xs
xsm
sm
md
lg

เมื่ออเมริกาหันไปใช้“กฎแห่งป่า”ในการบุกเวเนซุเอลา!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


อับบาส อารักชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน  
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงน่าจะหนีไม่พ้นต้องแวะไปแถวๆ ทะเลแคริบเบียน ไปดูว่าสุดท้าย...“ทรัมป์บ้า” ผู้นำอเมริกาจะตัดสินใจ “บุก-ไม่บุก”ประเทศสวนหลังบ้าน อย่างเวเนซุเอลากันตอนไหน? เมื่อไหร่?และแบบไหน? เพราะสิ่งที่อาจถือเป็น “เส้นแดง” หรือ “เส้นตาย” ที่ประธานาธิบดีอเมริกันขีดไว้ให้กับ“นายNicolas Maduro” ผู้นำเวเนซุเอลา ตามข่าวล่า-มาเรือของบรรดาสำนักข่าวทั้งหลาย ว่าให้รีบเผ่น รีบอพยพหลบหนีไปจากเวเนซุเอลาโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่ระคายเคืองต่อสายตา “กองทัพอเมริกัน”ซึ่งยกโขยงไปล้อมกรอบดินแดนแห่งนี้ ภายในไม่เกินวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา มาบัดนี้...ก็ต้องเรียกว่าเลยเส้นแดง-เส้นตายมาแล้วไม่รู้จะกี่วัน กี่ชั่วโมง กี่ต่อกี่พันนาทีและวินาที!!!

โดยเมื่อพ้นจากเส้นแดง-เส้นตายมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง...ในวันที่ 29 พ.ย. ประธานาธิบดีอเมริกันก็ได้แสดงความฮึดๆ ฮัดๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยการโพสต์ข้อความป่าวประกาศว่าได้สั่ง “ปิดน่านฟ้า” เวเนซุเอลาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ห้ามไม่ให้นักบิน หรือเครื่องบินใดๆ ร่อนไป-ร่อนมาผ่านน่านฟ้าเวเนซุเอลาโดยเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด ส่วนจะบึ้มม์ม์ม์ จะบอมม์ม์ม์ จะระเบิดเถิดเทิงกันในแบบไหน? เมื่อไหร่? และในลักษณะไหน??? อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องหันไปจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาโดยเด็ดขาด เรียกว่า...ถึงขั้นเกิดข่าวล่า-ข่าวลือ ว่ากระทั่งรัฐบาลหมีขาวรัสเซียต้องรีบสื่อสารไปยังพลเมืองชาวรัสเซีย ไม่ว่านักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจ ให้รีบอพยพออกจากเวเนซุเอลาโดยด่วน จริง-ไม่จริง...ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะก่อนหน้านั้นก็มีข่าวลือ-ข่าวลวงที่ออกจะเป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม คือข่าวว่าด้วยการส่ง “ที่ปรึกษาทางทหารรัสเซีย” นับร้อยๆ เข้าไปช่วยฝึก ช่วยอบรม บรรดา “ทหารบ้าน” เวเนซุเอลา หรือบรรดา “อาสาสมัคร” ที่แห่กันมาร่วมด้วย-ช่วยกันปกป้อง “มาตุภูมิ” ของตัวเอง จำนวนนับเป็นล้านๆ หรือราวๆ 4-8 ล้านคนเป็นอย่างน้อย...

คือการตัดสินใจ “บุก-ไม่บุก”เวเนซุเอลาของ “ทรัมป์บ้า”เที่ยวนี้...ต้องถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ออกจะมีความหมายความสำคัญ หรือมี “นัยสำคัญ”เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคิดจะเข้าไปไล่ล่าพวกค้ายาเสพติด คิดจะโค่นล้มผู้นำ หรือคิดจะเปลี่ยนระบบการปกครองเวเนซุเอลาก็ตามที หรือดังที่สื่ออเมริกันเอง อย่าง“The New York Times” เขาถึงกับถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นในสิ่งที่เรียกว่า “Donroe Doctrine”แบบคล้ายๆ สิ่งที่เคยเรียกว่า “Monroe Doctrine” เมื่อครั้งอดีต หรือครั้ง “ยุคทองของอเมริกา” ยุคที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกันสามารถป่าวประกาศถึงความเป็นหนึ่ง ความเป็นมหาอำนาจสูงสุดของอเมริกาในอาณาบริเวณดินแดนที่เรียกว่า “West Hemisphere” หรือทวีปอเมริกาเหนือ-อเมริกาใต้ทั่วทั้งทวีป ชนิดมิอาจยินยอมให้ใครต่อใครแม้แต่มหาอำนาจนักล่าอาณานิคมชาวยุโรปเข้าไปแตะต้องได้โดยเด็ดขาด หรือ “แตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่!!!”อะไรประมาณนั้น...

แต่จาก “Monroe”ที่กลายมาเป็น “Donroe”ในยุคของ“โดนัลด์ ทรัมป์”นั้น...อะไรต่อมิอะไรมันคงไม่น่าจะ “ง่าย” หรือไม่น่าจะปอกกล้วยเข้าปากสักเท่าไหร่ แม้จะถึงกับลงทุนเปลี่ยนชื่อ “กระทรวงกลาโหม” กลับไปเป็น “กระทรวงสงคราม”เหมือนช่วงยุคทองของอเมริกาก็ตาม ไม่ว่าการคิดกลับไปยึด“คลองปานามา” เพื่อไม่ให้มหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีนเลื้อยเข้ามาโอบกระหวัดรัดพันได้ง่ายๆ หรือคิดจะงาบ “เกาะกรีนแลนด์” เพื่อไม่ให้มหาอำนาจคู่แข่งอีกรายอย่างหมีขาวรัสเซีย แผ่อำนาจอิทธิพลไปทั่วภูมิภาคอาร์กติก ไปจนคิดผนวก “แคนาดา”เข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็น “แนวคิด” ในแบบที่เรียกว่า“Donroe Doctrine” ตามแบบฉบับของ “ทรัมป์บ้า” เขานั่นแหละ เช่นเดียวกับการบุกเวเนซุเอลาโดยอาศัยเรื่อง “ยาเสพติด” เป็นข้ออ้าง เอาเข้าจริงๆแล้ว...ก็คือความพยายามที่จะหันกลับไป “ปัดกวาดสวนหลังบ้าน”ของตัวเอง เพื่อดำรงความเป็นหนึ่งความมหาอำนาจแห่ง “West Hemisphere”ที่ใครจะแตะไม่ได้ แตะเมื่อไหร่โลกแตกแน่...นั่นเอง!!!

แต่อย่างที่ได้ว่าๆ ไปแล้วนั่นแหละว่า...โลกใบนี้มันได้ “เปลี่ยนแปลง” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงแต่การคิดยึดคลองปานามา ยึดเกาะกรีนแลนด์ ยึดประเทศแคนาดาทั้งประเทศ จะออกไปทาง “แห้วกระป๋อง”อย่างเห็นได้โดยชัดเจน การบุกเล่นงานประเทศเล็กๆ ที่ถือเป็นสวนหลังบ้านของตัวเองมานานแสนนานอย่างประเทศเวเนซุเอลานั้นก็ชักจะ “ไม่ง่าย”เหมือนอย่างที่เคยแทรกแซง โค่นล้ม ลอบสังหาร ปฏิวัติรัฐประหาร บรรดาประเทศต่างๆ ในละตินอเมริกามาโดยตลอด ถึงแม้จะยกพหลพลโยธาทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิด รวมทั้งทหารอเมริกันนับหมื่นๆ ฯลฯเข้าไปล้อมกรอบดินแดนแห่งนี้มาแล้วหลายสัปดาห์ แต่เมื่อไหร่ที่เกิดบึ้มม์ม์ม์ เกิดบอมม์ม์ม์ขึ้นมา การที่จะกำราบปราบปรามบรรดาพวก “ทหารบ้าน” นับล้านๆ หรือชาวเวเนซุเอลาจำนวนถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ที่ปฏิเสธและคัดค้านการบุกเวเนซุเอลาของกองทัพอเมริกา ตามที่ “โพล” ต่างๆ เขาได้นำเสนอ ย่อมเป็นอะไรที่ “ยากซ์ซ์ซ์” เอามากๆ โอกาสที่จะเกิดการ “ติดหล่ม” แบบที่สำนักข่าว “CNN”เขาได้ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า เกิดการเสียหมา เสียมวย เสียสุนัข แบบที่เคยเกิดมาแล้วครั้งสงครามเวียดนาม หรือสงครามอัฟกานิสถานก็เถอะ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

เพราะแม้แต่บรรดาอเมริกันชนทั้งหลายที่เคยสนับสนุน“ทรัมป์บ้า”จนสามารถหวนกลับมาคว้าตำแหน่งผู้นำอเมริกาครั้งที่ 2 แบบแม้แทบไม่น่าเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อจนได้ เอาไป-เอามาแล้ว...ก็ไม่ได้คิดจะ “เห็นควรด้วย”กับการบุกประเทศเล็กๆแห่งนี้เอาเลยแม้แต่น้อย “โพล”ล่าสุด...มันเลยเหลือพวกที่พร้อมจะด้วนไปกับ “ทรัมป์บ้า”เพียงแค่ 18-21 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนบรรดา “นักการเมือง” อเมริกัน ไม่ว่าพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน รีพับลิกันหรือเดโมแครต ต่างก็อดไม่ได้ที่จะออกมา “ตั้งคำถาม” ถึงความถูกต้อง-ชอบธรรม ความเป็นไปตามตัวบทกฎหมายไม่ว่าภายใน ภายนอก ดังเช่น “นายTim Kaine”วุฒิสมาชิกเดโมแครตแห่งรัฐเวอร์จิเนีย หรือสส.พรรครีพับลิกันอย่าง “นายMike Turner” จากโอไฮโอ ฯลฯ เป็นต้น...

อีกทั้งการ “กวาดสวนหลังบ้าน”ของอเมริกาในช่วงที่โลกมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันคงไม่ได้มีแต่เฉพาะประเทศเวเนซุเอลาเท่านั้น ที่ต้องกวาด ต้องล้าง แต่ยังมีอีกหลายต่อหลายประเทศที่อยู่ในข่ายต้องเช็ด ต้องถู เพื่อไม่ให้คิดดำรงความอิสระและความมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง อันอาจถือเป็นการแข็งขืน แข็งข้อ ต่อมหาอำนาจอย่างอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นประเทศพี่เบิ้มในละตินอเมริกา อย่างบราซิล เม็กซิโก ที่ได้กลายเป็น “ขั้วอำนาจใหม่”ขึ้นมาในภูมิภาคแห่งนี้ แต่ยังรวมไปถึงโคลอมเบียที่ผู้นำรายใหม่ออกมาท้าทายอเมริกาครั้งแล้ว-ครั้งเล่า หรือฮอนดูรัสที่พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายอย่าง “Libre Party”เพิ่งผงาดขึ้นมามีอำนาจหมาดๆ ไปจนนิการากัว หรือศัตรูตลอดกาลของอเมริกาอย่างคิวบา ฯลฯ ไปโน่นเลย...

นั่นยังไม่รวมไปถึง “พันธมิตร”ของเวเนซุเอลา อย่างจีน-รัสเซีย-อิหร่าน...ที่ต่างแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการบุกประเทศนี้แบบตรงไป-ตรงมา ดังเห็นได้จากเสียงโหวตของสมาชิกสภาความมั่นคงสหประชาชาติ 15 ประเทศ มีถึง 14 ประเทศที่แสดงอาการคัดค้านและปฏิเสธ เหลือแต่อเมริกาประเทศเดียวเท่านั้นที่พยายามจะ “ดื้อตาใส” แบบชนิด“โฮม อโลน”เอามากๆ ดังนั้น...การคิดจะบุกประเทศเล็กๆอย่างเวเนซุเอลา หรือการคิดปัดกวาดสวนหลังบ้านของอเมริกา จึงเป็นอะไรที่ออกจะสวนทางกับ“ความเป็นจริง”ขัดแย้งกับ“ข้อเท็จจริง”ไม่ว่าทั้งภายใน ภายนอกอเมริกาอย่างเห็นได้โดยชัดเจน และนั่นเอง....ที่อาจนำมาซึ่ง “ความล้มเหลว”อันมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

หรือยิ่งกลายเป็น “ตัวเร่ง” ที่จะทำให้ความเป็น“มหาอำนาจสูงสุด” ของอเมริกา...กลับยิ่งต้องเสื่อมโทรม เสื่อมทราม ลงไปกว่าเท่าที่เป็นอยู่ จนอาจแทบไม่เหลืออะไรไว้ถ่วงดุลต่อรองกับบรรดา “ขั้วอำนาจ” อื่นๆ ได้มากมายสักเท่าไหร่ การบุก-ไม่บุกเวเนซุเอลาของ “ทรัมป์บ้า” จึงมี “นัยสำคัญ” เอามากๆ ชนิดอาจถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงโฉมหน้าความเป็นไปของโลกภายในอนาคตเบื้องหน้าอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล เพราะถ้าหากโลกใบนี้ยังคงต้องเป็นไปตามความปรารถนา ความต้องการของมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาต่อไปเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างคงหนีไม่พ้นต้องเป็นดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายAbbas Araghchi” ท่านได้สรุปไว้กับสำนักข่าว“Ma Moosa Al Farei” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ความพยายามหวนกลับคืนสู่ “ความยิ่งใหญ่” ของอเมริกา หรือ“America Great Again” กำลังกลายเป็นตัวก่อกวนต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการหาทางออกทางการทูต หรือกำลังทำให้โลกทั้งโลกต้องตกอยู่ภายใต้ “กฎแห่งป่า” (Law of the Jungle) นั่นเอง!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น