวทีบ้าง เพราะนี่มันเหมือนครั้งแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นไปร้องบนเวทีแห่งนี้ ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้น มีเพลงเดิม เพลงใหม่ และเพลงโซโลหนึ่งเพลง ซึ่งแต่ละเพลงจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง"
"นกเว้นจากการร้องเพลงไปตั้งแต่เล่นบัลลังค์เมฆครั้งนั้นเลยค่ะ 6 ปีแล้ว ต้องกลับมาเรียนใหม่เลย กลับมาเรียนกับครูประจำที่ซ้อมกันอยู่แล้ว เวลาที่ต้องเล่นละครเวที เรียนการแสดง ร้องเพลง ไปเรียนเพิ่มเติมกับหม่อมน้อยด้วย ลูก 4 คน(ในเรื่อง) เขามาเรียนกับหม่อมน้อยหมดเลย ก็จะมีเข้าคลาสด้วยกันด้วย"
"วิธีการร้องเพลงก็เปลี่ยนเหมือนกันค่ะ 6 ปีที่แล้ว ก็เรียนไม่เหมือนกัน ความเป็นธรรมชาติของแต่ละคนก็แตกต่าง เป็นธรรมชาติที่ทำให้เกิดชีวิตชีวา สีสัน วัยใกล้ๆ กันด้วย (หัวเราะ) ก็เลยรู้สึกว่า กลมเกลียว เรามีโอกาสได้ไปเรียนการแสดง พร้อมๆ กัน ทำให้ค่อนข้างสนิทสนมกัน ลื่นไหลในการเข้าฉากด้วยกัน"
เผยทิ้งทุกงานตลอด 6 เดือนที่รับแสดง เพื่อทุ่มให้กับละครเวทีเรื่องนี้อย่างเต็มที่
"ยากขึ้นนะ ด้วยความที่บทต้องปรับ ให้มีความกระชับ เพลงก็เปลี่ยน เพราะฉะนั้น มันมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมากกับลูกทั้ง 4 คน ยากขึ้นแน่นอน"
"ห่วงเรื่องของการร้องเพลงมากกว่า ว่าจะทำได้ดีไหม สุขภาพก็สำคัญ เพราะมันเล่นเกือบทุกฉากเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ เปลี่ยนชุด ต้องเปลี่ยนไว เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องอารมณ์ด้วย เรื่องนี้ ใช้อารมณ์ค่อนข้างเยอะ หนักเหมือนกัน แล้วมันต้องแสดงหลายครั้ง ตอนนี้ก็ตั้งไว้ที่ 22 รอบ ต้องดูที่กระแสด้วยค่ะ"
"6 เดือนนี้ นกไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ คือ ครึ่งปีหลัง มาทุ่มให้การแสดงบัลลังค์ เมฆอย่างเดียวเลยค่ะ หวังว่าเขาจะเล่นให้ครบ 6 เดือนนะค่ะ เพราะทิ้งงานทุกอย่างแล้วนะ"
ยอมรับ เป็นเพราะลูกโตเป็นวัยรุ่น ทำให้เข้าใจบท "ปานรุ้ง" มากกว่าเดิม บอกทั้งลูกชายและลูกสาวเป็นห่วงและอยากดูคุณแม่แสดงละครมาก
"เนื่องจากลูกจริงๆ ของนกก็โตขึ้นแล้วด้วย ช่วงนั้น(ที่แสดงละครเวทีบัลลังก์เมฆครั้งล่าสุด) น้องกันอายุ 12-13 ขวบเอง แต่ตอนนี้น้องกัน 19 แล้ว คือ เราเข้าใจ ความเป็นวัยรุ่น การใช้อารมณ์ การพูด ความต้องการของเขา มากกว่า ช่วงที่ผ่านมา ช่วงหลังๆ ตั้งแต่องค์ 2 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นเรื่องของลูก ปัญหาของลูก มันไม่ต้องบิ้วอารมณ์เลยค่ะ มันมาเอง"
"ลูกๆ ก็จะมาถามว่า เป็นอย่างไร ซ้อมทุกวันเหนื่อยไหม ? ประมาณนั้น แต่อย่างไรเราก็ต้องดูแลตัวเอง สำคัญที่สุดค่ะ"
"น้องกันตื่นเต้นมาก คาดว่าจะมาดูทุกรอบ ส่วนลูกสาวตอนนี้ก็ลุ้นอยู่ว่า ถ้าได้เพิ่มรอบจะกลับมาดูได้ทัน เพราะเขาจะกลับมาช่วงเดือน พฤศจิกายนไงค่ะ ลูกสาวอยู่นิวซีแลนด์ เขาบอกแม่เพิ่มรอบให้ได้นะ หนูจะได้กลับมาทัน เขาอยากดูมาก ก็มีการคุยกันตลอด ซ้อมไปถึงไหนอย่างไร เขาก็อยากดู เพราะเขาเรียนด้านนี้ด้วยไงค่ะ เราคุยกับเขาแล้ว แฮปปี้ค่ะ เข้าใจ วันนี้ซ้อมอย่างนั้นอย่างนี้ ที่นี่เรียนอย่างนี้ๆ คุยเรื่องละครเวทีกันเลย ตอนนี้ลูกสาวอายุ 16 ย่าง 17 แล้ว เขาเรียนละครเวที แต่เขาเรียนทางด้านดราม่าเลย ปีหน้าก็ปีสุดท้ายแล้ว"
