แม้จะออกมาปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่ได้จับก้น จับแก้มสาวขายสแนกอย่างที่เป็นข่าว แต่ก็ดูเหมือนว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดของหนุ่ม "โจอี้ บาซู" มากนัก ทั้งนี้เพราะไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่ฝ่ายผู้เสียหายจะแจ้งความเท็จ
งานนี้เห็นเพื่อนรักเดือดร้อนหนุ่ม “เบท วรรณกิตย์ ศิริพุฒ” นักแสดงค่ายกันตนา ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็เลยขอออกโรงปกป้องเพื่อนสุดฤทธิ์
“ผมกับอี้เป็นหุ้นส่วนที่ร้านกาเซ่ด้วยกัน วันที่เกิดเหตุวันนั้นผมก็ไปที่ร้านด้วย และผมก็ควรที่จะเป็นหนึ่งในคนที่ให้ปากคำกับตำรวจ แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นงานผมเยอะมากๆ ก็เลยไม่ได้ไปให้ปากคำ”
หนุ่มเบทเล่าให้ฟังถึงเรื่องราววันเกิดเหตุว่าตอนนั้นตนเองกับโจอี้เข้าไปดูแลร้านตามปกติ มีการเล่นพูลกัน แล้วก็ไม่เห็นว่าเพื่อนรักของตนเองจะไปทำเรื่องอย่างว่าในตอนไหน
“วันนั้นเราก็เข้าไปดูแลร้านตามปกติแล้วเราก็ไปเล่นพูลกัน ซึ่งโต๊ะพูลนี่มันจะตั้งอยู่หลังร้าน ส่วนบูทสแนกที่เป็นข่าวตั้งอยู่ตรงประตูทางเข้า พอเล่นไปซักพักโทรศัพท์อี้ก็ดังขึ้น อี้มันก็เลยขอตัวไปคุยโทรศัพท์ แล้วมันก็เดินออกไปหลังร้านและก็เดินคุยไปเรื่อย ๆ จนวนมาถึงหน้าร้านอีกที”
“ผมก็ยังยืนดูมันอยู่ว่ามันจะคุยอะไรกันนักหนา เพราะคนต่อคิวจะเล่นกันตั้งเยอะ พอมันคุยโทรศัพท์เสร็จก็เห็นมันแวะคุยกับโต๊ะข้างหน้าซึ่งอยู่ติดกับบูทสแนกไม่ถึงนาที จากนั้นมันก็เดินมุ่งหน้ามาหาผมเพื่อที่จะเล่นต่อ พอมาเล่นแล้วมันเล่นแพ้ มันก็เลยจะเดินไปคุยกับโต๊ะข้างหน้านั่นอีก ขณะที่กำลังจะเดินปรากฏว่าตำรวจก็มาเรียกและบอกว่าอี้ไปจับก้นเด็กคนนี้ เพื่อนผมที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าก็บอกว่าไม่เห็น ก็ยังงงๆ อยู่เลยว่าแอบไปจับตอนไหน”
มั่นใจเพื่อนรักไม่น่าจะทำอย่างนั้นเพราะมีสาวๆ มาชอบมากมายแถมสาวที่ตกเป็นข่าวนั้นก็หน้าตาอย่างกับเห็ด
“ในใจผมนะ ผมปักใจเชื่อเลยว่าอี้มันไม่จับแน่นอนเพราะสาว ๆ ที่มาติดอี้มีตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วขอโทษนะเด็กคนนี้หน้าตาไม่ได้ดีเลยหน้ายังกะเห็ด แล้วเรื่องอะไรไอ้อี้จะไปจับก้นเค้า นอกเสียจากว่ามันจะชอบของแปลก แต่ถ้าจะทำนะ ผมว่าอี้มันต้องโอบไหล่เค้ามากกว่า คือตามประสาคนกลางคืนน่ะ เพลงมันดังเวลาคุยกันแล้วมันไม่ได้ยินก็อาจจะมีการใกล้ชิดกันบ้าง แต่จะให้ไปจับก้นจับแก้มรับรองว่าไม่มีแน่”
ถ้าไม่ได้จับจริงๆ แล้วเค้าจะโวยวายทำไม....
“ถ้าถามว่าเค้าต้องแบล็คเมล์ไหม ผมว่าคงไม่หรอกเพราะจะไปแบล็คอะไรกับไอ้อี้ มันมีตงมีตังค์ที่ไหนตั้งแต่หมดสัญญากับอาร์เอสมันก็วิ่งหางานหางจุกตูด ไหนจะต้องผ่อนรถอีก ผมว่าเค้าคงต้องการให้อี้มันขอโทษมากกว่า เค้าต้องการให้เรื่องมันจบตั้งแต่อยู่สน.แล้ว แต่ตัวอี้เองนี่แหละที่เป็นคนไม่ยอมจบเพราะมันคิดว่ามันไม่ผิด ให้ไปสู้กันในชั้นศาลเลยดีกว่า"
"ซึ่งตอนนั้นตัวมันเองก็ไม่คิดว่าจะตกเป็นข่าวใหญ่โต ไม่คิดว่าสื่อมวลชนจะให้ความสนใจขนาดนี้ พอเรื่องมันเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ ไอ้อี้มันก็โดนไปเต็มๆ เวลานี้คนมองว่ามันเป็นไอ้โรคจิตไปแล้ว ฉะนั้นถ้ามันชนะคดีมันต้องฟ้องกลับอย่างแน่นอนเล่นกันแบบนี้ต้องโดนหนักๆ”
เห็นทีงานนี้คงต้องสู้กันอีกยาว...