ปัญหาผู้สร้างภาพยนตร์ไทยกับกองเซ็นเซอร์ยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ยิ่งล่าสุดกองเซ็นเซอร์ถูกย้ายไปอยู่ในความดูแลของ “กระทรวงวัฒนธรรม” ที่แสนจะขึ้นชื่อด้านความเข้มงวด ก็เล่นเอาหลายๆ คนในแวดวงหนังไทยอดจะเป็นห่วงไม่ได้ว่าหนังไทยยุคนี้อาจกลับคืนสู่ยุคเต่าอีกครั้งก็ได้
แต่งานนี้ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ในฐานะนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ บอกว่าไม่มีปัญหาเนื่องจากจะส่งคนเข้าไปดูแลถึง 3 คนในกระทรวง
“ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีปัญหากับทางกองเซ็นเซอร์นะเค้าให้เกียรติเรามาตลอด ตอนแรกอาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ตอนนี้หลังจากที่ทางสมาพันธ์เข้าไปชี้แจงทุกอย่างก็ดีขึ้น หนังไทยมันก้คือหนังไทย ยังไงมันก็แก้ไขกันได้เราต้องเห็นใจกัน ยังไงเราก็คนไทยด้วย บางครั้งหนังฝรั่งมันมากกว่าเราซะอีก”
“ตอนนี้ทางกองเซ็นเซอร์จะย้ายไปอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยังไงทางสมาพันธ์ก็ต้องส่งคนไปดูแลอยู่แล้ว เราต้องไปทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะบางทีคุณไม่ใช่ผู้สร้างหนังคุณไม่เข้าใจหรอกว่าเป็นยังไง”
“ตอนที่กองเซ็นเซอร์อยู่กับกรมตำรวจเราก็มีคนไปดูแล 1 คน ซึ่งตอนนั้นแค่คนเดียวเราก็สามารถพูดได้เยอะแยะแล้ว แต่ในบางครั้งคนๆ เดียวก็น้ำหนักไม่พอ แต่พอจะย้ายไปที่กระทรวงวัฒนธรรมคงต้องเพิ่มคนเข้าไปดูแล 3 คน เพราะเค้ายังไม่เคยทำหน้าที่นี้ เราต้องทำให้เค้าเข้าใจเรามากขึ้น ว่าทำไมมันจะต้องมีฉากนี้ๆ ทุกอย่างมันต้องมีเหตุผลมีที่มา”
“แต่จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยเป็นห่วงนะ เค้าค่อนข้างเข้าใจเราเมื่อปีที่แล้วเราก็พาเค้าไปเมืองคานส์มาแล้ว เราไมได้ขออะไรเป็นพิเศษ ขอแค่ความเป็นธรรมในการทำงานเท่านั้น”
ส่วนการจัดเรตคนดูที่ว่ากันว่าจะมีพรบ.ออกมาใช้ในเร็วๆ นี้ในฐานะนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เสี่ยเจียงบอกว่า...
“สำหรับเรื่องจัดเรตโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วย ประเทศไทยเราเป็นอะไรที่สบายๆ อยู่แล้ว จะมาจัดเรตทำไมให้ยุ่งยาก ยังไงเราก็มีกองเซ็นเซอร์อยู่แล้ว ก็ให้เค้าทำหน้าที่เค้าไปจะอายุเท่าไหร่ก็ดูได้ จะมาบังคับกันทำไม ขนาดไม่จัดเรตหนังยังอยู่ไม่ได้เลย แล้วถ้าจัดเรตจะกระทบมากซักแค่ไหน”
“ซึ่งเรื่องนี้ทางสมาพันธ์ได้มีการพูดคุยกับท่านนายกแล้ว ท่านก็เห็นด้วยคงต้องเบรกพรบ.นี้ไว้ก่อน ตอนนี้รัฐบาลค่อนข้างให้ความสนใจวงการภาพยนตร์มากขึ้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะภาพยนตร์ช่วยหาเงินเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคุณภาพหนังไทยก็มีมาตรฐานดีขึ้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเรามีการรวมตัวเป็นสมาพันธ์ดีขึ้น มีแผนชัดเจนในการดำเนินการและดูแลผู้สร้างหนัง”
ส่วนเรื่องการจัดประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ที่จะมีขึ้นเดือนมกราคมนั้น ปีนี้ทางสมาพันธ์ฯ จะไปจัดงานที่เขาหลัก จ.พังงา ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลเพื่อเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยวไปในตัว
“งานสุพรรณหงส์ปีนี้เราจะไปจัดกันที่เขาหลัก เนื่องจากทางรัฐบาลขอร้องให้ช่วยไปให้คนใต้หายเศร้าเสียใจ และยังช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวอีกด้วย เราก็โอเคในฐานะคนบันเทิงก็ไปจัดงานที่โน่น ตอนนี้คณะกรรมการได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่เรียบร้อยแล้ว คิดว่าเขาหลักเหมาะสมที่สุด”
“เราเริ่มเตรียมงานกันได้มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว คิดว่าจะเช่าเครื่องบินเหมาลำไปทั้งผู้สื่อข่าวและดารานักแสดงก็ประมาณ 1,000 คน จุดประสงค์คือนอกจากจะจัดงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์แล้ว ก็ยังจะพาศิลปินนักแสดงไปสร้างความสนุกสนานให้กับหมู่บ้านที่โดนสึนามิ ไม่ว่าจะเป็นการไปเยี่ยม การไปเตะฟุตบอล ก็ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท”