"กิตติ" ยอมรับไม่รู้อยู่ที่(ที)ไอทีวีในฐานะอะไรก่อนปัดข่าวตอนนี้ยังไม่ย้ายวิก แจงถ้าจะไปเรื่องเงินไม่สำคัญเท่า "อิสระ" พร้อมแอบบอกเป็นนัยถือเป็นสิทธิ์ส่วนตัวหากพนักงานจะตีจากบ้านเก่าไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า และไม่ขอออกความเห็นกรณี "มัลลิการ์" ประกาศลาออก
ถือเป็นหนังยาวเลยทีเดียวสำหรับเรื่องราวความเคลื่อนไหวของการกว่าจะเป็น "ทีไอทีวี" ที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบเนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ทั้งตัวผู้บริหาร, นโยบายหรือแม้กระทั่งการที่ "ทีไอทีวี" ได้ออกอากาศต่อถือเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายจริงหรือไม่
แต่ที่น่าจับตามองอย่างมากที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการที่เหล่าพนักงานของ "ไอทีวี" ทั้งหลายที่เคยออกมาขอความเป็นธรรมไม่ให้ทีวีของตนเป็น "จอดำ" ซึ่งมีกระแสข่าวหนาหูว่ากำลังจะเตรียมตัวตีจากองค์กรของตนเองทั้งๆ ที่พวกเขาเพิ่งได้รับชัยชนะจากการเรียกร้องให้ "ทีไอทีวี" ได้ออกอากาศต่อไปหมาดๆ
จึงมีคำถามตามมาว่าพนักงานเหล่านั้นออกมาร้องขอความเป็นธรรมเพื่อเหตุผลใดกันแน่? สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดคืออะไร?
วันนี้ "บันเทิงออนไลน์" ได้รับคำตอบจากหัวหอกคนสำคัญของ "ทีไอทีวี" อย่าง "กิตติ สิงหาปัด" ซึ่งก็มีข่าวว่าจะไปซบอกช่อง 3 ด้วย โดยกิตติชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวนี้ว่าถือเป็นสิทธิ์ของพนักงานทุกคนที่จะทำได้ พร้อมไม่ขอออกความเห็นกรณี "มัลลิการ์ บุญมีตระกูล" ประกาศลาออกกลางรายการ "ร่วมแรงร่วมใจ"
"ที่เขาประกาศลาออกในรายการผมไม่ทราบรายละเอียด ผมเข้าใจว่าเมื่อเขาแถลงข่าวลาออกไปแล้วก็ถือว่าจบไปนะ ก็เป็นความสมัครใจของเขาที่จะออกเอง แต่นี่เราก็เป็นพนักงานด้วยกันคนหนึ่ง"
"คือตอนนี้ผมไม่มีสถานะจะพูดอะไรในเชิงตัวแทนองค์กรได้เพราะว่าไอทีวี ณ วันนี้ก็เลิกจ้างเราแล้วที่ใหม่คือทีไอทีวีก็ยังไม่ได้จ้างเรานะครับ ซึ่งตอนนี้สถานะผมก็คือเป็นคนทำงานคนหนึ่งในทีไอทีวีโดยที่ไม่รู้สถานะอะไรเลย เงินเดือนเดือนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าได้รึเปล่าด้วยซ้ำไปนะครับ"
"ส่วนทางด้านทีมข่าวของผมตอนนี้ยังอยู่ครบทำงานกันเต็มที่ 100% แต่ต้องเข้าใจว่าเนื่องจากความชัดเจนในการบริหารจัดการมันยังไม่มี ต้องรอครม.ส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทุกคนก็ทำงานมีแต่หัวใจนะครับเวลานี้ เครื่องมือทรัพยากรที่จะมาสนับสนุนทำงานก็ยังไม่เต็มร้อย พนักงานก็คงเข้าใจในจุดนี้ผมคิดว่าทุกคนก็เข้าใจสภาวะที่เป็นอยู่นะครับ ก็ต้องรอดูว่าเมื่อมีความชัดเจนในแง่ขององค์กรที่เข้ามาบริหารจัดการแล้วมันจะมีความชัดเจนอะไรมากน้อยขนาดไหน"
"เรื่องการรับสมัครพนักงานใหม่ก็..เขาเพิ่งแจกใบสมัครมาให้เขียนนะครับก็ระหว่างนี้พนักงานก็กำลังเขียนอยู่ ก็เขียนถึงวันพรุ่งนี้มะรืนนี้เป็นครั้งสุดท้ายมั้งครับ แต่ใครสมัครใจไม่เขียนหรือสมัครใจเขียนก็คงแล้วแต่ นี่เป็นความสมัครใจแล้ว ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่พนักงานได้เคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาเพราะเราไม่อยากให้จอมันดำเพื่อที่ไม่กระทบกับคนหมู่กว้าง"
"ในเมื่อรัฐบาลท่านกฤษฎีกาตีความว่าให้ทำได้ศาลปกครองได้ตัดสินว่าให้คุ้มครองฉุกเฉินได้ออกอากาศต่อไปได้ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้มันทำต่อไปได้โดยที่สิทธิ์ของการที่จะทำงานใครตัดสินใจจะอยู่จะต่อหรือไม่อะไรเนี่ยเป็นเรื่องของใครของมันแล้ว พนักงานแต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเองนะครับ อยากลาออกไปทำธุรกิจที่บ้านอยากไปอยู่บริษัทอื่นหรืออยากไปอยู่ที่ไหนก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ตัดสินใจเอง"
เมื่อถามต่อว่านักข่าวบางคนที่ออกจากทีไอทีวีเป็นเพราะไม่ต้องการเป็นสื่อที่ถูกครอบงำโดยรัฐบาลซึ่งโดยส่วนตัวกิตติแล้วมีความคิดเห็นแบบนี้บ้างหรือไม่? เจ้าตัวบอกแล้วแต่คนจะคิด
"คือแล้วแต่ใครจะคิดนะครับ ใครคิดว่าทำงานได้ก็ทำใครคิดว่าต่อไปทำงานลำบากก็คงไม่ทำ มันก็ชั่งเอาระหว่างส่วนตัว ถ้าเราอยู่ที่ทีไอทีวีทำงานได้ระดับนี้สภาพการทำงานสิ่งแวดล้อมแบบนี้ก็ไปอยู่ที่อื่น"
"แต่ถ้าเราไปอยู่ที่ใหม่เนี่ยตอนนี้ก็ไม่ชัดเจนเลยว่าจะเป็นอย่างไร ผมเองก็คอยดูอย่างที่ว่าเนี่ยถ้ายังทำงานได้อย่างสนุกนะครับหรือทำอะไรได้ก็โอเค ถ้ามีช่องอื่นมาชวนนักข่าวของผมไปมาชวนผู้ประกาศข่าวไปเขาคงต้องชั่งว่าที่นี่เป็นอย่างนี้ไปอยู่ช่อง 3, 5, 7, 9 แล้วจะเป็นอย่างไร ทุกคนก็ตัดสินใจเรื่องอนาคตของตัวเอง"
แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องตัวเงินที่กิตติได้รับเมื่อครั้งอยู่กับ "ไอทีวี" ซึ่งว่ากันว่าได้อย่างต่ำเดือนละเป็นแสนแล้วหากเขาต้องมาเป็นพนักงานของ "ทีไอทีวี" ที่ได้เงินเดือนตามระบบของรัฐนั้นกิตติจะรับได้หรืออีกทั้งยังมีช่องอื่นที่มีนายทุนใจป้ำเสนอรายได้มหาศาลให้อีก เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวย้ำเงินไม่ใช่ตัวชี้ขาด
"ผมจะบอกนะ ผมอยู่ที่นี่รายได้ปัจจุบันนี้ถ้าเทียบกับคนที่จะมาให้ผมน่ะมันมากกว่านี้ 2 - 3 เท่า คือถ้าผมจะไปไปนานแล้ว มันต้องดูตัวอื่นประกอบกัน รายได้ไม่ได้เป็นตัวชี้ขาดครับเรื่องเงินเดือนผมไม่รู้ที่ทีไอทีวีเลย และผมเชื่อว่ามันยังไม่มีความชัดเจนอะไรเลย ก็รอดูความชัดเจนทั้งหมดซึ่งก็ต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อประชาชนก่อนเพราะต้องสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้ากับผู้ชมกับเอเจนซี่ทั้งหลาย"
"แต่ ณ เวลานี้ผมก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไม่อยู่ที่นี่นะครับ ก็เราอยู่มา 10 ปีและอยากจะสร้างผลงานต่อซึ่งอนาคตข้างหน้าถ้าทีไอทีวีเปิดโอกาสให้เราทำงานอยู่เราก็ยังไม่ไปไหนครับ ที่มีข่าวว่าคุณประวิทย์ (มาลีนนท์)ทาบทามนั้นผมพูดไปแล้วว่าก็ขอบคุณคุณประวิทย์ ผมเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรนะครับ เรื่องทาบทามพูดกันวงกว้างมากซึ่งก็มีหลายที่ที่อยากจะให้ผมได้มีโอกาสที่จะไปทำงานด้วย"
ไม่กล้าฟันธงว่าจะไม่ทิ้ง "ทีไอทีวี" แต่ย้ำจุดยืนการทำงานของตนเองคงเหมือนเดิมแม้จะไปอยู่ช่องอื่น
"เวลาเราทำงานที่ใดที่หนึ่งมันพูดอะไรไม่ได้ 100% หรอกครับว่าจะอยู่ที่นี่ไปจนตายหรือจะย้ายใหม่ ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจน เวลาที่ผมจะย้ายงานมันต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบนะครับแต่อย่างน้อยที่สุดปัจจัยด้านการมีความเป็นอิสระในการทำงานของผมจะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เพราะว่าพูดถึงคนมาทาบทามผมมาเป็นปีแล้ว คือถ้าผมจะออกผมออกไปนานแล้วถ้าไม่ได้ห่วงที่ไอทีวีน่ะ"
"แต่ว่าอยู่ที่นี่ตราบใดที่เรายังมีความสามารถแล้วก็มีโอกาสให้ผมได้แสดงความสามารถในสิ่งที่ผมเป็นในบุคลิกที่ผมเป็นก็ยังคงทำงานที่นี่ซึ่งในอนาคตผมไม่แน่ใจว่าผมยังสามารถทำงานได้อย่างนี้หรือเปล่าถ้าทำงานได้มีความสุขก็ทำต่อครับไม่มีปัญหา"
"ถามว่าการทำงานของผมจะเปลี่ยนไปมั้ย..ผมต้องดูความชัดเจนโดยที่มีปัจจัยการทำงานอยู่ที่สภาพแวดล้อมให้ผมทำงานได้อย่างใจที่ผมทำ ตามสไตล์ที่ผมเป็น ผมไม่ค่อยปรับตัวเองเข้าไปสู่สไตล์ที่ผมไม่ชอบนะครับ ตราบใดที่ถึงแม้ผมไปอยู่ที่ใหม่หรืออยู่ที่นี่ถ้าได้ทำงานตามสไตล์ที่เราเป็นแบบที่เราชอบนะตามแนวข่าวที่เราเชื่อถือที่เราเชื่อว่าจะดีเราก็อยู่ที่นี่"
"ถ้าเกิดว่ามันมีสภาพที่ทำได้ ถ้าอยู่ที่นี่ทำไม่ได้แล้วไปอยู่ที่อื่นทำได้ดีกว่าก็ต้องพิจารณาแต่ตอนนี้ผมยังพูดได้แค่นี้ว่ายังอยู่ที่นี่"