xs
xsm
sm
md
lg

สงครามของ “เสรีนิยมใหม่” กับการประท้วงของ “ชาตินิยม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


มาร์ก รุตเตอ เลขาธิการนาโต
คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ไม่ว่าผู้คน พลเมือง ของบรรดาพวกฝรั่งยุโรป จะเห็นควรด้วย-ไม่เห็นควรด้วย แต่สำหรับพวก “นักการเมือง” หรือผู้บริหารบ้านเมืองของประเทศอียู-อีย้วยในแต่ละราย โดยเฉพาะประเทศเสาหลักทั้งหลาย ไม่ว่าอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ ต่างออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือเอามากๆ ต่อความพยายามที่จะแปรสภาพยุโรปให้กลายเป็น
“สนามรบ” กับหมีขาวรัสเซียให้จงได้!!!

ชนิดที่โฆษกเครมลิน อย่าง “นายDmitry Peskov”ต้องออกมายอมรับอย่างตรงไป-ตรงมา ว่าโดยทางพฤตินัยแล้วคู่ต่อสู้ของรัสเซียคงไม่ใช่แค่ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนเท่านั้น แต่รัสเซียกำลังทำศึกสงครามอยู่กับ NATO” หรือ NATO is de facto at war with Russia”อย่างมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้อีก หรืออย่างเป็นที่ประจักษ์แจ้งโดยไม่จำเป็นต้องถามหาข้อพิสูจน์เพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยเฉพาะหลังจากที่หนึ่งในชาติสมาชิก NATO” อย่างโปแลนด์ได้ออกมาเอะอะโวยวายว่าถูกเครื่องบินโดรนของรัสเซียจำนวน19 ลำ ละเมิดน่านฟ้า และถูกยิงตกไป 3 ลำ เมื่อช่วงวันที่17 ก.ย.ที่ผ่านมา อันกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด “เงื่อนไข-ข้ออ้าง” ในการเปิดศึกกับรัสเซีย หรือทำให้ความพยายามที่จะสร้างหลักประกันให้กับผู้ที่ตัวเองสนับสนุนอย่างยูเครน ด้วยการส่ง “กองกำลังรักษาสันติภาพ”เข้าไปในดินแดนแห่งนี้ หรือคิดจะสร้าง “เขตห้ามบิน”ขึ้นมาในอาณาบริเวณดังกล่าวยิ่งมี “น้ำหนัก” เพิ่มขึ้นไปเท่านั้น...

เรียกว่า...ถึงขั้นเลขาธิการ NATO”อย่าง “นายMark Rutte” ออกมาป่าวประกาศว่าถึงเวลาต้องเบ่งกล้ามต้องจัดให้มีการซ้อมรบ Eastern Sentry”โดยจะระดมเครื่องบินรบจากเดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ฯลฯ เข้ามาร่วม “โชว์พาว”ในอีกไม่นานนับจากนี้ ส่วนจะถึงขั้นประกาศ “เขตห้ามบิน”หรือต้องส่งกองกำลังNATO” ที่สวมหน้ากากในนาม “กองกำลังรักษาสันติภาพ”เข้าไปในยูเครน อันเป็นสิ่งที่ฝ่ายรัสเซียถือเป็น “การเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย” หรือไม่? ประการใด? อันนั้น...คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาเป็นอันขาด แต่โดยสรุปรวมความแล้ว ความเคลื่อนไหวต่างๆ ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นับวันจะส่อให้เห็นถึงความกระเหี้ยนกระหือรือของบรรดา “นักการเมือง”หรือผู้บริหารบ้านเมืองในหมู่ชาติอียู-อีย้วยทั้งหลายที่อยาก “แปรสนามการค้า”เท่าที่เคยมีมากับหมีขาวรัสเซีย ให้กลายเป็น “สนามรบ” เสียเหลือเกิน!!!

อย่างไรก็ตาม...เรื่องของเครื่องบินโดรนรัสเซียดันไปล่วงละเมิดน่านฟ้าโปแลนด์ หรือกระทั่งเรื่องข้อกล่าวหาว่าฝ่ายรัสเซียกระทำการรบกวนสัญญาณจีพีเอส ขณะเครื่องบินของคุณป้ามหาภัย “นางUrsula von der Leyen” ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กำลังลงจอดที่สนามบัลแกเรีย อันถูกหยิบยกมาเป็น “เงื่อนไข-ข้ออ้าง”ของบรรดาผู้นำชาติยุโรป ในการคิดเปิดศึก เปิดหน้าแลกหมัด กับหมีขาวรัสเซียนั้น ถ้าจะ “ฟังหู-ไว้หู”ก็น่าจะลองไปหาอ่านข้อเขียนบทความ ของนักข่าวและนักวิเคราะห์ชาวรัสเซีย “นายAndrew Korybko”ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันCouncil for the Institute of Strategic Studies”เขาไว้สักหน่อย ว่าด้วยเรื่อง Russia drones downed by Poland possibly link to NATO jamming” หรือที่
“สำนักข่าวผู้จัดการ” ของหมู่เฮา นำมาแปลและเรียบเรียงในชื่อว่า “โดรนรัสเซียถูกโปแลนด์สอยร่วง คือฝีมือรบกวนสัญญาณสื่อสารของนาโตและพัวพันกับแผนจัดตั้งเขตห้ามบินในยูเครน” ซึ่งได้พยายามนำเสนอเหตุผลและข้อพิสูจน์ที่ออกจะมี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย...

หรือสรุปง่ายๆ ว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...หมีขาวรัสเซียนั้นคงไม่ได้คิดทำสงครามกับบรรดาชาติยุโรปเอาเลยแม้แต่น้อย อย่างที่ประธานาธิบดี “ปูติน”ผู้นำรัสเซียท่านย้ำแล้ว-ย้ำเล่าเป็นหนที่แปด หนที่สิบไปแล้วก็ว่าได้ ว่า “ปฏิบัติการทางทหาร” ของรัสเซียต่อยูเครนนั้น เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ ทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อรับมือกับความพยายามแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลของ NATO” เข้ามายังปากประตูบ้านของรัสเซีย อันถือเป็น “รากเหง้าของปัญหา” ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข การสนองตอบจากชาติยุโรป หรือแม้แต่ผู้นำชาติNATO”อย่างคุณพ่ออเมริกา ไม่ว่ายุค “โจ ซึมเซา”หรือยุค “ทรัมป์บ้า” แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้...การคิดจะเปิดศึก เปิดหน้าชกกับหมีขาวรัสเซีย ของบรรดาชาติยุโรปภายใต้การนำของอเมริกาโดยองค์กรอย่าง NATO” ก็คือความพยายามที่จะดำรงจุดมุ่งหมาย ตามแนวคิดแนวนโยบาย ที่เรียกๆกันว่าEnlargement”หรือแนวคิดที่มุ่งจะครองโลกครอบงำโลกให้ต้องกลายเป็น “โลกตะวันตก”หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” นั่นเอง!!!

โดยแนวคิดที่ว่านี้นี่เอง...จึงทำให้บรรดา “นักการเมือง” ผู้บริหารบ้านเมืองในหมู่บรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่หนักไปทางประเภทที่เรียกๆ กันว่าพวก “เสรีนิยมใหม่”ที่มุ่งจะครองโลกทั้งโลก หรือหวังให้โลกทั้งโลกตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของ “รัฐบาลโลก” หรือบรรดา “บรรษัทข้ามชาติ” ทั้งหลาย แบบชนิดไม่มีพรมแดน ไม่มีเส้นเขตแดนใดๆ มาเป็นอุปสรรค เป็นตัวขวางกั้นผลประโยชน์ ที่มีแต่จะต้องเป็นไปในแบบ “การค้าเสรี”หรือ “ทุนนิยมเสรี” ได้โดยเด็ดขาด!!! ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ หรือ “อธิปไตย”ของชาติ-ของสังคมในแต่ละประเทศ ดังนั้น...ภายใต้แนวคิดในลักษณะเช่นนี้ เลยทำให้บรรดานักการเมือง หรือบรรดาผู้นำเหล่านี้ มักไม่ได้คิดถึง นึกถึงผลประโยชน์ของผู้คนพลเมือง ในประเทศตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี ฯลฯ ชนิดทั้งที่ประเทศตัวเอง สังคมตัวเอง ต่าง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร”ไปด้วยกันทั้งสิ้นทั้งพวง เศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินเฟ้อ ข้าวของแพง หนี้สินล้นพ้นตัว ผู้คนว่างงาน ระบบอุตสาหกรรมแทบล้มละลาย ฯลฯ แต่แทนที่จะ “แก้ปัญหาภายใน”กลับหันมาสนใจที่จะเปิดศึกเปิดสงคราม “นอกประเทศ” กันซะนี่!!!

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้ระหว่างที่คิดๆ จะไล่อัด ไล่บี้ หมีขาวรัสเซียแบบไม่ให้มีโอกาสพักหายใจได้เลย แต่กลับดันต้องเจอกับ “การประท้วง” ของผู้คนพลเมืองในประเทศตัวเอง ชนิดโอกาสที่แต่ละรัฐบาลอาจต้อง “เจ๊ง-กับ-เจ๊ง”ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ ไล่มาตั้งแต่ “ผู้ดีอังกฤษ”ที่ต้องเจอมวลชนฝ่ายขวา ภายใต้การชักนำของ “จตุพร ตุ๊ดตู่”แห่งอังกฤษ หรือ “นายTommy Robinson” ที่อาศัยเงื่อนไข-ข้ออ้างเรื่องผู้อพยพ ระดมผู้คนออกมาเล่นงานรัฐบาลตัวเอง ได้ถึง150,000 คน เมื่อช่วงวันเสาร์ที่13 ก.ย. ออกตีรันฟันแทงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนับหมื่น จนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บไปถึง 20 กว่าคน ชนิดแทบกลายเป็น “สงครามกลางเมือง”ถ้าว่ากันตามความเห็นของอดีตนักการเมืองอังกฤษ อย่าง “นายNick Griffin” โดยเฉพาะถ้าต้องเกิดการปะทะกับบรรดาผู้อพยพชาวต่างชาติ จนทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่า พวก Ultra-Zionist”หรือพวกDeep State”ของอเมริกา อาจมีส่วนอยู่เบื้องหลังเอาเลยถึงขั้นนั้น อันเนื่องมาจาก “นายTommy Robinson”ดันไปลากเอาเจ้าพ่อเทคโนโลยีอเมริกาอย่าง Elon Musk” มาช่วยปลุกระดมพวก “ฝ่ายขวา” ในอังกฤษให้ลุกขึ้นมาเล่นงานพวก “ฝ่ายซ้าย”ในแบบ “ไม่ว่าคุณจะเลือกความรุนแรงหรือไม่ก็ตาม แต่ความรุนแรงมันจะมาหาคุณเอง ขึ้นอยู่กับคุณจะลุกขึ้นสู้หรือจะยอมตาย” อะไรประมาณนั้น...

ส่วนฝรั่งเศส...ยิ่งหนักหนา-สาหัสยิ่งขึ้นไปใหญ่ ภายใต้อารมณ์-ความรู้สึกของชาวฝรั่งเศสที่ไม่พอใจผู้นำประเทศตัวเอง อย่าง “นายEmmanuel Macron”ถึง80 เปอร์เซ็นต์ ถ้าว่ากันตาม “ผลโพล”ครั้งล่าสุด บรรดาชาวปารีเซียงเกือบๆ ล้าน หรือประมาณ 500,000 คนตามตัวเลขทางการ แต่ถ้าว่ากันตามที่หนังสือพิมพ์ The Guardian” ของอังกฤษอ้างว่ารัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสบอกเองว่าราวๆ 600,000-900,000 คน ต่างดาหน้าออกมา “ลงถนน”ทั่วทั้งกรุงปารีส มาแซล ลียง นองต์ ฯลฯ มีทั้งคนแก่ คนเฒ่า เด็กๆ ทั้งครู ทั้งนักเรียน ข้าราชการ คนงาน นักธุรกิจ ฯลฯ เรียกว่า...พอๆ กับครั้งที่ชาวฝรั่งเศส “ทลายคุกบาสตีย์” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! สำหรับเยอรมนีที่เคยประท้วงแล้วประท้วงเล่า มาไม่รู้จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อาจไม่ต้องเสียเวลาประท้วงต่อไปอีกแล้ว เพราะ “ระบบอุตสาหกรรม” ทั้งมวลตกอยู่ในสภาพล่มสลายไปแล้วก็ว่าได้...

แม้ว่าสาเหตุแห่งการประท้วงในแต่ละที่แต่ละแห่ง อาจผิดแผก แตกต่างกันไปมั่งไม่มาก-ก็น้อย แต่โดยรวมๆ แล้วก็คงหนีไม่พ้นไปจาก “ผลประโยชน์พื้นฐาน” ของผู้คน พลเมือง ที่ถูกรัฐบาลแต่ละรัฐบาล ละเลยเพิกเฉย ไม่ได้สนใจต่อ “อำนาจอธิปไตย” ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆ อย่างจริงๆ จังๆ แต่ดันหันไปสนใจต่อ “ผลประโยชน์ของโลก”ของรัฐบาลโลก หรือของ “บรรษัทข้ามชาติ” ทั้งหลายกันแทนที่ จนทำให้ต้องควักเงินภาษีอากรของราษฎรตัวเองไปประเคนให้กับ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน ไปจนกระทั่งอาจต้องเกณฑ์ทหาร ต้องระดมผู้คนในแต่ละประเทศไปรบกับหมีขาวรัสเซียจนได้!!!
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ความพยายาม “ก่อสงคราม”ของพวก “เสรีนิยมใหม่”หรือของพวก “นักการเมือง”ในยุโรปแต่ละประเทศเลยเป็นอันต้องถูกถ่วงถูกเหนี่ยวรั้งด้วยบรรดาราษฎรที่กลายสภาพไปเป็นพวก “ชาตินิยม” คล้ายๆ กับประเภทที่คุณน้อง “สุรวิชช์ วีรวรรณ”แห่ง “สำนักข่าวผู้จัดการ” ของหมู่เฮาว่าไว้อะไรทำนองนั้น ซึ่งอุบัติขึ้นมาในแต่ละประเทศ ไม่ว่าเป็นไปในแบบฝ่ายขวา หรือฝ่ายซ้าย แต่ต่างหวังที่จะให้รัฐบาลของตัวเองใช้ “อำนาจอธิปไตย” เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนา ความต้องการของผู้คนภายในประเทศ ไม่ใช่เพื่อบรรดาพวก “บรรษัทข้ามชาติ” ทั้งหลาย...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น