xs
xsm
sm
md
lg

แก่แต่จน : ประชากรไทยจะแก่สักแค่ไหน จะเกิดปัญหาอะไร แก้ไขได้หรือไม่ ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: รศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ และคณะ

รศ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
รศ.ดร. เดือนเพ็ญ ธีรวรรณวิวัฒน์
ผศ. ดร. ดารารัตน์ อานันทนสุวงศ์
รศ.ดร. พาชิตชนัต ศิริพานิช
ผศ. ดร. ปรีชา วิจิตรธรรมรส
ผศ. ดร. รติพร ถึงฝั่ง
รศ. ดร.อุดมศักดิ์ ศีลประชาวงศ์
ไพลิน เชื้อหยก
ดนุพล ทองคำ
วศิน แก้วชาญค้า
ศูนย์วิจัยสังคมสูงอายุ
ศูนย์คลังปัญญาและสารสนเทศ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


การฉายภาพประชากร (Demographic projection) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สำคัญทางประชากรศาสตร์ที่ใช้ในการพยากรณ์จำนวนและโครงสร้างประชากรในอนาคต ซึ่งในประเทศไทยจะดำเนินการหลังจากการสำมะโนประชากรซึ่งมีรอบดำเนินการทุก 10 ปี สำหรับประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ฉายภาพประชากรไปในอนาคต 30 ปี โดยใช้ข้อมูลจากสำมะโนประชากรจากสำนักงานสถิติแห่งชาติใน พ.ศ. 2553 และฉายภาพประชากรไทยไปจนถึงพ.ศ. 2583 ผลการฉายภาพประชากรครั้งล่าสุดนี้ได้เผยแพร่ในพ.ศ. 2556 หลังจากนั้นได้ฉายภาพประชากรไทยอีกครั้งใน พ.ศ. 2562 โดยเปลี่ยนข้อตกลงเบื้องต้นในการฉายภาพประชากร เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ การย้ายถิ่น และการตาย ตลอดจนความเป็นเมือง เป็นต้น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนข้อตกลงเบื้องต้นเหล่านี้ในการฉายภาพประชากร ผลการคาดการจำนวนประชากรก็จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไม่ได้ดำเนินการสำมะโนประชากรตามวงรอบทุกสิบปีในพ.ศ. 2563 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์มหาโรคระบาดโควิด-19 แต่เพิ่งจะมาสำมะโนประชากรในพ.ศ. 2568 นี้ และยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งกว่าจะดำเนินการฉายภาพประชากรครั้งใหม่เสร็จสิ้นน่าจะใช้เวลาอีกสามปี ผลการฉายภาพประชากรของไทยใหม่ล่าสุดน่าจะเสร็จสิ้นพร้อมเผยแพร่ในพ.ศ. 2571 ดังนั้นการตอบคำถามว่าประชากรไทยจะแก่แค่ไหนจะอาศัยผลการฉายภาพประชากรไทยล่าสุดในพ.ศ. 2562 นี้

อย่างไรก็ตามในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยประสบปัญหาภาวะประชากรถดถอย (Demographic recession) ติดต่อกันมา 5 ปี และมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน ไทยมีอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการตาย อันเป็นปัญหาที่ประเทศไทยไม่เคยประสบมาก่อน เพราะประเทศไทยมีสึนามิประชากรราวเกือบ 40 ปี อันเป็นช่วง Baby boomer ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองจบลง ราวพ.ศ. 2505 ถึง พ.ศ. 2537 มีเด็กไทยเกิดปีละเกินหนึ่งล้านคน โดยเฉลี่ยน่าจะปีละประมาณ 1.2 ล้าน บางปีสูงถึง 1.5 ล้าน ทำให้เรามีประชากรเพิ่มขึ้นจาก 18 ล้านมาเป็น 67 ล้านคน แต่หลังจากราวพ.ศ. 2536 มา จำนวนประชากรไทยของไทยคงที่เกือบ 30 ปี อันแสดงให้เห็นว่าโครงสร้างประชากรของเราแก่ขึ้นมาก

ที่มาของรูป : เว็บไซต์ของ BOI
เรามาลองพิจารณาปิรามิดประชากรของไทย ซึ่งแบ่งตามเพศและรุ่นอายุ (Cohort) โดยที่แท่งแนวนอนด้านซ้าย (ขวา) ของปิรามิดแสดงจำนวนประชากรเพศชาย (หญิง) จำแนกตามรุ่นอายุ โดยใช้ข้อมูลจากสำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย วาดโดยเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในพ.ศ. 2567 เราจะสังเกตเห็นได้ว่าจำนวนประชากรเพศหญิงของไทยมีมากกว่าเพศชายเล็กน้อย เพราะผู้หญิงมีอายุขัย (Life expectancy) ยืนยาวกว่าเพศชาย ปิรามิดมีฐานที่แคบมาก แสดงว่ามีเด็กเกิดน้อยมากติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว อย่างน้อย 15 ปี แต่ 5 ปีหลังนี้ยิ่งหนักมาก (มีเด็กไทยเกิดปีละน้อยกว่าห้าแสนและอาจจะเหลือน้อยกว่าสามแสนต่อปี ในเร็วๆ นี้) มีประชากรวัยใกล้เกษียณอย่างยิ่งคือราว 50-60 ปี เป็นจำนวนมากที่สุด และมีประชากรที่อายุมากกว่า 60 ปี ไปจนถึงมากกว่า 80 ปี อยู่มากพอสมควรเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ทำให้คนไทยอายุยืนยาวมากขึ้น

จากที่เห็นนี้แสดงว่าประชากรไทยมีแนวโน้มจะแก่มาก และมีภาระพึ่งพิงสูง

ศ.ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน ผศ.ดร. ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ และ ศ.ดร. พัชราวลัย วงศ์บุญสิน ได้ฉายภาพประชากรโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการฉายภาพประชากร (Demo Tools) เพื่อตอบคำถามสำคัญที่ว่าหากประเทศไทยมีอัตราการเกิดหรืออัตราการเจริญพันธุ์น้อยกว่าอัตราการตาย เช่นที่ปรากฎในสี่-ห้าปีติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย https://www.chula.ac.th/highlight/79067/

โดยมีการกำหนดข้อตกลงเบื้องต้นในการฉายภาพประชากรที่แตกต่างกันสามสถานการณ์ สถานการณ์ที่อัตราการเจริญพันธุ์มีการแปรผันสูง คืออัตราการเจริญพันธุ์ลดลงอย่างรวดเร็ว ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุดดังตารางด้านล่างนี้ (ลดลงจาก 1.60 มาเป็น 1.1 สำหรับสถานการณ์แปรผันสูง อัตราการเจริญพันธ์ลดลงอย่างรวดเร็ว และต่ำอยู่แล้วในปีฐาน)

ที่มา : ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ และ ศ.ดร.พัชราวลัย วงศ์บุญสิน
ผลการฉายภาพประชากรในสถานการณ์ที่ไทยเรามีอัตราการเจริญพันธุ์แปรผันสูง คือลดลงอย่างรวดเร็ว แสดงในกราฟเส้นด้านล่างนี้ เราจะเห็นได้ว่าสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ประเทศไทยเราเริ่มมีภาวะประชากรถดถอยติดต่อกันมาประมาณ 4 ปี (ในกราฟเริ่มลดในพ.ศ. 2566) ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงในปัจจุบันมากที่สุด

ที่มา : ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ และ ศ.ดร.พัชราวลัย วงศ์บุญสิน
จากการฉายภาพประชากร ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นที่อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยเริ่มต้นต่ำและลดลงอย่างรวดเร็ว (แปรผันสูง) ทำให้โครงสร้างประชากร อันปรากฎในปิรามิดประชากร แสดงในรูปด้านล่างนี้

ที่มา : ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ และ ศ.ดร.พัชราวลัย วงศ์บุญสิน
เราจะเห็นได้ว่าเมื่อถอยหลังไป พ.ศ. 2543 ปิรามิดประชากรไทยยังมีฐานกว้าง แต่ฐานล่างสุดเริ่มสอบ เพราะคลื่นสึนามิประชากรเริ่มจบไปแล้ว พ.ศ. 2563 ปิรามิดประชากรไทย มีฐานแคบ ไหล่กว้าง แต่ยังมียอดแหลม ในพ.ศ. 2593 หรือประมาณ 25 ปีข้างหน้า โครงสร้างประชากรของไทย จะเต็มไปด้วยคนแก่ เป็นปิรามิดประชากรอกไก่ V-shape หัวโต ฐานแคบ ขาลีบ มีคนวัยเกษียณน่าจะมากถึง 40% ของจำนวนประชากร และเราจะมีประชากรลดลงจากปัจจุบันไปประมาณ 10 ล้านคน (เหลือประมาณ 55 ล้าน จาก 67 ล้านในปัจจุบัน)
การที่ประชากรถดถอยและมีแต่ประชากรสูงวัยมาก เป็นสังคมสูงวัยขั้นสุด (Superaged society) ในอีกไม่นานจะส่งผลอะไรต่อประเทศไทยบ้าง

หนึ่ง ความต้องการซื้อลดลง ปริมาณการบริโภคลดลง เพราะมีแต่ประชากรสูงวัย ความต้องการซื้อย่อมลดลงต่ำโดยธรรมชาติ อันนี้คือผลต่อด้านอุปสงค์ (Demand side) เศรษฐกิจจะถดถอย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงไปมาก เพราะขาดแคลนกำลังซื้อ อสังหาริมทรัพย์จะหดตัว จะมีบ้านร้างมากมายที่ไม่มีผู้อาศัยเพราะเสียชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะในชนบทหรือต่างจังหวัด โรงเรียน

สอง ขาดแคลนพยาบาลแสนสาหัส เพราะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น เนื่องจากประเทศไทยขาดแคลนพยาบาลอย่างรุนแรงแม้กระทั่งในปัจจุบัน

สาม ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมาก จนกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคมจะซวนเซหรือมีเงินกองทุนติดลบ

สี่ เงินบำนาญสำหรับผู้เกษียณอายุราชการสูงมาก กองทุนประกันสังคมจะติดลบจนไม่มีเงินกองทุนเหลือ สร้างภาระทางการคลังให้กับประเทศมหาศาล ผู้ประกันตนคนหนุ่มสาวที่ส่งเงินสมทบในวันนี้มีแนวโน้มจะไม่ได้เงินบำนาญเมื่อเกษียณ เพราะผู้เกษียณก่อนได้ใช้เงินบำนาญจากกองทุนไปจนหมดแล้ว เนื่องจากอัตราการสมทบรวม (Total contribution rate) ของไทยจากไตรภาคี (นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ) ต่ำมาก และไทยมีอายุเกษียณ (Pensionable age) ต่ำที่สุดในโลก

ห้า โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจะต้องปิดตัวลงเป็นแถบ ๆ อยู่ไม่ได้ สถานศึกษาต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาจำนวนมากในระหว่างสึนามิประชากรหลังสงครามโลกครั้งที่สองจะล้มหายตายจากไปมากมาย โดยเฉพาะของเอกชน เพราะไม่มีเด็กเกิดจึงไม่มีเด็กนักเรียนหรือนิสิตนักศึกษา กิจการหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็กก็อยู่ได้ลำบาก เพราะตลาดหดตัวลงมาก

หก ปัญหาสังคมจากภาวะพึ่งพิงจะสูงขึ้นมาก จะมีคนแก่ที่ตายแห้งเป็นศพคนเดียวในบ้านมากมาย คนแก่ติดเตียงพิการจะขาดคนดูแล ไม่มีลูกหลาน ต้องพึ่งสังคมสงเคราะห์หรือสวัสดิการแห่งรัฐสูงมาก เพราะไทยเราแก่แต่จน ไม่ได้มีเงินออมเพียงพอ พิจารณาได้จากบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีจำนวนเงินฝากสูงเกินกว่าล้านบาทนั้นมีน้อยมาก และมีหนี้ครัวเรือนต่อหัวประชากรสูงมาก จนสร้างปัญหาทำให้ไม่พร้อมที่จะเกษียณอายุ เพราะไม่ได้วางแผนการเงินก่อนเกษียณ

อัตราการพึ่งพิงของไทยจะสูงขึ้นมาก อัตราการพึ่งพิง (Dependency ratio) นั้นวัดจากจำนวนคนที่ต้องพึ่งพิง เช่น คนที่เกษียณ หรือเด็กที่ไม่มีงานทำ หรือคนที่ตกงาน หารด้วยจำนวนคนที่ทำงาน เช่น ครอบครัวหนึ่ง มีพ่อกับแม่เกษียณแล้วไม่มีรายได้ ลูกสาวตกงาน ลูกชายหาเลี้ยงทั้งครอบครัว อัตราการพึ่งพิงจะเท่ากับ 3/1 สำหรับอัตราการพึ่งพิงของประชากรไทยนั้นอาจจะวัดได้จาก จำนวนประชากรวัยเด็กที่ยังไม่ได้ทำงาน (0-20 ปี) บวกจำนวนประชากรวัยสูงอายุที่ไม่ได้ทำงานแล้ว (มากกว่า 60 ปี) หารด้วยจำนวนประชากรวัยทำงาน (Working population 20-60 ปี) จากโครงสร้างประชากรที่เราเห็นได้จากปิรามิดประชากรของไทยในอนาคต น่าเป็นห่วงว่าอัตราการพึ่งพิงจะสูงมาก สร้างปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคม

เจ็ด ประเทศไทยจะขาดแคลนแรงงาน กำลังด้านอุปทาน (Supply side) ของประเทศไทยจะหดตัวอย่างมาก

ทางออกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากภาวะประชากรถดถอยและสังคมผู้สูงอายุเต็มขั้นนี้มีหลายทาง

หนึ่ง พัฒนาทักษะแรงงานไทยให้มีผลิตภาพสูงขึ้น โดยการ up-skill หรือ re-skill คนไทยหนึ่งคนในอนาคตต้องทำงานได้เท่ากับคนไทยในปัจจุบันมากกว่าหนึ่งคน

สอง พัฒนาหุ่นยนต์ เครื่องจักร ปัญญาประดิษฐ์มาทำงานแทนคนให้ได้มากที่สุด

สาม นำเข้าแรงงานต่างด้าวมากขึ้นและให้สัญชาติแรงงานต่างด้าวที่มีฝีมือและจ่ายภาษีสม่ำเสมอ

สี่ ย้ายฐานการผลิตในประเทศไทยไปยังประเทศที่มีแรงงานเพียงพอ

ห้า ขยายอายุเกษียณ เพื่อชะลอการจ่ายบำนาญออกไป และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

แต่ การขยายอายุเกษียณต้องคำนึงว่า ผู้ที่จะได้รับการขยายอายุเกษียณออกไป ยังมีความรู้ความสามารถและสภาพร่างกายที่พร้อมในการทำงาน ยังทำงานได้ผลดีและมีผลิตภาพ มิใช่ขยายอายุเกษียณให้ไม้ตายซาก (Deadwood) ฐานเงินเดือนสูงแล้วไม่สร้างประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติหรือองค์กรแต่ประการใด

เรื่องเหล่านี้คงต้องพิจารณากันให้รอบคอบ เช่นกัน เพื่อหาทางออกให้กับประเทศไทยในอนาคต และต้องวางแผนกันล่วงหน้ายาวๆ

อาจจะมีคนตั้งคำถามว่า เราส่งเสริมการแต่งงานและสนับสนุนการมีบุตรให้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ คำตอบคือไม่เคยมีประเทศใดประสบความสำเร็จ และการเปลี่ยนโครงสร้างประชากรใช้เวลายาวนานมาก อย่างน้อย 30 ปี ปัญหาโครงสร้างประชากรของไทยในวันนี้ เกิดจากความสำเร็จในการควบคุมประชากร จากสโลแกน มีลูกมากจะยากนาน บวกกับสังคมเปลี่ยนแปลงไป มีระดับการศึกษาสูงขึ้น สภาพเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองที่เปลี่ยนไปก็มีผล และเกิดขึ้นยาวนานมากกว่า 40 ปี เช่นกัน เมื่อจะเกิดปัญหาใช้เวลานาน การจะแก้ปัญหาก็ใช้เวลานานมากหรืออาจจะไม่สำเร็จเลยเช่นกัน ที่คือโจทย์ที่ประเทศไทยต้องตอบและคือปัญหาที่ประเทศไทยต้องเผชิญ


กำลังโหลดความคิดเห็น