ในความเป็นจริง ห้วงเวลาแห่งรักย่อมสร้างจินตนาการที่เพริศแพร้วไปไกล
เพราะกว่าค่อนชีวิตของมนุษย์ล้วนผูกพันตกอยู่ในอารมณ์ของความรัก เพลงรักจึงมีอยู่เกลื่อนโลก เพราะการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านตัวอักษร ถ้อยคำ ที่แสดงถึงเนื้อหาแห่งรักในร้อยล้านรูปแบบ สามารถผูกผ่านของท่วงทำนอง เมโลดี้ และการประสานทางดนตรีได้หมดจดที่สุด
เพลงรักในแบบของ "บอย โกสิยพงศ์" ได้สร้างสไตล์ และความครุ่นคิดคำนึงแบบใหม่ให้วัยรุ่นหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมาในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด
"บอย-ตรัย ภูมิรัตน" เป็นผลผลิตที่เห็นเด่นชัดที่รับอิทธิพลของบอย โกสิยพงศ์ แล้วสามารถฝึกฝนวิธีคิด ทักษะการเขียนเพลงที่เดินตามรอยทางของบอย จนฉีกออกมาเป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน สร้างขุมกำลังในการขยายบทเพลงแบบอาร์แอนด์บีให้มีความหวานโรแมนติกขึ้นมาอีกทอดหนึ่ง เชื่อมโยงกับคนฟังรุ่นใหม่ๆ อย่างเข้าถึง โดยเฉพาะในกลุ่มคนฟังที่เป็นนักศึกษา
"ลิปตา" วงดูโอรุ่นใหม่ก็ได้ประกาศตัวเองเดินตามรอยทางของบอย โกสิยพงศ์ แต่นำความเป็นตัวของตัวเองมาผสานให้ได้รสละมุนในตัวเพลงที่แตกต่างไป ซึ่งโดยภาพรวมแล้วย่อมหนีร่มเงาไปไม่พ้น ผ่านอัลบั้ม ‘ลิปตา’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับวง
คู่หูของวงลิปตาก็คือ "แทน-ธารณ ลิปตพัลลภ" รับหน้าที่เป็นคนเขียนเพลง โปรดิวซ์ และเรียบเรียงดนตรี และเสียงประสานเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของบทเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม รวมถึงเล่นดนตรีในบางชิ้น
อีกคน "คัตโตะ-อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล" รับบทบาทเป็นนักร้องนำ ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นการทำงานที่บรรจบกันอย่างสมดุล เพราะคนหนึ่งเป็นมันสมอง อีกคนก็เป็นกระบอกเสียงถ่ายทอดสายความคิดเป็นเส้นเสียงให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา ซึ่งวิธีการแบบนี้ คู่ดูโอของดนตรีสากลทั้งอังกฤษและอเมริกาในกระแสดนตรีป็อป - อาร์แอนด์บีก็มีอยู่ใช่น้อย
การฟังงานทั้งอัลบั้ม 12 เพลง รวมทั้งบทเพลงที่ซ่อนอยู่ท้ายอัลบั้ม (ฮิดเดน แทร็ก-Hidden Track) ของลิปตา ต้องยอมรับในระดับหนึ่งว่า งานของพวกเขามีคุณภาพและเป็นงานเพลงในสไตล์ป็อป - อาร์แอนด์บีของไทยที่ได้มาตรฐาน และดีพอตัวทีเดียว แม้จะไม่ตื่นเต้นถึงขั้นขนลุกซู่แบบการได้ฟังงานของบอย โกสิยพงศ์ ในอีพี หรืออัลบั้มชุดแรกๆ
ย้อนนึกไปเปรียบเทียบกับทางฝั่งอเมริกาก็นึกถึงงานในแบบโมทาวน์ ซาวด์ ซึ่งเป็นดนตรีอาร์แอนด์บี, โซล และดิสโก ที่สามารถสร้างดนตรีและบทเพลงให้กลายเป็นเพลงป็อปกระแสหลักได้ในช่วงทศวรรษที่ 70 ถึงต้น 80 ดนตรีในสายสกุลนี้เป็นความลุ่มหลงของบอย โกสิยพงศ์ ที่นำมาประยุกต์ดัดแปลงแผลงร่างให้สู่รสของความเป็นเพลงป็อปอาร์แอนด์บีไทยร่วมสมัยโดยสมบูรณ์ ซึ่งวงลิปตา ก็มาสืบทอดเจตนารมย์ของบอย โกสิยพงศ์ซาวด์ อีกชั้นหนึ่ง
งานเพลงในชุดนี้หากฟังผ่านรวมรวดเดียวทั้งอัลบั้มจะไม่มีพลังที่เด่นแหลมของเพลงกระโดดขึ้นมา ทำให้เกิดความเฉยเมยในการเสพรับแม้จะมีความเพลิดเพลินในลักษณะที่น่าพอใจก็ตาม ออกไปในทางระนาบราบเรียบมากกว่าที่จะมีมิติลึกดึงดูดให้เข้าไปสู่ตัวเพลงได้อย่างชวนลุ่มหลง (นอกจากเพลงที่ซ่อนอยู่ท้ายสุดอัลบั้ม ซึ่งไม่มีชื่อเพลง และขอตั้งเองตามเนื้อเพลงว่า ‘บางซื่อ - บางรัก’ ต้องบอกคำเดียวว่า เด็ดขาดที่สุดในอัลบั้ม ดีกว่าบทเพลงทั้ง 12 เพลงที่มีอยู่ เพราะไม่มีอาการเกร็งในวิธีการเขียนเนื้อเพลง รวมถึงการได้ปลดปล่อยของนักร้องนำที่ได้โชว์ทักษะในการร้องเพลงอย่างเฉียบขาด โดยที่เริ่มต้นเพลงในแบบลูกทุ่งกึ่งลูกกรุง แล้วมาตบด้วยการร้องแบบโซล-อาร์แอนด์บีที่กระชากเสียงและพลังออกมาสุดกู่ ดนตรีก็มีการพลิกแพลงย้วยย้ายได้น่าดูชม เป็นงานทดลองที่โชว์ไอเดียได้เฉียบขาด)
งานเพลงทั้งหมดในอัลบั้มชุดนี้ แม้จะได้มาตรฐานในทางเพลงป็อป - อาร์แอนด์บี โดยมีส่วนผสมของดนตรีเออร์แบน (ดนตรีคนดำที่อยู่ในเมืองใหญ่ยุคปัจจุบันในสายทางแบล็ค มิวสิคของอเมริกา) อยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ แต่สามารถจับได้ถึงภาวะการเกร็งในการเขียนเนื้อเพลงอยู่พอสมควร แม้พยายามหามุมที่แตกต่างออกไปอยู่บ้างก็ตาม จะสัมผัสได้ถึงความที่ไม่เป็นธรรมชาติของตัวเพลง รวมถึงวิธีการร้องของนักร้องนำที่พยายามจับบุคลิกของตัวเพลงแล้วเค้นกลั่นออกมาถ่ายทอดในรูปแบบการร้องในกึ่งอาร์แอนด์บี-โซล แต่ให้ฟังง่ายแบบเพลงป็อปอยู่มากพอสมควร
คงมีแต่สัดส่วนของดนตรีที่เท่านั้นที่ลงตัว และมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างมาก หลังจากที่ฟังเจาะไปเป็นเพลงๆ ซึ่งเมื่อดูรายชื่อของทีมดนตรีที่อยู่เบื้องหลัง ต้องยอมรับมือกีตาร์ที่ชื่อ ทฤษฎี ศรีม่วง หรือโอ เจ็ทเซ็ท’เตอร์ (O Jetset’er) หากใครเคยฟังงานในอัลบั้มของวงเจ็ทเซ็ท’เตอร์เอง จะฟังได้ถึงฝีมือกีตาร์ในทางของโมเดิร์นป็อปที่เก๋ไก๋และทันสมัย มีชั้นเชิงทางดนตรีที่อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม เมื่อเขามาเล่นกีตาร์ในงานของลิปตา เขาสามารถสร้างสรรค์ทางเพลงในแบบป็อป-อาร์แอนด์บี ให้มีกลิ่นอายกีตาร์ในแบบฟังค์ และแจ๊ซได้อย่างลงตัว โดยเป็นแกนกลางหรือเป็นตัวหลักในการสร้างอารมณ์โดยรวมของเพลงทั้งหมดให้มีสีสัน
จากงานทั้ง 2 ชุดที่เขามีส่วนร่วมทำงาน ต้องขอให้จับตามองมือกีตาร์คนนี้ ทฤษฎี ศรีม่วง มีดีในการเล่นกีตาร์ในแบบสมัยใหม่ที่ไปไกลกว่ามือกีตาร์รุ่นใหม่ด้วยกัน
เพลงของวงลิปตาว่าไปแล้ว ก็คือ ตัวตนและความรู้สึกของของแทน ลิปตพัลลภ ซึ่งเขาก็โชว์การร้องออกมาในบทเพลง ‘รักนะ’ สามารถเห็นความฉลาดในการจัดวางองค์ประกอบของตัวเพลงเป็นอย่างดี มีคนมาพูดเข้าเพลง ใช้นักร้องมาช่วยร้องโอบอุ้ม และประสานเสียง เพื่อกลบจุดด้อยในเนื้อและน้ำเสียงของแทนเอง
โดยสรุปงานของลิปตาเป็นงานที่ดีในระดับหนึ่ง แต่คงต้องแหวกฉีกหาตัวตน สลัดเงาร่างของบอย โกสิยพงศ์ ให้เหลือน้อยที่สุดให้ได้ แม้จะพยายามทำในงานชุดนี้อยู่แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการเดินทางในการค้นหาความเป็นตัวเองที่ยังอยู่ไม่ไกลจนลิบตาเกินไป
paulheng2006@hotmail.com
.....
Music Guide
Greatest Hits / CSN - Crosby Stills & Nash
19 บทเพลงที่คัดสรรมา ย่อมเป็นการย้อนไปสู่ยุคแห่งความงามทางดนตรีโฟล์คร็อกทั้งดนตรี เนื้อร้อง และการประสานเสียงที่ยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นอัลบั้มที่คัดสรรบทเพลงที่ดีที่สุดของแต่ละคนที่เขียนเพลงดึงออกมาได้อย่างสมดุลกลมกลืน ไม่มีใครเหลื่อมล้ำใครของยอดฝีมือทั้ง 3 คน คงถูกใจคนที่เติบโตมาในยุคทศวรรษที่ 60 รวมถึงคนรุ่นใหม่จะได้สัมผัสรสชาติบทเพลงที่เป็นอมตะจากยุคนั้นอย่างเต็มอิ่ม
.....
The Best… / Luciano Pavarotti
ยอดนักร้องเสียงเทเนอร์ส ชาวอิตาลีที่ผงาดอยู่ในวงการมายาวนาน เขาคือผู้มีอิทธิพลของดนตรีโอเปร่าที่นำออกมาสู่สังคมร่วมสมัยในกระแสเชี่ยวกรากของวัฒนธรรมการดูและฟังเพลงแบบฟาสต์ฟู้ดได้อย่างทรงพลัง ซีดี 2 แผ่นคู่ รวบรวมเอาเพลงที่เขาร้องกลั่นพลังอย่างหาใครเสมอเหมือนมา 2 แบบ คือในแบบโอเปร่า และอิตาเลียน สุนทรียศาสตร์การร้องเพลงแบบคลาสสิกของยุโรปมีความเนียนละออ ซึมเข้ากล่อมเกลาโสต
.....
Gold / James Brown
ก๊อดฟาเธอร์ ออฟ โซล ถือเป็นหนึ่งในจำหลักดนตรีแห่งยุคสมัยของโลกดนตรีอเมริกัน ที่สามารถสร้างดนตรีให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และส่งอิทธิพลไปทั่วโลก บทเพลงของเขาสามารถได้ยินไปทุกที่ ในผับ ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ หรือใช้ไปเป็นเพลงประกอบโฆษณา ซีดีแผ่นคู่ที่รวบรวมไว้ถึง 40 เพลง จะเห็นถึงความเป็นเต้ยในแนวดนตรีโซล, อาร์แอนด์บี และฟังค์กี้ ของนักร้องผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ที่ทำงานมากว่าครึ่งศตวรรษ
.....
Lay Down on The Green Grass / Spatopia
งานอีพี 5 เพลง ของวงดนตรีไทยรุ่นใหม่ ที่เล่นดนตรีโมเดิร์น-ป็อป ที่มีทางกีตาร์อิงไปในกลิ่นอายของแจ๊ซที่ลงตัว มีความสมดุลกับความดิบของกลอง และเบส แม้เสียงร้องของนักร้องนำยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก แต่ก็ถือว่าองค์รวมสามารถสร้างให้เกิดความรื่นรมย์อย่างเหมาะเจาะในการเสพฟัง น่าจับตามอง