xs
xsm
sm
md
lg

"ประสิทธิ์" โวย หนัง "มนต์รักลูกทุ่ง" ถูกดูแคลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นข่าวออกมาเป็นระยะๆ สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์เรื่อง "มนต์รักลูกทุ่ง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาโรงฯ ลงไม่ได้ท่ามกลางการวิเคราะห์ของคนในวงการว่าน่าจะมาจากคุณภาพของตัวหนังเองที่เดิมทีผู้ผลิตตั้งใจจะทำออกมาในรูปแบบของหนังแผ่น รวมไปถึงภาพลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตอย่าง "พีเคโปรดักชั่นฯ" ที่เคยทำหนังอย่าง "อีโล้นซ่าส์" เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรงภาพยนตร์ต่างๆ ไม่กล้าจะให้รอบกับหนังเรื่องนี้

มีข่าวมากมายออกมาเพื่อความกระจ่างในทุกๆ เรื่อง ทางผู้บริหารบ.พีเคฯ จึงจัดให้มีการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในช่วงเย็นวันวาน (8 ก.พ.2548) ที่ผ่านมา ณ ห้องชมภาพยนตร์เอเพ็กซ์ (ตรงข้ามกับโรงภาพยนตร์สกาล่าร์) มีนักแสดงนำของเรื่องมาร่วมด้วยมากมาย อาทิ ต่อ นันทวัฒน์, อุ้ม ลักขณา, โจอี้ บาซู, อาภาภรณ์ นครสวรรค์, เอกราช สุวรรณภูมิ, เทพ โพธิ์งาม ผู้กำกับ เดฟ ชาคริต พานิชกุล โดย "ประสิทธิ์ วิจิตรจินดา" ในฐานะของกรรมการผู้จัดการบ.พีเคโปรดักชั่นใด้ให้รายละเอียดว่า

"เรื่องของเรื่องคือหนังเรื่องนี้มันวางโปรแกรมไว้แล้ว แต่ปรากฏว่ามันไม่มีโรงฉายเลย ทีนี้พอผมไปหาผู้ใหญ่เสี่ยเจียงก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะจัดการให้ พอหนังสร้างเสร็จและทางสมาพันธ์จัดวันฉายให้เรียบร้อยแต่ปรากฎว่ายังไม่มีโรงจะฉายอย่างที่บอก ที่มีก็กะเรี่ยกะราด พูดง่ายๆ นะครับในเครือใหญ่ๆ ไม่ได้เลย"

"ติดต่อไปทางเมเจอร์และอีจีวีเขาก็บอกว่าให้อย่างละโรง ผมก็กลับไปปรึกษาเสี่ยเจียงอีก เสี่ยเจียงบอกต้องให้โรงยาวๆ แต่เขาแบ่งให้หนังเรื่องนี้ 4-5 % ทั้งที่ปกติหนังไทยเคยแบ่งอยู่ 40-50% พอมันแบ่งน้อยเกินไปเสี่ยเจียงก็บอกไม่ต้องฉาย เดี๋ยวจะหาว่าเราง่าย ถ้าไม่มีวันจริงๆ ให้เลื่อนไปก่อนเพราะว่าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ก็ไม่มีหนังจะฉายแล้ว"

ยืนยันยังไงก็จะฉายวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ให้ได้
"แต่ทีนี้ผมจองทีวีจองหนังสือพิมพ์ไว้มากแล้วยังไงก็ต้องฉายในวันที่ 9 หรือวันที่ 10 ให้ได้ เสี่ยก็บอกโอเค เดี๋ยวจะจัดการให้ วันที่ 4 ก็มาเจอกับเสี่ยอีกทีเสี่ยเขาก็โทรคุยกับเมเจอร์และอีจีวีให้ ก็เปิดให้ 2 โรงเหมือนเดิมแล้วก็ให้รอบที่น้อยด้วย แถมเป็นรอบที่แทบจะเก็บเงินไม่ได้ 11 โมงห้างเปิดใครจะไปดู อีกรอบห้างจะปิดใครจะไปดู"

"เสี่ยเขาก็บอกอีกว่าจะหาโรงให้ เอาโรงข้างนอกไปก่อนสัก 7 วันก่อนเพราะช่วงนี้หนังจีนเรื่องคนเล็กฯของโจวซิงฉือกระแสช่วงนี้กำลังแรง แล้วพอเรื่องนี้ออกเราก็เสียบเลยแล้วค่อยเพิ่มรอบทีหลัง ผมเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นมันไม่แน่นอน ผมจัดแถลงข่าวไปเลยดีกว่า (วันนี้)แถลงข่าวเพื่อจะให้รู้ว่าเราตั้งใจสร้างหนังไทย ซึ่งหนังไทยเรื่องนี้เป็นหนังลูกทุ่งที่อมตะมากและผมก็พยายามจะสร้างให้ดีและบรรจุเพลงให้มาก เสร็จแล้วผลคือไม่มีโรงจะฉาย"

ถามถึงเหตุผลของการที่หนังไม่ได้เข้าฉาย ประสิทธิ์บอกว่าอีกฝ่ายให้เหตุผลว่าไม่มั่นใจในฝีมือ ก่อนที่จะบอกอย่างเหน็บๆ ว่า โดยส่วนตัวตนเชื่อว่าหลังจากที่ข่าวนี้ออกไปแล้วทางโรงหนังน่าจะรู้สึกระอายใจบ้าง
"เขาก็ให้เหตุผลว่าคงไม่ไหวเพราะเรามือใหม่ไม่มีผลงาน เมื่อเป็นอย่างนี้ทีมงานก็บอกว่าถ้างั้นเราจัดฉายที่โรงหนังเฉลิมกรุงแล้วเชิญผู้สื่อข่าวทั้งหมดมาดู แล้วก็กลายเป็นว่าวันนั้นพอดีตรงกับงานขอบคุณสื่อของเสี่ยเจียง นักข่าวก็เลยน้อย คนที่มาดูก็มาดูไม่เต็ม"

"ผมเลยคิดว่าจะจัดแถลงใหม่อีกทีซึ่งก็คือวันนี้ หนังจะดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่ผู้ดู แต่ตามฝีมือผมคิดว่าผมสร้างดีพอสมควรนะ แต่เดิมทีเราตั้งใจทำ 3 ชั่วโมงอัดเพลงไว้ 18 เพลง สุดท้ายทางโรงบอกไม่ฉาย ฉายได้แค่ 2 ชั่วโมงปัจจุบันผมตัดเหลือ 2 ชม. 8 นาที ผมจึงอยากให้นักข่าวทุกท่านช่วยกันดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรมีความดีบ้างมั้ย"

"พรุ่งนี้ (9 ก.พ.2548)ก็ฉายแล้วทีนี้ก็อยู่ที่ผลงานของเราเอง ถ้าดีโดนใจก็อาจจะมีเสียงพูดต่อๆ กันว่าดีดูได้หรือว่าดูไม่ได้ อันนี้อยู่ที่ผู้ชมตัดสิน ตอนนี้ได้ประมาณ 8 โรงเอาโรงที่ศาลาเฉลิมกรุงเป็นหลัก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังอมตะจึงเหมาะที่จะฉายที่นี่ ผมจึงจองโรงนี้ไว้ก่อน คือถ้าไม่มีโรงจะฉายผมก็จะฉายโรงนี้โรงเดียว เงิน 20 ล้านผมโยนทิ้งเลย และหลังจากที่ข่าวออกไปแล้ว ทางโรงคงมีความกระดากอายพูดง่ายๆ นะครับ ก็อาจจะให้โรงเราเพิ่มก็ได้"

ไม่ใช่เรื่องของ "คุณภาพ" เท่านั้น หากแต่ในเรื่องของลิขสิทธิ์ที่ซ้ำซ้อนกันเนื่องจากเจ้าของเดิมอย่าง "ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์" ได้เสียชีวิตไปในปีพ.ศ.2546 ก่อนที่สิทธิ์ดังกล่าวจะถ่ายทอดมายังผู้เป็นลูก รวมทั้งเรื่องเงินๆ ทองๆ ของหนังเรื่องนี้ก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน

"ตอนแรกผมเป็นคนที่ได้สิทธิ์มาจากทางครูรังสีเจ้าของหนังโดยตรง แต่ท่านเสียไปแล้วก็ต้องติดต่อกับทางลูกท่านแทน เมื่อวาน (7 ก.พ.) ลูกครูรังสีก็ไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเขาเชิญไปทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อให้ไปดูว่าใครทำก่อนทำหลัง สัญญาตอนที่ครูรังสียังไม่เสียเขาเขียนให้ผมถือลิขสิทธิ์ 5 ปี ให้ผมทำเป็นหนังได้ ทำวีซีดี ทีวี และซีดีได้หมดเลย ตรงนี้มีระบุชัดเจน"

"แต่ในส่วนสัญญาทางเขา(ลูกครูรังสี)บอกแค่ว่าให้ทำเป็นโสตโทรทัศน์อันนี้เป็นคำพูดกว้างๆ นะ กรมทรัพย์สินเขาตัดสินเมื่อวานเขาบอกให้ไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อยอย่าให้มีข้อพิพาทกันต่างคนต่างทำมาหากินว่างั้นเถอะ อย่าให้มีเรื่องมีราวฟ้องร้องถึงศาล ให้ยุติเรื่องแค่นี้"

"ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าทางผมยังไม่ได้จ่ายเงินค่าตัวนักแสดงจนไม่มีใครไปงานแถลงข่าววันที่ 3 กุมภาฯ นั้น จริงๆ วันนั้นต่างคนต่างมีงาน นักข่าวก็น้อยเพราะวันนั้นงานเยอะ อาภาภรณ์ติดงานที่ต่างจังหวัดแล้ววันรุ่งขึ้นก็งานสุพรรณหงส์อีก พอมีข่าวอย่างโน้นอย่างนี้ออกมาจึงเป็นเรื่องที่หาว่าเราไม่จ่ายเงินนักแสดงเขาเลยไม่มากัน มาวันนี้ผมเลยเรียกดาราในเรื่องมาหลายๆ คนเท่าที่เขามาได้ จะได้เคลียร์เรื่องนี้ให้จบไปครับ"
กำลังโหลดความคิดเห็น