xs
xsm
sm
md
lg

AR สำคัญไฉน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ไม่เชื่อเรื่องภาวะโลกเดือด
หลายคนในโลกนี้ดูจะรู้จัก AI เป็นอย่างดี นั่นคือ Alternative Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ทั้งโลกกำลังนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือเพื่อช่วยการค้นคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาช่วยชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงพวกยารักษาโรคใหม่ๆ ที่กำลังจะมีขึ้น

ขณะเดียวกัน AI ก็จะเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการค้นคิดและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะยิ่งทรงพลังในการประหัตประหารชีวิตมนุษยชาติมากยิ่งขึ้นด้วย


นั่นหมายถึงมีทั้งด้านบวกและด้านลบของ AI อยู่เสมอ
สำหรับ AR นั้น อาจเป็นของใหม่สำหรับอีกหลายคนบนโลกนี้ ซึ่งก็ย่อมาจากคำเต็มว่า Atmospheric Rivers นั่นคือ แม่น้ำที่ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศของเรา

เรารู้จักแม่น้ำกันมาเป็นล้านปีแล้วที่มนุษยชาติได้พึ่งพาแม่น้ำในการดื่มกิน รวมทั้งสัตว์น้ำนานาชนิดที่เราได้พึ่งพาเป็นอาหาร และต่อมาในการเดินทางขนส่งข้าวของต่างๆ และพัฒนาจนช่วยในการเพาะปลูกพืชผล ตลอดจนการกั้นแม่น้ำเพื่อทำเขื่อนเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้านั่นเอง

เพิ่งมีการค้นคว้าเมื่อประมาณ 30 ปีนี้เอง (ต้นทศวรรษ 1990’s) ที่ MIT โดย Reginald Newell และ Yong Zhu, นักวิจัยสองท่านที่พบว่า มีลักษณะของละอองน้ำในชั้นบรรยากาศโลกที่อยู่กันหนาแน่นเป็นทางยาวคล้ายๆ ถนนซึ่งถนนละอองน้ำนี้ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ละอองน้ำบนอากาศรวมตัวกัน ซึ่งละอองน้ำนี้มาจากอากาศร้อนที่ผิวน้ำทั้งแม่น้ำ, ทะเล, มหาสมุทรแล้วไปรวมตัวกันเป็นคล้ายๆ ถนนยาวๆ

แถบละอองน้ำนี้จะไหลไปตลอดเวลา ซึ่งอาจยาวเป็น 1,000 ไมล์ และกว้างถึง 300 ไมล์ และลึกเป็น 100 ไมล์เช่นกัน จะไหลจากที่อุณหภูมิร้อนไปหาที่เย็นกว่าหรือจากเส้นอิเควเตอร์ไปยังขั้วโลก

นักวิจัยทั้งสองพบว่า แถบของละอองน้ำนี้เหมือนเป็นแม่น้ำนั่นเอง ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ และเมื่อเจอความเย็น (เช่นไปชนภูเขา) ก็จะตกลงมาเป็นฝน

เขาพบว่า แม่น้ำบนบรรยากาศนี้มีขนาดความยาว, ความหนา, ความลึกเพิ่มมากขึ้นทุกที เพราะอุณหภูมิของน้ำได้เพิ่มขึ้นมากในมหาสมุทร (จากโลกร้อน) และมีปริมาณน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นจากการละลายของหิมะที่ขั้วโลกด้วย ยิ่งทำให้มีเพิ่มปริมาณละอองน้ำมากขึ้น

ดังนั้น ความห่วงใยของเหล่านักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่เริ่มกังวลว่าการเพิ่มการใช้พลังงานฟอสซิลหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม กำลังทำให้โลกเดือดขึ้นทุกๆ วัน และถนนละอองน้ำนี้ก็ยิ่งเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นๆๆ…และเมื่อเจอความเย็นก็จะตกมาเป็นฝนเฉพาะจุด ที่ตกหนักมากๆ เฉพาะจุดชนิดทำลายสถิติในหลายร้อยปีได้ง่ายๆ

เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว มีนักธุรกิจและนักเดินทางต้องไปติดอยู่ที่สนามบินดูไบจนเสียงานเสียการ เพราะฝนถล่มเมืองดูไบ, เมืองกลางทะเลทรายชนิดไม่ลืมหูลืมตานานหลายวัน (อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบพันปี) จนน้ำท่วม (กลางทะเลทราย!!!) บริเวณยูเออีและประเทศใกล้เคียง-ชนิดเดียวกับที่เพิ่งได้ถล่มแบบไม่ลืมหูลืมตาที่เมืองหาดใหญ่ทั่วทั้งจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงอย่างชนิดทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตผู้คน, พืชผลเกษตร, ธุรกิจทุกๆ อย่างและโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไปประสบกับสภาพสยดสยองที่น้ำท่วมกลางฝนตกอย่างหนักตลอดวันตลอดคืน โดยมีระดับน้ำทะเลสูงมากด้วย

AR นี้ก็มีทั้งด้านบวกด้านลบเช่นเดียวกับ AI หรือมีกลางวันก็มีกลางคืนนั่นแหละ…คือด้านบวกได้แก่เป็นแหล่งน้ำจืดใหญ่ที่จะตกลงมาจากฟ้า (เช่นบริเวณที่ฝนไม่เคยตกเลย) หรือการเติมเต็มแม่น้ำตามปกติให้มีน้ำจืดเพิ่มขึ้นเพื่อการอุปโภคบริโภค, การเพาะปลูก, การเดินทางขนส่ง, การปั่นสร้างกระแสไฟฟ้า

แต่ด้านลบก็คือ ปริมาณน้ำฝนที่มีมากเกินพอดี และตกเฉพาะจุดแบบถล่มทลายชนิดสร้างความเสียหายแก่เมืองทั้งเมือง

นักวิทยาศาสตร์ในรอบ 20 ปีได้ติดตาม AR นี้ และพบว่า โลกเดือดยิ่งทำให้ ARs จะยิ่งเป็นฝนที่ตกถล่มในพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น จะทำให้พายุในภูมิภาคต่างๆ รุนแรงขึ้น, ถี่ขึ้น เช่น จะทำให้ความรุนแรงของพายุเฮอริเคนเพิ่มจากความรุนแรงแค่ระดับ 3 ไปเป็นระดับ 5 ได้ง่ายๆ ในแถบอ่าวเม็กซิโกและมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะทำลายเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ๆ ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้มากขึ้น เป็นต้น

ยิ่งโลกของเราโชคดีที่ได้ทรัมป์มาเป็น ปธน.ทั้งในรอบหนึ่งและขณะนี้ในรอบสอง ที่ประกาศที่ยูเอ็นเมื่อกันยายนที่เพิ่งผ่านไปนี้ว่า คำเตือนของเหล่านักวิทยาศาสตร์ว่าโลกกำลังเข้าสู่ภาวะโลกเดือดนั้น เป็นคำโกหกหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของประเทศอุตสาหกรรมมั่งคั่ง เพื่อให้ชะลอการเติบโต เป็นการถ่วงหน่วงเหนี่ยวความเติบโตของสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์ได้ยกเลิกมาตรการจูงใจทั้งสิ้นเพื่อให้คนอเมริกันเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวี และให้สำรวจขุดเจาะบ่อน้ำมันมากยิ่งขึ้น ทั้งในสหรัฐฯ และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลง COP โดยไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น รวมทั้งถอนจากการร่วมระดมเงินทุนหรือสร้างและรักษาป่าไม้สำคัญๆ ของโลกเช่น ป่าอเมซอน

8 ปีภายใต้ทรัมป์ยิ่งจะทำให้โลกเดือดแบบกู่ไม่กลับ และทำให้ ARs เพิ่มขนาดใหญ่โตมากขึ้น ส่งผลให้ฝนถล่มเฉพาะจุดมากขึ้น

สำหรับการรับมือกับ ARs นี้ มนุษย์คงต้องพึ่งพา AI เพื่อช่วยคำนวณและแจ้งเตือนการจะเกิดฝนถล่มเป็นการล่วงหน้า


มาตรการแจ้งเตือนนี้ ต้องใช้นักการเมืองที่มี Calibre ที่จะต้องทำให้ล่วงหน้าพอเพื่อการอพยพผู้คนให้ทันกาล และอย่างมีประสิทธิภาพ (จากบทเรียนความล้มเหลวการเตือนภัยของเฮอริเคนแคทรีนาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และกรณีสึนามิที่ประเทศไทย)

หรือการออกแบบผังเมืองที่จะช่วยให้เมืองต่างๆ อยู่รอดปลอดภัยจากฝนถล่มหนักจาก ARs นี้ให้ได้
หมด 8 ปีของทรัมป์แล้ว โลกก็ยังต้องเผชิญกับวิกฤต ARs นี้ไปอีกระยะยาว จนกว่าทั้งโลกจะพร้อมใจกันสร้างสมดุลให้แก่ธรรมชาติได้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับประเทศไทย การตัดไม้ทำลายป่าอย่างบ้าคลั่ง รวมทั้งการคอร์รัปชันที่ไม่หาวิธีรับมืออย่างมีประสิทธิภาพกับฝนพันปีที่จะมีทั้งถี่ขึ้น, ขยายพื้นที่มากขึ้นและดินถล่มชนิดรุนแรงขึ้น...เพราะการหาเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองจากภาวะฝนแล้ง, น้ำท่วม จะดีกว่าการหาทางแก้ปัญหาระยะยาว ที่เสียเงินงบก้อนใหญ่ทีเดียว จะแก้ปัญหาระยะยาวได้แบบที่เมืองใหญ่ๆ เขาทำกัน ไม่ว่าที่อัมสเตอร์ดัม, โตเกียว หรือโซล


กำลังโหลดความคิดเห็น