แม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าแล้วก็ตาม หนุ่มใหญ่สู้ฟัดจากแดนมังกร เฉินหลง หรือ แจ๊กกี้ ชาน ซึ่งปัจจุบันนี้กลายเป็นดาราหนังแอ็กชั่นนักบู๊ประจําฮอลลีวูดไปเรียบร้อยแล้ว ได้ออกมาประกาศจุดยืนอย่างมุ่งมั่น ว่าตัวเขาจะยังไม่คิดวางมือจากการสร้างและแสดงหนังแน่นอน และต่อจากนี้ไปอีกห้าปี เขาจะขอเน้นเฉพาะงานแสดงในหนังแอ็คชั่นเพียงอย่างเดียว
"แม้แต่ คลินต์ อีสต์วูด ยังสามารถรับงานแสดงหนังอยู่เลย และสําหรับผมเองก็คงจะแสดงต่อไปอีกพักใหญ่ คงจะประมาณสักห้าปีเห็นจะได้" ดาราฮ่องกงชื่อดังระดับโลกเล่าถึงอนาคตในวงการภาพยนตร์ของตัวเอง
นอกจากนั้น เฉินหลงยังเอ่ยเพิ่มว่า เขาคงจะค่อยลดบทบาทตัวเองจากการแสดงในจอหนังให้น้อยลง โดยเขาจะหันมาจริงจังกับงานสร้างและจะพยายามถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูให้กับผู้กํากับรุ่นใหม่ เพื่อจะได้นําไปประยุกต์ใช้กับหนังแอ็คชั่นในอนาคต "ผมจะหันมาสร้างหนัง ซึ่งผมก็ยังสามารถจะช่วยแนะนําผู้กํากับหนังรุ่นใหม่ๆที่มีงบน้อยแต่อยากทําหนังแอ็กชั่นได้ แถมยังมีอะไรที่ต้องทําอีกเยอะเลย มันทําให้ผมคิดว่าคงยังถอนตัวจากวงการไม่ได้แน่" หนุ่มนักบู๊วัย 51 เสริม
เฉินหลงนับว่าเป็นดาราฮ่องกงที่ก้าวไปเติบโตในแวดวงฮอลลีวูดได้อย่างเต็มตัว ด้วยความสามารถในการนํากังฟูของชาวจีนมาปรับเข้ากับลีลาสู้ฟัดในหนังแอ็กชั่นที่รับบทแสดงนํา โดยจากสถิติที่เคยบันทึกไว้ เฉินหลงเล่นหนังมามากกว่า 80 เรื่อง เป็นทั้งนักแสดง,เขียนบท, ผู้กำกับ, ผู้อำนวยการสร้าง โดยผลงานหนังที่สร้างชื่อของหนุ่มคนนี้คงต้องยกให้เรื่อง Rush Hour และ Around the World in 80 Days
ด้านผลงานล่าสุดของหนุ่มนักบู๊จากแดนมังกรคนนี้ เขากลับมาร่วมแสดงในหนังแอ็กชั่นผจญภัยเรื่อง The Myth ซึ่งมีเรื่องราวเล่าถึงการค้นหาหลุมศพจิ๋นซีฮ่องเต้เพื่อย้อนหลังหาความลับของประวัติศาสตร์จีนโดยกลุ่มนักโบราณคดี และได้เริ่มเดินสายเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในเมือง โตรอนโต ประเทศแคนาดาไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเขายืนยันว่าหนังแนวแอ็กชั่นกังฟูของจีนกําลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เพียงแต่แฟนหนังในเอเชียที่เป็นคนดูหลักแล้ว แฟนหนังฝั่งตะวันตกก็กําลังติดใจกันเพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องตัวเลขรายได้ที่ดูจะถดถอยลงไปเมื่อดูจากชาร์ตบ็อกซ์ออฟฟิศนั้น เฉิงหลงกล่าวว่า
"รายรับรวมของชาร์ตบ็อกซ์ออฟฟิศตั้งแต่เก้าเดือนหลังมานี้มันตกลงไปมากจริงๆ ผมว่ามันมาจากผลกระทบของการลักลอบก็อปปี้หนัง ซึ่งมันเป็นปัญหาใหญ่ของโลกภาพยนตร์ไปแล้วด้วย"
รอดูฝีมือสร้างหนังของเฮียสู้ฟัดต่อไปแล้วกัน