xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ได้ดั่งใจ "ปรัชญา" ค้านพรบ.หนัง เตรียมทดลองจัดเรตเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ปรัชญา" นำกลุ่มเครือข่ายรณรงค์ฯ คัดค้านร่าง พรบ.หนังฯ แจงในส่วนของสมาคมฯ ยังติดเรื่องสัดส่วนที่มาของคณะกรรมการ โอดอยากให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีส่วนร่วมด้วย บอกเห็นด้วยกับการจัดเรตแต่รายละเอียดอยากให้อยู่ในกฎหมายลูกอีกที ฟุ้ง กำลังทดลองทำโครงการจัดเรตเองผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงวัฒนฯ แล้ว

กลุ่มเครือข่ายรณรงค์เพื่อเสรีภาพของภาพยนตร์ ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย, มูลนิธิหนังไทย, ชมรมหนังสั้นแห่งประเทศไทย, Thai Internet Service Commercial Association และเครือข่ายเยาวชนฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมตัวจัดเสวนาให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ฉบับที่กำลังนำออกมาใช้

ทั้งนี้ ผกก.มือฉมัง "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ในฐานะสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยและเป็นแกนนำในการร่วมพูดคุยครั้งนี้ เปิดเผยว่าในส่วนของภาพยนตร์อยากให้มีสัดส่วนที่มาของคณะกรรมการเฉลี่ยสัดส่วนที่เท่ากัน โดยมีผู้ประกอบการและภาคประชาชนร่วมในการจัดเรตด้วย

"วันนี้ที่พูดคุยความเห็นของทุกกลุ่ม ขอคัดค้าน พรบ.ฉบับนี้ไว้ก่อน ในเหตุผลของแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป ภาพยนตร์เราติดข้อเดียว จำนวน สัดส่วนที่มาของคณะกรรมการ ประท้วงไปตั้งแต่แถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่าเราไม่เห็นด้วย ว่าขอคัดค้าน ถ้ายื่นหนังสือเราจะยื่น พรบ.ในมุมมองเรา เสนอประกบเข้าไป"

"คือเรื่องของ พรบ. ต้องมีการยับยั้งกัน เพราะตอนนี้ พรบ. ค่อนข้างวุ่นวายมาก นอกจากภาพยนตร์ยังมีวิดีโอแล้วก็มีเกม อินเทอร์เนต และหนังสั้น ปัญหาของแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกัน บางกลุ่มยังมีปัญหาอยู่ก็ต้องหยุดกัน ตอนนี้เรามารวมกลุ่มกันและสู้พร้อมกัน ของภาพยนตร์เหลือปัญหานิดหน่อย เรื่องของการจัดเรต เราไม่อยากให้ระบุใน พรบ. อยากให้ระบุทีหลัง"

"ใน พรบ.อาจพูดว่า กำหนดให้ภาพยนตร์ไทยมีการจัดเรตและแบ่งประเภทของภาพยนตร์อันนี้เห็นด้วย ส่วนจะกี่ประเภทอาจมีอยู่ในกฎหมายลูกอีกทีนึง ส่วนภาพยนตร์ที่ต้องแบน โดยหลักประชาธิปไตยเราไม่เห็นด้วยแต่โดยกติการสังคมเราเห็นด้วย แต่ควรระบุให้ชัดเจนประเภทไหนบ้างที่เข้าข่ายของการแบน"

โอดอยากให้ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนเป็นผู้พิจารณาการจัดเรตหนังในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งพรบ.ฉบับนี้ มีผู้กำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์พิจารณา ประกอบไปด้วยข้าราชการโดยตำแหน่ง 16 คนและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีอีกไม่เกิน 7 คน โดยเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่เข้าใจศาสตร์ของภาพยนตร์

"ทางที่เราอยากให้เป็นไปได้ ผู้ที่จะพิจารณาว่าเรตหนังควรอยู่เรตไหนต่างๆ น่าจะประกอบไปด้วย จากภาครัฐ 1 ส่วน ผู้ประกอบการ 1 ส่วน ประชาชน 1 ส่วนในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน แต่ว่าที่มาของสัดส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการและภาพยนตร์วิดีทัศน์แห่งชาติ ซึ่ง เราเห็นว่าสัดส่วนนี้ยังไม่เห็นด้วย เราอยากให้ประชาชน ผู้ประกอบการมีส่วนตั้งแต่ตอนนั้นเลย"

"เราว่าคนเหล่านั้นเขาไม่เข้าใจศาสตร์ภาพยนตร์เขามองแต่ด้านบางด้านมันอาจไม่ลงตัว เลยคิดว่าน่าจะมีคนเข้าใจภาพยนตร์เข้าไปมีสัดส่วนและอยากให้มีมากกว่านั้นอยากให้ภาคประชาชนด้วย"

แสดงความต้องการอยากให้มีคนในวงการภาพยนตร์เข้าไปมีส่วนร่วมกับ พรบ.ฉบับนี้
"ในการกำหนดนโนบายต่างๆ กฎหมายต่างๆ อย่าง พรบ.มีมาตราใดๆ ออกมาต้องกำหนดกฎเกณฑ์กติการวมทั้งบทลงโทษด้วย อย่างเราบอกมีการจัดเรต ต้องบอกว่ามีกี่เรต เรตอะไรบ้าง กรรมการชุดนี้ต้องวางออกมา เพียงแต่กรรมการที่ตั้งมาไม่มีคนในวงการ"

"ก่อนหน้านี้มี (คนวงใน) ตลอดเลย แต่ช่วงที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดเป็นตอนคุณ วีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ (ผช.รมต.กระทรวงวัฒนธรรม) ถูกร่างไว้เขียนเป็นเล่ม พอถึงยุคกระทรวงวัฒนธรรมปัจจุบันอาจจะเอาตรงนี้ไปรวมแล้วแปลงเอามา ตอนที่แปลงเราไม่รู้เรื่องแล้ว เราจะไปรู้เรื่องตอนกระทรวงวัฒนฯ เสร็จฉบับนี้ออกมา มารวมกับทีวีแล้ว"

"หลังจากนั้นไม่นานกฤษฎีกาเชิญเราไปฟังความคิดเห็น 3-4 ครั้ง มาตรายังไปไม่ถึงไหน จู่ๆ เขาก็พูดจาเหมือนไม่ให้เกียรติเรา เหมือนเราแสดงความคิดเห็นไปมากก็เหมือนเราพูดมากไป คือไม่เชิญก็ได้แต่เหมือนเขาเชิญเหมือนเป็นบุญคุณ เราก็เลย วอล์คเอ้าท์กัน ตอนนั้นไปแค่มาตรา 2-3 เอง ยังไม่ถึงเรื่องจัดเรต"

เผยมองการจัดเรตที่ออกมาแล้วยังมีบางข้อที่ยังไม่เหมาะสมกับบ้านเรา..."จัดเรตที่ประกาศผ่าน ครม. แล้ว มี 4 เรต 1. คนดูทั่วไป 2. ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า15 ปีมีผู้ปกครองแนะนำ 3. ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีห้ามดู 4.ห้ามฉาย มันมีข้อเสียอยู่ คือเรต 1,2 มันต่างกันเกินไป โอเค เรต 1 มีคนดูทั่วไป เรามองว่า 15 ปีมีผู้ปกครองมาแนะนำ มันมีคำหยาบบ้าง อาจมีอะไรที่ร้ายแรงนิดๆ กลางๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเหมาะกับเด็ก 7-8 ปี ก็ต้องมีผู้ปกครองเข้าไป แต่ผู้ปกครองแย่ๆ ที่ไม่มีวุฒิภาวะเขาอาจพาเด็ก 8 ปีเข้าไปก็ไม่ผิดกฎ นั่นแหละผมว่ามันไม่เหมาะกับบ้านเรา"

บอกอยากให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นเรื่องการจัดเรต คุย ผอ.ลัดดา ตั้งสุภาชัย (ผอ. สำนักงานคณะกรรมการเฝ้าระวังวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม)รับปากจะพิจารณานำเอาประเภทการจัดเรตที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ออกแล้วค่อยมาเจรจากันอีกครั้ง

"เรื่องจัดเรตเราพูดว่าควรจะศึกษาเยอะๆ และฟังความคิดเห็นในทุกๆ ด้าน ฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้ประกอบการแล้วกำหนดออกมาควรมีกี่เรตและเรตอะไรบ้าง อย่างนี้น่าจะดีกว่า แต่อันนี้เขาวางมาแล้วไง ผมได้คุยกับคุณลัดดา จัดเรตเห็นด้วยแล้วนะแต่ประเภทเรตเอาออกก่อนได้มั้ย แล้วคุณลัดดาก็รับปากเปล่าว่า โอเค เห็นด้วยเอาออกไปก่อนก็ได้แล้วค่อยมาว่ากัน แต่จะมีกี่เรตขอไว้คุยด้วยนะ คุณลัดดาบอกได้"

"เซ็นเซอร์คือเรตสุดท้ายที่เขาวางมา คือแบน ห้ามฉาย แต่เราเข้าใจก็คุยกันในกลุ่ม ผกก. เขาอยู่ตรงนี้เขาต้องรักษาวัฒนธรรม รักษาสิ่งดีไม่ดีต่อสังคม การแบนก็เห็นด้วย"

ทางสมาคมผกก.ภาพยนตร์ไทย เผยอยากทดลองทำการจัดเรตเองก่อน โดยการนำข้อมูลของกระทรวงวัฒนฯ แล้วนำความคิดเห็นจากภาคผู้ประกอบการมานั่งคุยกัน
"การจัดเรต รวมทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ แต่ว่าการกำหนดเรตคงนั่งคุยกันว่ามีกี่เรตอะไรบ้าง คงเอาข้อมูลของกระทรวงวัฒนฯ เอาความเห็นของทางเราบวกเข้าไป ไม่ต้องรอ พรบ.ออก ขอเป็นโครงการพิเศษ ซึ่งปรึกษาทางกระทรวงวัฒนฯ แล้วเขาบอกทำได้ ส่วนทางโรงภาพยนตร์เห็นชอบ เป็นการทดลองกันครับ"

เผยใจจริงไม่อยากยับยั้งร่าง พรบ. อยากให้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่กำลังลุ้นโครงการจัดเรตที่จะทดลองทำกันเอง ฟุ้ง คิดว่าไปได้สวยสำหรับการเริ่มต้น
"ผมไม่อยากยับยั้งหรอก อยากให้มันผ่านไปแล้วไปสู้กันด้วยกฎหมายลูก แต่ถ้าคนอื่นไม่ผ่านเราก็ไปห้ามเข้าไม่ได้ เราถึงบอกว่าเราไม่สนและจะผ่านไม่ผ่านช่างหัวมัน ผมกำลังลุ้นโครงการการจัดเรต ตอนนี้แค่เริ่มต้นทุกคนเห็นด้วยผมก็ดีใจแล้ว แต่อย่าทะเลาะกันเท่านั้นแหละ"

แจงต้องมานั่งถกกันถึงการจัดเรตให้ชัดเจน..."หนังคำหยาบตรงนี้ทุกคนคิดไม่เท่ากัน ต้องมาถกกัน อย่างบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าเด็กต่ำกว่า 13 ปีคงดูไม่ได้ ต้องมานั่งเถียงกัน ถ้ามีเท้าอยู่ในเฟรมเล่นกับหัว พูดคำหยาบ หรือเห็นอวัยวะเพศนั้นเห็นได้แค่นั้น หรือห้ามเห็นเลย จะอยู่ในเรตไหน"

"หรือมีฉากเลิฟซีน ร่วมเพศได้แต่ส่อมาทางลามกขนาดไหน เราต้องตีนามธรรมเป็นรูปธรรมให้หมด ส่วนห้ามฉายต้องชัดเจน เราเข้าใจนะว่ารัฐบาลกำหนดกติกาตรงนี้มาเพื่อกันหนังบางอย่าง ซึ่งต่างประเทศก็มีการห้ามฉาย อย่างหนังแสงศตวรรษ หนังเขาจำกัดกลุ่มคนดูก็ได้ มีพื้นที่โรงหนังให้เขาฉายแต่อย่าตัด นี่คื่อหลักการเดียวกัน"

กำลังโหลดความคิดเห็น