xs
xsm
sm
md
lg

Review ซีรีส์ : “The Sandman” ซีซั่น 2 เมื่อบัลลังก์นรกว่างเปล่า และความฝันต้องชดใช้บาปแห่งรัก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





มหากาพย์ที่หลายคนทั่วโลกรอคอย การกลับมาของ The Sandman Season 2 ทาง Netflix ซึ่งต้องบอกเลยว่า เป็นการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีและขยายขอบเขตของจักรวาลแห่งความฝันได้อย่างยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว่าเดิม

หากซีซั่นแรกคือการปูพื้นให้เรารู้จักกับ “Dream of the Endless” และการทวงคืนอาณาจักรแห่งความฝันของเขา ซีซั่นนี้คือการพาเราดำดิ่งสู่แก่นแท้ของความเป็น ‘เทพอมตะ’ ที่ไม่ได้มีเพียงพลังอำนาจอันล้นเหลือ หากแต่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์อันซับซ้อน บาดแผลในอดีต และการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดสำหรับผู้ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์

Sandman SS2: การเปิดตัวของ 7 พี่น้องตระกูลอมตะ

Sandman SS 2 เปิดฉากด้วยการรวมตัวกันของพี่น้องตระกูล D เหล่าผู้เป็นอมตะหรือ ‘The Endless’ คือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในจักรวาล พวกเขาไม่ใช่เทพเจ้าแต่เป็นตัวตน (Personification) แนวคิด หรือพลังที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด นักเขียน ‘นีล ไกแมน’ (Neil Gaiman) ได้สร้างตัวละครและจักรวาลขึ้นมาใหม่ โดยไม่อิงตำนานพื้นบ้านหรือจักรวาล DC เพราะ ‘Sandman’ เวอร์ชันนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดพี่น้องที่ชื่อว่า ‘Dream’ (รับบทโดย Tom Sturridge) ตัวแทนของความฝัน เรื่องเล่า และจินตนาการทั้งมวลในจักรวาล ได้แก่
Destiny (พรหมลิขิต) พี่ชายคนโตสุดที่เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
Death (ความตาย) พี่สาวคนรองและเป็นคนที่ Dream สนิทที่สุด
Dream (ความฝัน) ตัวละครเอกของเรื่อง Sandman หรือ ‘มอร์เฟียส’
Destruction (การทำลายล้าง) พี่ชายผู้หายตัวไป ตัวแทนของการทำลายล้างและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
Despair (ความสิ้นหวัง) ตัวแทนของความสิ้นหวัง ความหดหู่ และความทุกข์ทรมาน
Desire (ความปรารถนา) ฝาแฝดของ Despair ตัวแทนของความปรารถนาทุกรูปแบบ
Delirium (ความฟั่นเฟือน) น้องสาวคนสุดท้องที่เคยเป็นตัวแทนของ Delight (ความสุขสันต์) แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอได้เปลี่ยนไปเป็นตัวแทนของความฟั่นเฟือน ความสับสน และความบ้าคลั่ง
เมื่อ Destiny ได้เรียกพี่น้องทั้ง 6 มาพบกัน (ยกเว้น Destruction ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ) โดยไม่มีใครรู้เป้าหมายที่แท้จริงของ Destiny การรวมตัวกันของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์อันซับซ้อน ความชิงชัง และปมบาดแผลในใจ จึงนำไปสู่ความโกลาหลครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นกับนรกที่ไร้ร้างเจ้าผู้ครองนครแห่งการลงฑันท์!

การแย่งชิงบัลลังก์นรก: เวทีแห่งทวยเทพและปีศาจที่ตระการตา

จุดแข็งที่โดดเด่นที่สุดของซีซั่นนี้ คือการหยิบยกเนื้อหาจากคอมิกส์ภาค “Season of Mists” ที่เขียนโดย นีล ไกแมน นำมาขยายความได้อย่างน่าสนใจ

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ ‘ลูซิเฟอร์ มอร์นิงสตาร์’ (รับบทโดย Gwendoline Christie) ตัดสินใจสละบัลลังก์นรก ทิ้งดินแดนแห่งการลงทัณฑ์ให้ว่างเปล่า พร้อมมอบ “กุญแจสู่นรก” ให้กับ Dream แต่เพียงผู้เดียว

การกระทำนี้ได้เปิดฉาก “เกมการเมืองระดับจักรวาล” ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเหล่าทวยเทพ, ปีศาจ และตัวแทนจากตำนานทั่วทุกสารทิศ ต่างเดินทางมายังดินแดนแห่งฝันเพื่อร้องขอสิทธิ์ในการครอบครองนรก ไม่ว่าจะเป็น โอดิน, ธอร์ และโลกิ จากแอสการ์ด, เทพเจ้าแห่งท้องทะเลจากตำนานของญี่ปุ่น, เอลฟ์, เผ่าโกลาหล ไปจนถึงเหล่าเจ้าชายปีศาจจากขุมนรกต่างๆ ที่ต้องการทวงคืนบ้านเกิด และทูตสวรรค์จากนครสีเงิน (The Silver City หรืออาณาจักรแห่งฑูตสวรรค์) ที่มีเป้าประสงค์ลึกลับ

อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือโต๊ะเจรจา “การทูตแห่งทวยเทพ” เพื่อแย่งชิงสิทธิ์การครอบครองเจ้าแห่งนรกคนใหม่ โดยเทพแต่ละเผ่าต่างก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การชิงไหวชิงพริบ ความตึงเครียด และต่างก็มีวาระซ่อนเร้นที่น่าเคลือบแคลง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า “นรก” ในสายตาของแต่ละเผ่ามีความหมายที่แตกต่างกัน มันคือดินแดนแห่งการลงทัณฑ์ คือปราการป้องกัน คือแหล่งพลังงาน หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ที่ทรงอำนาจที่สุดในจักรวาล งานภาพและโปรดักชันดีไซน์ในฉากเหล่านี้คือที่สุดของความอลังการ ทำให้เราเชื่อได้อย่างสนิทใจว่านี่คือการชุมนุมของสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจที่สุดในจักรวาล!

โศกนาฏกรรมแห่งรัก: การเผชิญหน้ากับความสูญเสียจาก Nada สู่ Orpheus

ท่ามกลางความวุ่นวายของการแย่งชิงบัลลังก์นรก ซีซั่นนี้ได้ขุดลึกลงไปในบาดแผลที่เก่าแก่ที่สุดของ Dream นั่นคือเรื่องราวความรักระหว่างเขากับ Nada ราชินีแห่งนครโบราณ การที่ Dream เดินทางไปยังนรกไม่ใช่เพื่อรับมอบกุญแจจากลูซิเฟอร์ แต่เขาไปเพื่อปลดปล่อย Nada จากการจองจำ ที่เขาเป็นผู้ลงทัณฑ์เธอให้ติดอยู่ในนรกมานานนับหมื่นปีด้วยความโกรธาและหัวใจที่แตกสลาย

ฉากย้อนอดีตที่เล่าเรื่องราวของทั้งสองนั้นงดงามและน่าสะเทือนใจ เป็นการตอกย้ำถึงความหยิ่งทะนงและความผิดพลาดในอดีตของ Dream มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ความคิดถึง และความเจ็บปวดที่เก็บซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย การเดินทางไปนรกครั้งนี้ของ Dream จึงไม่ใช่การแก้ไขอดีต แต่เป็นการเติบโตและเรียนรู้ที่จะ “ให้อภัย” ทั้งแก่ผู้อื่นและแก่ตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ซีรีส์ยังปูทางไปสู่หนึ่งในปกรณัมกรีกที่โด่งดังที่สุดอย่าง ‘ออร์ฟิอุส’ (Orpheus) บุตรชายของ Dream กับเทพีมิวส์ ‘คัลลิโอเป’ (Calliope) โดยออร์ฟิอุสได้สูญเสียคนรักอย่าง ‘ยูริดิซ’ (Eurydice) นางไม้แสนสวยและไปตามหาเธอในปรโลก ซีซั่นนี้ได้เผยให้เห็นร่องรอยของโศกนาฏกรรมแห่งรัก และความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างพ่อผู้เป็นอมตะ (Dream) กับลูกชายผู้เป็นมนุษย์ (ออร์ฟิอุส) นับเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับเรื่องราวในซีซั่นต่อไปได้อย่างน่าสนใจ

สายสัมพันธ์พี่น้อง The Endless: ครอบครัวที่ไม่เหมือนใคร

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่แฟนๆ รอคอย คือการได้เห็นความสัมพันธ์ของ 7 พี่น้องเทพอมตะตระกูล The Endless และซีซันนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ฉากรวมญาติของเหล่าพี่น้องเป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำและทำออกมาได้อย่างทรงพลัง เราได้เห็นการปะทะคารมระหว่าง Dream กับ Desire (รับบทโดย Mason Alexander Park) ที่ยังคงเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และแผนการ

บทสนทนาของพี่น้อง The Endless เผยให้เห็นว่า แม้จะเป็นผู้อมตะที่ควบคุมแง่มุมต่างๆ ของจักรวาลได้อย่างทรงพลัง แต่พวกเขาก็ยังคงมีความเป็นพี่น้อง มีความไม่เข้าใจกันและทะเลาะถกเถียงกันเหมือนมนุษย์ทั่วไป ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีความรักและความห่วงใย ซึ่งทำให้ตัวละครเหล่านี้มีมิติและน่าเอาใจช่วยมากขึ้น

อีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทอย่างมากคือ Delirium (ความฟั่นเฟือน) น้องสาวคนเล็กที่พยายามตามหา Destruction (การทำลายล้าง) เหมือนน้องสาวที่ติดพี่ชาย และเธอก็เลือกที่จะพึ่งพา Dream แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับน้องสาวจอมเอาแต่ใจ แต่สุดท้าย Dream ก็ทำตามคำขอของน้องสาว

ถึงแม้ว่าลึกๆ เขาจะมีเป้าหมายแอบแฝงก็ตาม ซีรีส์สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่แม้จะเย็นชาแบบประหลาดๆ แต่ The Endless ก็พร้อมจะปกป้องและอยู่เคียงข้างกันเสมอ เมื่อพี่น้องของพวกเขามีภัยอันตราย

ต้องบอกว่า The Sandman Season 2 เป็นการยกระดับซีรีส์ขึ้นไปอีกขั้น มันไม่ใช่แค่ซีรีส์แฟนตาซีสุดลึกลับ แต่เป็นมหากาพย์เชิงปรัชญาที่สำรวจธรรมชาติของอำนาจ ความรัก การสูญเสีย และการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังเจาะลึกลงไปในหัวใจของตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า เรื่องราวจากคอมมิกส์ก็กลายเป็นซีรีส์น้ำดี สะท้อนถึงการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น โหดร้าย และโศกซึ้งในเวลาเดียวกัน

ดังเช่นเรื่องราวแห่งความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด The Sandman Season 2 แบ่งเป็น 2 พาร์ท โดยพาร์ทแรก 6 ตอน ออนแอร์ทาง Netflix เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะทิ้งปมปริศนาให้เราตามไปลุ้นกันต่อในพาร์ท 2 ที่จะออนแอร์ 24 กรกฎาคม 2568 นี้

ร้อยเรียงเรื่องราว : รัสรินทร์ สุนทรกมลรัศมิ์
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
https://www.netflix.com/tudum/articles/the-sandman-season-2-ending-explained
https://www.tvinsider.com/1137037/the-sandman-season-2-premiere-date-cast-trailer-details/
https://www.ign.com/articles/the-sandman-review-season-2-volume-1
https://www.cbr.com/the-sandman-season-2-guide/

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์




























กำลังโหลดความคิดเห็น