ถูกมองว่าใช้ความสนิทส่วนตัวบวกกับเงินหนา ดึงตัวผู้กำกับ "ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล" ออกจาก "อาร์เอสฟิล์ม" มานั่งแท่นผู้กำกับหนังฟอร์มยักษ์แนวแฟนตาซี “หนุมาน” ที่ใช้ทุนสูงระดับร้อยล้านบาท แต่ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ลูกหม้อ “สหมงคลฟิล์ม” ก็ยังปากแข็งปฏิเสธไม่เคยซื้อตัวใคร ฟุ้งค่ายตนมีความพร้อมมากกว่า
“หนังเรื่องหนุมานเราก็ได้ยินข่าวมาตั้งนานแล้ว แต่ในมุมที่เคยเป็นพี่น้องกันมาก่อน คิดว่าอย่างเชนน่าจะเหมาะกับงานที่พวกผมทำกันอยู่ เรื่องการลงทุนอะไรทางเราก็พร้อมด้วย จริงๆ แล้วตัวเชนเขามีความคิดที่จะลาออกมากกว่า ไม่ใช่อยู่ๆ ผมไปชวน ไม่งั้นก็คงชวนนานแล้ว เขาตั้งท่าจะทำหนังนานแล้วแต่ไม่ได้ทำซะที โดยเฉพาะเรื่องหนุมานก็เตรียมการไปพอสมควรแล้วในการที่จะทดลองทำโน่นทำนี่ สุดท้ายก็ทางเฮียฮ้อก็บอกไม่พร้อมที่จะลงทุนตรงนี้ก็เลยเป็นสาเหตุ เขาไม่ได้มีปัญหาอะไร"
"หนังแนวนี้เป็นแนวถนัดของเสี่ยเจียงกับทางผมอยู่แล้ว ทางเรามีเครดิตในการขายหนังกับต่างประเทศพอสมควรเพราะฉะนั้นช่องทางในการขายคงไปได้ดี เรามองเห็นลู่ทางที่หนังเรื่องนี้จะทำเงินด้วย ส่วนตัวผมก็อยากจะทำอยู่เหมือนกัน เรื่องก็ดี แล้วเชนเป็นคนที่เรื่องเนื้อหาเขาแน่นอยู่แล้ว มองเห็นว่ามันเป็นหนังแฟนตาซีของไทยเรื่องแรกที่มีภาพอย่างนั้น เลยคิดว่าน่าสนุกด้วยกัน"
ส่วนเรื่องเงินทุนคงไม่ต้องพูดถึงติดหลักร้อยล้านแน่นอน
"หลักร้อยครับแต่ไม่รู้จะกี่ร้อย ต้องใช้เวลานาน คือเชนเขาเตรียมการมาตั้งนานแล้วแต่ทางสถานะเขาก็ต้องไปเคลียร์การทำงานกับทางอาร์เอส ซึ่งลาออกมีผลสิ้นเดือนสิงหาฯ ที่ผ่านมา ก็เลยตอนนี้เตรียมงานอย่างเดียว การถ่ายทำปีหน้าปลายๆ ปีวางแผนที่จะเปิดกล้อง"
"ผมว่ามากกว่าต้มยำกุ้งด้วยซ้ำ ค่าเงินคงไม่มากแต่ด้วยสเกลของมันใหญ่มากๆ รายละเอียดอย่างตัวหนุมานก็คงเยอะอยู่เหมือนกัน เรื่องการขายเราก็คาดหวังที่จะขายกับต่างประเทศได้ไม่งั้นคงไม่กล้าลงทุน กับคนไทยก็น่าลุ้นน่าจะออกมาดี ผมมั่นใจ"
ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ช่วยขัดเกลาไม่เข้าไปก้าวก่ายในเนื้อหา
“ก็เป็นโปรดิวเซอร์ ที่จริงตัวคุณราเชนทร์ก็เตรียมมาพอสมควรแล้ว เราเจอมุมมองบางอย่างผสมเข้าไปบ้าง ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าดูอ่านโครงเรื่องแล้วเป็นหนังที่ดีมาก แต่ตัวหนุมานก็ต้องดีไซน์อยู่แล้วให้มันมีความเป็นไทยด้วยและทำยังไงให้มันดูแตกต่างจากที่เคยมี"
"ได้แรงบันดาลใจจากหนังฝรั่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ และลอร์ด ออฟ เดอะริงส์ ก็คือแนวแฟนตาซี เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของแฟนตาซีบ้านเราคือคนจะไม่เชื่อ ที่จริงซีจีบ้านเราก็ดี โฆษณาทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำนั่นก็คือฝีมือคนไทย เราอยู่วงการหนังเรารู้ว่าถ้ามีเวลามีเงิน คนไทยก็ทำได้”
ยังไม่มีการวางตัวนักแสดง ส่วนฤกษ์เปิดกล้องคาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้
"ยังครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในส่วนของงานดีไซน์มากกว่า เรื่องตัวแสดงหนังไม่ได้เริ่ม เน้นที่บทก่อน ป็นเรื่องของอนาคตค่อยว่าอีกที หลักๆ เราอยากให้เขาเต็มที่กับการทำงานในฐานะผู้กำกับ อย่างเชนงานเก่าเขาต้องบริหารด้วยการเป็นผู้บริหารและกำกับด้วยมันเหนื่อย"
"คาดว่าคงไม่ต่ำกว่าสองปี ปี 2550 ถ่ายทำกันเต็มๆ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ ปี 51 ปี 52 มั้ง ถึงจะได้ดู"