xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมทำหนัง ไทย-ลาว "ปรัชญา" ขยาด แนะ "จีทีเอช" รอบคอบกว่านี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจอะกรณีเรื่อง "หมากเตะโลกตะลึง" ไปกระทบใจคนลาวจนถูกสั่งห้ามฉาย ทำเอาผู้กำกับร่างท้วมผู้ตั้งใจจะทำหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-ลาวเรื่อง "อีนาง" อย่าง "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ถึงกับเกิดอาการสะท้าน เผยต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย พร้อมแนะนำเพื่อนร่วมวงการอย่าง "จีทีเอช" ก่อนทำทุกอย่างต้องพิจารณาให้รอบด้าน

"ก็ควรต้องระวังให้มาก ผมเห็นว่าทางจีทีเอชได้ตัดสินใจไปแล้ว วิธีการแก้ไขก็ไม่รู้จะยังไงต่อไป มันก็น่าเห็นใจ ผมเองมองว่าจีทีเอชไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับลาว เขาตั้งใจทำออกมาให้มันตลก เพื่อแหย่ให้เกิดความน่ารัก เพียงแต่ลาวต่างหากที่คิดว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา เขาไม่รู้สึกร่วมกับเรา กลับคิดว่าเราเกเร ชอบรังแก เขาเชื่อแบบนั้นผมเชื่อว่าคนทำหนังรู้สึกดีกับพวกเขาเพียงแต่ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนแล้วทำขึ้นมาเลย"

"ผมรู้สึกว่าปัจจุบันวงการหนังมันดูสวนทางกันไปหรือเปล่า พูดถึงการทำหนังที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดูเหมือนจะซีเรียสกันมากขึ้นทั้งที่ความจริงเรื่องของภาพยนตร์มีการพัฒนามากขึ้น มีการทำหนังหลากหลายแนว รวมไปถึงขั้นตอนการผลิตก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ"

"แต่เรื่องบางเรื่อง มันกลับดูซีเรียสขึ้น ผมว่ามันต้องดูกาลเทศะด้วย ความรู้สึกเราคิดว่าเราพูดถึงสถานที่นั้นได้ แต่ในอีกจังหวะหนึ่งมันอีกมีผลกระทบกับเขาโดยที่เราเองอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลยก็ได้ ตรงนี้ต้องคำนึงให้มาก มันต้องรอบคอบในทุกด้านนะครับ เราจะละเลยไม่ได้ เพราะมันอาจมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"

แนะ ภาพยนตร์เป็นสื่อที่มีอิทธิพลสามารถโน้มน้าวใจคนดูได้สูง ฉะนั้นต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

"เดี๋ยวนี้คนเปิดรับสื่อทางภาพยนตร์มากขึ้น ถือเป็นสื่อที่มีอิทธิพลสูงสุด และความเป็นไปได้ที่จะโน้มน้าวใจให้คนคล้อยตามหรือเชื่อในสิ่งนำมาเสนอสูง มันมีผลจริงๆ คือถ้าจะพูดกันในจิตวิทยา ในการทำหนังแนวนี้อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง"

"ยกตัวอย่างเช่นถ้าสื่อต่างประเทศมาทำหนังเกี่ยวกับคนไทยแล้วเขียนว่าคนไทยโง่เหมือนควาย แซวเล่นเราก็ไม่ชอบ มันต้องดูกาลเทศะ แล้วก็ความรู้สึกอย่างที่บอก ถ้าจะต้องมีการพาดิงหรือกล่าวอ้างถึงบุคคลในประเทศเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มันไม่ยากหรอกครับแต่เป็นเรื่องของการต้องระวังมากกว่า"

เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับทำหนัง ทำให้รุ่นพี่อย่าง "ปรัชญา" ที่เตรียมทำหนังเกี่ยวกับคนลาวเรื่อง "อีนาง" ต้องระมัดระวังมากขึ้น ยืนยันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจะส่งบทให้ฝั่งลาวดูก่อนแน่นอน

"ผมเองก็ทำหนังเกี่ยวกับคนลาว เราก็ต้องเอาบทไปให้เขาอ่านดูด้วย เพื่อที่จะให้เขาชี้แนะ อย่างกรณีหมากเตะฯที่มีปัญหากับทางฝั่งลาว เพราะเขาไม่เห็นด้วย ถ้าเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องก็จะไม่มีปัญหา ส่วนของผมตอนนี้ก็มีการแก้บทอยู่เรื่อยๆ เสร็จเมื่อไหร่ก็คงต้องไปให้เขาดูก่อน คือตรงนี้ผมต้องพูดก่อนเลยว่าทางลาวไม่เคยห้ามเราทำหนังเกี่ยวกับประเทศเขา เขาไม่ได้ปิดโอกาส เพียงแต่ขอให้ส่งบทไปให้เขาดูก่อนเท่านั้นเอง"

นอกจากนี้ ผู้กำกับรุ่นเก๋ายังเผยถึงกรณีหนัง "หมากเตะฯ" ด้วยว่า ตนเคยติดต่อกับทางสถานทูตลาวเพื่อขอนำเรื่องราวคนลาวมาทำเป็นหนังแล้ว แต่จู่ๆ ทางจีทีเอชก็เงียบหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

"ผมติดต่อกับลาวในเวลาที่ไล่เลี่ยกับทางจีทีเอช แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาดำเนินการยังไงต่อไปจนมาถึงวันที่ปิ้งเขามีการถ่ายทำหนังไปแล้ว โดยที่ทางลาวยังไม่ได้อนุญาต ซึ่งผมพูดเรื่องนี้ในตอนประชุมสื่อโดยร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมของลาวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา"

"แต่จู่ๆทางทีมงานหมากเตะฯก็เงียบไป ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ซึ่งความจริงเราสามารถพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเขาได้ แต่ขอให้เขาได้มีส่วนรับรู้ คือเรื่องแบบนี้มันมีกฎหมายในการทำหนังของมันอยู่ เราสร้างหนังของเราก็จริงโดยไม่ได้ขออนุญาตเขามันถือว่าเป็นการละเมิดได้ แล้วถ้ามันมีข้อผิดพลาดก็จะได้แก้ไข ไม่ต้องเสียเงิน"

แม้ขั้นตอนในการติดต่อกับฝั่งลาวจะค่อนข้างยุ่งยากแต่ผู้กำกับ "ปรัชญา" บอก ต้องทำเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป

"ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงทางเราก็ไม่ค่อยได้ทำเนื้อหาเกี่ยวกับลาวเท่าไหร่ เท่าที่ผมไปสัมผัสมามันก็มีหลายหน่วยงานอยู่ แต่หลักๆแล้วทางท่านทูติจะเป็นคนรับเรื่องแล้วส่งไปที่ลาว เผื่อมีอะไรที่จะต้องแนะนำก็จะได้แก้ไขต่อไป"
กำลังโหลดความคิดเห็น