“กนก” หนี “สรยุทธ” ซบ “เสี่ยตา ปัญญา” นั่งจ้อพิธีกรรายการ “มหานคร” ชน “ตีสิบ” ปฏิเสธแตกคอกับคู่หู แต่ยอมรับกดดันที่ต้องอ่านข่าวม็อบล้อมเนชั่นฯ ลั่นขอออกตั้งแต่มีการรัฐประหาร แต่ สรยุทธ ขอให้อยู่ต่อ แม้ต้องเปลี่ยนสายมาทำบันเทิง แต่บอกไม่กดดันเจอเปรียบเทียบ “วิทวัส” ประกาศชัดไม่บังอาจตีเสมอ
บอสใหญ่เวิร์คพอยท์ “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผุดโปรเจกต์จับมือ “ชาลอต โทณะวณิก” บอสใหญ่ “มีเดีย ออฟ มีเดียส์” ดึงตัว 5 พิธีกร 5 วัย 5 สไตล์ ร่วมดำเนินรายการใหม่ “มหานคร” ออกอากาศช่อง 7 อัดเต็มที่ 2 ชั่วโมงเต็ม ชนตีสิบของ “เสี่ยวีที วิทวัส สุนทรวิเนตร์” ทางช่อง 3 พร้อมตั้งใจดันเด็กมหัศจรรย์ “น้องเดียว” แห่งเกมทศกัณฐ์ ประชัน 4 พิธีกร อย่าง กนก รัตน์วงศ์สกุล, เชียร์ ทิฆัมพร, หม่ำ จ๊กมก และธงชัย ประสงค์สันติ
สำหรับพิธีกรคู่หู ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” อย่าง “กนก รัตน์วงศ์สกุล” เปิดเผยถึงรายการใหม่ที่จะนั่งแท่นพิธีกรครั้งนี้ ว่า ที่จริงมีการพูดคุยกันมานานแล้ว ยันไม่มีปัญหาขัดแย้ง สรยุทธ ลั่นอยากหยุดตั้งแต่มีม็อบล้อมเนชั่น บอกไม่สบายใจพูดถึงเรื่องการเมือง หลังรัฐประหารอยากหยุดแต่โดนสรยุทธขอไว้
“กับคุณสรยุทธก็หยุดทำไปตอนเดือนพฤศจิกายน คือ ความจริงนี่เรื่องข่าวก็ยังทำอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางคุณสรยุทธ ความจริงผมเบื่อ ไม่เชิงเบื่อ เอาเป็นอยากเปลี่ยนบรรยากาศ คือ ตั้งแต่กลางปีนี่เรื่องของข่าวการเมืองมันจะมีเรื่องของการปะทะกัน เรื่องของม็อบอะไรอยู่ เรื่องของทางความคิดเยอะ ซึ่งทางคุณสรยุทธเองเขาก็ทราบ เพราะผมเคยเกริ่นให้เขาฟัง มันทั้งเหนื่อยด้วย และข่าวมันก็จำเจ แล้วมันเป็นปีที่ข่าวในทางปะทะกันทางด้านความคิดมันเยอะเกินไป”
“คิดว่ารู้สึกเครียดนะ แล้วผมรู้สึกตัดสินใจเลยนะ ตั้งแต่ตอนที่มีม็อบไปล้อมที่เนชั่น ตอนนั้นผมตัดสินใจเลยว่า ถ้าหยุดได้ผมจะหยุด เปลี่ยนบรรยากาศ ผมรู้สึกว่าผมต้องพูดข่าวที่มันมาถึงเราน่ะ แล้วผมรับไม่ได้กับวันนั้น วันนั้นนี่ทำให้ผมตัดสินใจเลย”
“ความจริงผมยังกินเงินเดือนเนชั่นอยู่นะ อย่างรายการจมูกมด นี่ผมก็ไปในนามเนชั่น ทางคุณสรยุทธเขาก็มีมาชวน แล้วก็มีทางผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ก็มีมาชวน แต่อย่างที่บอกว่าเรื่องข่าวเนี่ย เอาไว้ก่อนดีกว่า ความจริงก็ตั้งแต่กลางปีอย่างที่บอก แล้วพอมีกระแสข่าวปฏิวัติมา ซึ่งผมก็บอกคุณสรยุทธ ว่า ถ้ามันมีปฏิวัติจริงๆ นะ ผมขอหยุด แล้วความจริงตอนที่มีปฏิวัติเช้าวันที่ 20 ผมก็จะหยุดนะ 20 กันยานี่ผมก็จะหยุด แต่คุณสรยุทธ บอกว่า มันตลกนะ ถ้าปฏิวัติแล้วเราสองคนหายไปเนี่ย มันเหมือนกับว่าเราโดนปฏิวัติไปนะ เออ ก็มีเหตุผล ผมก็เลยทำมาอีกสักพักหนึ่ง ก็มาหยุดจริงๆ ตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายน”
“ทางคุณสรยุทธเขาก็รู้มาตลอดครับ แต่เราก็ไม่ได้อยากให้มันมีอารมณ์พิรี้พิไร เหมือนกับว่าออดอ้อนอะไร ก็เลยทำในลักษณะที่เหมือนว่า โอเค ผมลาพัก ดูเหมือนผมเป็นคนแก่นะ
เตรียมลงจอช่อง 7 ในมาดพิธีกรหลังปีใหม่นี้ในรายการ “มหานคร” ชนกับ “ตีสิบ” แต่ไม่คิดเทียบรุ่น เพราะมาคนละเส้นทางกัน ยืนยันไม่ได้มีการซื้อตัวแต่มีการพูดคุยกับ “เสี่ยตา ปัญญา” มานานแล้ว
“ความจริงงานนี้เป็นงานที่รับมานานแล้ว และก็ตื่นเต้นเพราะว่าอย่างที่บอก มีเดีย ออฟ มีเดียส์ กับเวิร์คพอยท์ อุตส่าห์ให้เกียรติมาชวนทั้งที บอกตรงๆ นะ ผมไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธเลย ยิ่งมาทราบชื่อพิธีกรแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะทำ เรื่องความหนักใจ มันไม่เชิงหนักใจนะ มันเป็นความรู้สึกตื่นเต้นนะ เป็นความรู้สึกที่ตื่นตัวตลอดเวลา มันเป็นโลกที่เราไม่เคยก้าวเข้ามาในวารตี้เนี่ยเแต่ก็รู้สึกอุ่นใจว่าด้านเวิร์คพอยเองก็มีประสบการณ์ แล้วพิธีกรแต่ละคนก็มีชั่วโมงบินสูง เราก็ต้องฝากไว้กับเขานะครับ คือในพิธีกรทั้งหมด 5 คนนี่ ไม่มีใครมีบทบาทมากกว่ากัน ทุกคนช่วยกันหมด”
“เรื่องการปรับตัว ก็พอสมควรนะครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงาน หรือว่าการเรียนรู้ เพราะวาไรตี้มันจะมีโลกของความบันเทิงเข้ามาเยอะ แล้วรายการนี้เนี่ยเขาจะไปเจาะชีวิตของเมืองใหญ่ในประเทศอื่นด้วย ก็โอเค มันมีบางอย่างที่เขาเผื่อเอาไว้ให้ผมโดยเฉพาะ ในการสัมภาษณ์เนี่ย ก็พอได้ สำหรับเรื่องข้อมูลนี่ทางทีมงานเขาหาให้ ทีมงานเวิร์คพอยท์เขาทำงานหนักมากครับ”
“กับคุณวิทวัสบังเอิญตรงกันมากกว่าครับ ผมว่านะ มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า เพราะว่าวันอื่นมันก็เต็มหมดแล้ว ก็เหลือวันนี้”
“ให้ผมไปชนกับคุณวิทวัสเหรอครับ ...โอ้โห ไม่บังอาจหรอกครับ คุณวิทวัสเขาเป็นมือหนึ่งมานาน ประสบการณ์ชั่วโมงบินเขาสูงกว่าผมเยอะ คือ เราทำของเรามากกว่า เราคิดว่าอะไรที่ คนดูยังไม่เคยได้ในรายการวาไรตี้เนี่ย เราก็จะไปพยายามหามาอัดๆ เข้าไปใน 2 ชั่วโมงนี้ ในมหานคร โดยที่เราไม่ได้คิดว่า เราจะทำรายการแล้วไปตั้งเป้ากับคนอื่นเอาไว้ คือเราไม่ได้คิดว่าเราทำแล้วมีคนอื่นมาแข่งด้วย แบบนั้นเราไม่คิดตรงนั้น”
“เรื่องคนที่มองว่าผมมาแข่งกับคุณวิทวัสนี่ผมไม่กดดันนะ ผมเฉยๆ เพราะผมรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ แต่เรื่องของคนอื่นมองนี่ เราไปห้ามเขาไม่ได้”
ยอมรับช่อง 3 มาทาบทาม แต่ยังไม่ตอบตกลง บอกปัดตัวเองไม่ได้เนื้อหอม แต่เป็นเรื่องของโอกาสมากกว่า
“มีครับ ก็มีมาคุยๆ กับผม แต่ก็ยังครับ ผมรู้สึกว่ามันหมดเวลาแล้วครับ แต่ก็ยังมาคุยๆ กันอยู่ ผมก็รู้สึกดีที่ทางนั้นให้เกียรติ”
“ความจริงนะตั้งแต่ปี 48 ที่พี่ตา (ปัญญา นิรันดร์กุล) เคยชวน ตอนนั้นก็รู้สึกอยากทำ แต่ตอนนั้นเพิ่งทำรายการกับคุณสรุยทธ์ ตอนนั้นก็รู้สึกอยากทุ่มไปทางนั้นมากกว่า เรื่องเปลี่ยนบรรยากาศนี่ผมนึกถึงที่นี่ก่อนเลย แล้วพอมีทางพี่ชาร์ลอตมีเดียออฟมีเดียส์ มาชวนนี่ ผมยิ่งไม่ปฏิเสธเลย”
“มันว่าเป็นเรื่องของโอกาสมากกว่า ไม่ได้เนื้อหอมหรอกครับ มันคงไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกปี เผลอๆ อีกสองสามเดือนข้างหน้ามันอาจจะเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งก็ได้ครับ”
ผันตัวมาทำรายการวาไรตี้เต็มตัวครั้งแรก ลั่นเป็นรายการวาไรตี้ที่เป็นเสมือนครอบครัว ที่มานำเสนอความเป็นสังคมเมืองให้ผู้ชม ถือเป็นครั้งแรกที่มาพบกันของพิธีกรทั้งห้าคน
“ถือเป็นครอบครัวใหญ่เลยครับ แล้วแต่ละคนก็มีหน้าที่รับผิดชอบกันทุกด้านสาระ ทุกความสนุกสนาน เพื่อแฟนๆของช่องเจ็ดเลยครับ เหมือนกับเป็นบ้านแล้วก็มีห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก แล้วในห้องรับแขกก็มีพิธีกรอยู่ 5 คน แต่บางทีคนนั้นก็อาจจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็เหลือพิธีกรอยู่ 4 คน 3 คน อะไรอย่างนี้ แล้วก็จะมีแขกมาเยี่ยมบ้านเรา แล้วก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าแต่ละคนก็มีวัยที่แตกต่างกันไป ความคิดและมุมมองก็แตกต่างกันไป นั่นแหล่ะครับคือข้อดีที่พวกเราจะเอามาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันตรงนี้”
“คือจริงๆ มันเป็นหลากหลายมากกว่า เพราะอย่างที่บอกไป อย่างพิธีกรนี่เราก็ไม่เคยเจอกัน บางคนเพิ่งจะรู้จักกันนะครับ ก็รู้จักกันทางจอเนี่ย ก็เพิ่งมาร่วมงานกันครั้งแรก แม้แต่พิธีกรเองยังตื่นเต้นเลย และผมเชื่อว่าท่านผู้ชมก็น่าจะตื่นเต้นไปกับรายการด้วย 2 ชั่วโมง”