นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "สุนารี ราชสีมา" ยืนยันเสียงแข็งไม่มีการรอมชอมกับคู่อริเก่า "ต่าย คอสโม่" ลั่นต้องสู้กันจนถึงที่สุด แต่ไม่ขอเปิดเผยข้อเรียกร้อง ด้านฝ่ายจำเลยบอกไม่ซีเรียส ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามการตัดสินของศาล ส่วนจะฟ้องกลับอีกรอบหรือเปล่าคงต้องรอดูรายละเอียดก่อน
ยืดเยื้อชนิดหาทางลงกันด้วยดีลำบากซะแล้วกรณีข้อพิพาทระหว่างอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "สุนารี ราชสีมา" (สุนารี สอนนา) กับ "ชลชนก จุลมากร" หรือที่รู้จักกันในนามของ "ต่าย คอสโม่" กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอสโม่ จำกัด ซึ่งเคยชนะความต่อนักร้องลูกทุ่งหญิงในข้อหาหมิ่นประมาทมาแล้ว ขณะที่ทางนักร้องหญิงเองได้ฟ้องอีกฝ่ายกลับพร้อมด้วยหนังสือพิมพ์บ้านเมืองในข้อหาหมิ่นประมาทเพื่อการโฆษณาเช่นกัน โดยศาลได้นัดคู่กรณีทั้งสองเข้ามาไกล่เกลี่ยคดีกันในวันนี้ (12)
ภายหลังจากการสืบคดีตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทางอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรยได้เปิดเผยว่า การสืบคดีคงจะต้องใช้เวลาอีกนานแต่จะไม่มีการรอมชอมกันเด็ดขาดเนื่องจากการกระทำของอีกฝ่ายทำให้ตนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากทั้งชื่อเสียงและหน้าที่การงาน พร้อมเผยว่าชีวิตช่วงนี้มีความสุขดีกับอาชีพเลี้ยงวัว ไม่อยากจะออกไปเผชิญกับโลก แต่อย่างไรก็ตามตนก็จะไม่ทิ้งวงการเพลงอย่างแนนอน
"จะไปไหนได้อย่างไร พี่เกิดจากตรงนี้ มีอยู่มีกินก็เพราะตรงนี้ เพียงแค่ช่วงเวลานี้ขอให้เวลาตัวเองอยู่ในโลกของตัวเองซักพักหนึ่งก่อน ขออยู่กับพ่อกับแม่ กับลูกๆ ซักพักหนึ่งก่อน จริงๆ ตอนนี้กำลังทำเพลงอยู่ด้วย จะออกช่วงเดือนตุลาฯ ที่จะถึงนี้"
ขณะที่ "จำนงค์ ชัยมงคล" ทนายความของนักร้องหญิงได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า...
"ตอนนี้กำลังสืบอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่มีการรอมชอมแน่นอน เนื่องจากว่าทางคุณสุนารีต้องการให้แถลงข่าวแก้ข่าวว่าเงินทั้งหมดที่เบิกมาเป็นเงินค่าตัว ไม่ใช่เงินล่วงหน้า ซึ่งทางหนังสือพิมพ์บ้านเมืองเขาก็ยินดีจะลงขอโทษ แต่ทางฝ่ายคอสโม่ไม่ยอมตามข้อตกลง เรื่องนี้ยังไม่ยุติ"
"เราเรียกร้องให้เขาแก้ข่าวขอโทษ ที่ทำให้เสียชื่อเสียงมาตั้งแต่ต้น ขอให้ลงแก้ข่าวให้ทั้งหมด ซึ่งทางนสพ.บ้านเมืองเขายินดีไม่มีปัญหา แต่ทางคอสโม่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเป้าหมายการลงข่าวที่เราขอไป ทางเราต้องการให้แถลงข่าวแก้ให้ ที่เขาบอกว่าเป็นเงินล่วงหน้าจริงๆ มันไม่ใช่ ส่วนนั้นมันเป็นเงินค่าตัว เราต้องการแค่นี้ซึ่งทางเขาไม่ยอม ทางศาลอยากให้ประนีประนอม จบกันได้มันก็ดี แต่คุณสุนารีเขาเสียชื่อเสียง เราก็อยากให้ทางคอสโม่รับผิดชอบบ้าง"
ด้าน "ต่าย คอสโม่" ในฐานะของจำเลยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่ากับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตนไม่ได้รู้สึกเครียดแต่อย่างไร และไม่คิดว่าจะเป็นการเอาคืนของอีกฝ่ายแต่น่าจะเป็นการใช้สิทธิที่มีอยู่ ส่วนสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้องนั้น ในรายมีอะไรบ้างตนคงจะไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะคดียังไม่สิ้นสุด
"วันนี้สบายๆ ไม่มีอะไร เป็นการสืบพยานโจทก์แล้วก็จำเลย ทางศาลให้ไกล่เกลี่ยพูดคุยตกลงกัน แต่บังเอิญสิ่งที่คุณสุนารีเรียกร้องมาไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนมีอะไรบ้างขออนุญาตไม่เปิดเผย เพราะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีอยู่ เรื่องยืดเยื้อก็ต้องทำใจ เพราะตั้งแต่ที่ศาลนนทบุรีตัดสินไปแล้ว ทางเราก็คิดว่าทุกอย่างมันน่าจะจบลงด้วยดี แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็ต้องทำใจ เพราะถ้ามันมีการต่อสู้กัน มันก็ต้องเจ็บกันทั้งคู่ แต่ทั้งนี้เราไม่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คุณสุนารีเป็นผู้ยื่นฟ้องเรากับนสพ.บ้านเมือง ซึ่งทางเรามีหน้าที่ต่อสู้แค่นั้นเอง"
ถามถึงความมั่นใจในการชนะคดี "ต่าย คอสโม่" บอกว่าคงแล้วแต่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ซึ่งสำหรับตนแล้วคิดว่าคำว่า "ขอโทษ"น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจอีกฝ่ายหรือไม่? ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการฟ้องกลับอีกหรือไม่นั้นคงต้องรอดูว่าเหตุการณ์จะออกไปในทิศทางใด
"ทุกๆ ครั้งที่เรามีการต่อสู้กันไม่ว่าจะเป็นโจทก์หรือจำเลย กับที่เราจะทำอะไรลงไปเรามีการไตร่ตรองและคิดถี่ถ้วนดีแล้ว เพราะพี่ไม่ใช่คนอายุ17 - 18 พี่ 40 กว่าแล้ว จะพูดอะไรหรือทำอะไรก็ต้องคิดก่อน เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจอะไร สุดท้ายก็คงแล้วแต่การตัดสินของศาล"
"จริงๆ มันก็น่าจะรอมชอมกันได้ แต่ข้อเสนอมันก็ต้องรับกันได้เหมือนกัน ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่คุณสุนารีขอมาเรารับได้สิ่งที่เรายื่นขอไปเขาก็ต้องโอเค มันถึงจะจบกันได้ ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายได้ฝ่ายเดียว มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องเจอกันตรงกลาง...คือสิ่งที่ยอมให้ได้จริงๆ คิดว่าไม่ว่าใครจะผิดหรือจะถูก สำหรับสังคมไทยคำว่าขอโทษสวยงามที่สุด แต่เราก็ไม่ทราบว่าคคำว่าขอโทษจะถูกใจใครหรือเปล่า"
หลายคนมองว่าที่ไม่ยอมเพราะว่าทิฐิส่วนตัว?
"ถ้าบอกว่าพี่มีทิฐิแล้วจะบอกว่าขอโทษสวยงามที่สุดได้อย่างไร เราไม่ได้หมายถึงคดีของคุณสุนารี แต่สำหรับคำว่าขอโทษมันใช้ได้กับทุกอย่างเลย ใครที่คิดว่าคำว่าขอโทษเป็นคำที่อึดอัด พี่ว่าไม่เลยนะ มันเป็นคำที่น่ารักและสวยงาม เพียงแต่จะถูกใจคู่กรณีหรือเปล่าเท่านั้นเอง แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าทางพี่ยินดีจะขอโทษ พี่หมายความว่าสิ่งที่เสนอหรือที่เรียกร้องมาอันไหนที่เราให้ได้เราก็จะให้ แต่ทีนี้คำว่าขอโทษที่นักข่าวถามเรื่องทิฐิพี่ก็เลยบอกไปว่าคำว่าขอโทษสวยงาม แล้วถ้าพี่จะเอ่ยขอโทษจะยังคิดว่าพี่มีทิฐิอยู่มั้ย แต่ไม่ได้บอกว่าพี่จะเป็นคนผิดนะ เพราะอันนี้มันต้องขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลตัดสิน"
กับคำถามของนักข่าวที่ว่าหากอีกฝ่ายยืนยันจะให้ทางนี้แถลงข่าวขอโทษจะว่าอย่างไร? ต่าย คอสโม่บอกว่าคงจะต้องดูในรายละเอียดก่อน ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเหตุที่ทางโจทก์ไม่ยอมประนีประนอมเป็นเพราะต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายหรือไม่นั้น? เจ้าตัวบอกว่าต้องไปถามอีกฝ่ายเอาเอง
"รายละเอียดต้องพูดคุยกันก่อน ถามว่าทางเราจะยอมมั้ย จริงๆ นักข่าวก็เคยไปงานที่เราแถลงร่วมกันแล้ว บรรยากาศก็สดชื่นจะตายไป ไม่เป็นไรเลย ส่วนเรื่องเรียกค่าเสียหาย อันนี้ไม่ทราบ ต้องไปถามทางคุณสุนารี ไม่ทราบใจเขาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอย่างไร"
สำหรับกรณีความบาดหมางของทั้งคู่นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 เมื่อ "ต่าย คอสโม่" ได้ติดต่อให้นักร้องลูกทุ่งชื่อดังเข้ามาเป็นศิลปินในสังกัดพร้อมกับจ่ายเงินให้ล่วงหน้าเป็นจำนวน 1 ล้านบาทโดยทำเป็นสัญญาเงินกู้เอาไว้ว่าหากอีกฝ่ายไม่ยอมมาเป็นศิลปินจะต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนให้
ต่อมาทางนักร้องหญิงก็ไม่ได้เข้ามาเป็นนักร้องในค่ายคอสโม่จริงๆ พร้อมกับให้ข่าวว่าไม่เคยไปกู้เงินดังกล่าวและสัญญาที่ว่าก็เป็นสัญญาปลอม เป็นเหตุให้อีกฝ่ายแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท โดยหลังจากที่มีการพิจารณาคดีศาลได้ตัดสินให้ทางนักร้องหญิงนั้นแพ้คดีที่ว่า อย่างไรก็ตามทางนักร้องลูกทุ่งก็ได้ฟ้องกลับอีกฝ่ายในข้อหาหมิ่นประมาทฯ โดยยืนยันว่าในส่วนของเงินทั้งหมดที่เบิกมานั้นเป็นเงินค่าตัว ไม่ใช่เงินล่วงหน้าตามที่ "ต่าย คอสโม่" บอกไว้ตั้งแต่ต้นแต่อย่างไร