xs
xsm
sm
md
lg

ความจริงที่จักรภพต้องไม่ปิดบัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ข่าวคราวของจักรภพ เพ็ญแข ได้ถูกเปิดเผยถึงเบื้องหลังการลี้ภัยของเขาในพนมเปญที่ได้รับการสนับสนุนจากฮุนเซน ผ่านปากของอาคม ซิดนีย์ หรือองอาจ ธนกมลนันท์ ระบุว่า ครั้งหนึ่งเขาเดินทางไปเยี่ยมจักรภพ ที่กัมพูชาและอ้างว่าได้พบกับกลุ่มชายชุดดำซึ่งหลบหนีอยู่ที่นั่นพร้อมระบุว่า “ฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งอาวุธ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ให้กลุ่มเสื้อแดงเพื่อใช้ในการชุมนุมและยังพบกับมือปืนที่เป็นอดีตทหารเกี่ยวข้องกับการยิงสนธิลิ้มทองกุล ผู้นำกลุ่มพันธมิตรฯ

จักรภพ เพ็ญแข เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2510 เติบโตมาด้วยภูมิหลังของครอบครัวที่มีพื้นฐานด้านการรับราชการ เขาเริ่มต้นชีวิตการทำงานในตำแหน่งข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการสื่อสารมวลชนอย่างโดดเด่นในฐานะผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์และสื่อสารสาธารณะหลากหลายรายการ มีชื่อเสียงเป็นผู้วิเคราะห์ข่าวที่กล้าสะท้อนปัญหาสังคมและการเมืองอย่างตรงไปตรงมา

ในช่วงปี 2546-2548 จักรภพเข้าสู่วงการการเมืองเต็มตัวโดยได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จากนั้นได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช ในปี 2551 ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลสื่อมวลชนภาครัฐ

ต่อมาเขาเป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ต่อต้านเผด็จการและเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างแข็งขัน จนต้องลี้ภัยต่างประเทศนานกว่า 15 ปี โดยลี้ภัยอยู่ที่กัมพูชาเป็นหลัก 

วันนี้มีข่าวว่า เขากำลังจะกลับสู่เวทีการเมืองอีกครั้งในฐานะโฆษกรัฐบาล ซึ่งเขาได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กของเขา แม้ว่าเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 จักรภพได้โพสต์ขอโทษนายจิรายุผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากเกิดความเข้าใจผิดเรื่องการสื่อสารตำแหน่ง ว่าที่โฆษกรัฐบาล พร้อมชี้แจงว่าเขารับงานทันทีหลังถูกทาบทาม เพราะเห็นว่าการเมืองช่วงนี้ไม่ควรชักช้า และต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อจัดการความขัดแย้งและความเข้าใจผิดภายในประเทศ

จักรภพย้ำว่าการที่ทีมงานใช้คำว่า “ว่าที่โฆษกฯ” ในการโพสต์เฟซบุ๊กนั้นเป็นความผิดของเขาในฐานะเจ้าของบัญชี และจะรับผิดชอบต่อความเข้าใจผิดทั้งหมด พร้อมฝากข้อความเปรียบเปรยถึงสถานการณ์ของประเทศว่าเหมือน “เรือที่มีธงไทยแล่นฝ่ามรสุมและหินโสโครกมากมาย” จึงไม่ควรเสียเวลาเถียงเรื่องตำแหน่งหรือผลประโยชน์เล็กน้อย

ย้อนกลับไปหลังเดินทางในปี 2567 เขาถูกควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองอาวุธสงครามและเป็นอั้งยี่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2557 และได้ประกันตัวด้วยวงเงิน 400,000 บาท ในคดีดังกล่าว ระหว่างนั้นจักรภพปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าในช่วงเกิดเหตุเขาอยู่ที่กัมพูชา อีกทั้งระหว่างการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมืออย่างครบถ้วน พร้อมมองว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าอดีต

ตลอดการให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังได้รับการประกันตัว เขาเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย รวมถึงแสดงความหวังว่าจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการรับใช้ประเทศชาติ พร้อมประกาศยินดีที่จะเข้าช่วยงานรัฐบาลหากไม่มีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นภายใน

“15 ปีที่ผมลี้ภัยไปต่างประเทศนั้นรู้สึกเสียดายเวลา ที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติ เพราะฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปคิดว่าสิ่งไหนที่ทำได้ก็อยากจะทำ”จักรภพให้สัมภาษณ์หลังได้รับประกันตัว หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ได้ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี บริเวณชั้น 1 อาคารประชาอารักษ์ แบบเดียวกับทักษิณเมื่อกลับประเทศไทยที่สนามบิน

แต่ก่อนจะย้อนไปดูการใช้ชีวิตและอุดมการณ์ของเขาที่มุ่งหมายในระหว่างที่ลี้ภัยไป 15 ปี หลังกลับมาประเทศไทย เขาได้เปิดเผยถึงชีวิตรักของเขาที่เป็นปริศนาและซ่อนเร้นมานาน เขาเปิดตัวคู่ชีวิต สุไพรพล ช่วยชู เป็นคู่รัก LGBTQ+ ที่สานรักกันมากว่า 23 ปีและได้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมตามกฎหมายใหม่ของไทยเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568 ที่สำนักงานเขตบางรัก และจัดพิธีแต่งงานในเวลาต่อมาโดยมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นสักขีพยานร่วมพิธีครั้งนี้

แต่เราต้องตั้งคำถามว่าความคิดและอุดมการณ์ของเขานั้นจะอยู่ในจุดมุ่งหมายหรือไม่ ระหว่างลี้ภัย จักรภพร่วมก่อตั้งกลุ่ม Red Siam (แดงสยาม) และเครือข่ายองค์กรเสรีไทย ที่เคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการจากต่างประเทศ พร้อมกับแกนนำกลุ่มแดงนอกจาก เช่น สุรชัย แซ่ด่าน อาคม ซิดนีย์, เอนก ซานฟราน และชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างรัฐและสถาบันกษัตริย์ในแนวทางทางการเมืองฝ่ายซ้าย

กลุ่มแดงสยามก่อตั้งขึ้นจากความแตกต่างทางอุดมการณ์กับแกนนำ นปช.กลุ่มนี้เน้นย้ำการต่อต้านระบอบอำนาจเก่า ผลักดันประชาธิปไตยเสรีและรื้อโครงสร้างอำนาจผ่านการวิพากษ์อย่างกล้าหาญต่อระบบรัฐและสถาบันกษัตริย์แบบที่ไม่เคยปรากฏในขบวนเสื้อแดงหลัก แนวทางของแดงสยามถูกมองว่า “ก้าวหน้าสุดขั้วของขบวนประชาธิปไตยไทย”

อุดมการณ์และแนวทางการต่อสู้ที่แตกต่างกันระหว่างเขากับแกนนำเสื้อแดงสายหลักนำไปสู่การแยกตัว โดยประกาศชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับนปช.อีกต่อไป “แดงสยาม” มีเป้าหมายต่อต้านระบบอำมาตยาธิปไตยและผลักดันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในประเทศอย่างลึกซึ้ง

ในระหว่างลี้ภัยจักรภพ มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับฮุนเซน ซึ่งตอนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา คอยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตและเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเสรีในต่างประเทศ ฮุนเซนให้การสนับสนุนและคุ้มครองทั้งในแง่สถานะและความปลอดภัย มีบุคคลคนกลางอย่างนายเคลียง ฮวด ที่พูดได้ทั้งไทยและเขมรเป็นผู้ช่วยสื่อสารและประสานระหว่างสองฝ่ายและเป็นล่ามให้แพทองธาร และฮุนเซนในคลิปฉาว

ล่าสุดมีคลิปเสียงจากสำนักข่าว Al Jazeera ที่ระบุว่านายเคลียง ฮวด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย และภาพถ่ายคู่ของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์กับเคลียง ฮวด ขณะอยู่ในเขมร นอกจากนี้ ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ผู้ใกล้ชิดวันเฉลิม ยืนยันว่าเคลียง ฮวด เคยช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวไทยในเขมรหลังรัฐประหาร 2557 รวมถึงวันเฉลิมด้วย ดังนั้นเขาอาจเกี่ยวข้องกับการหายไปของวันเฉลิม และการอยู่ในเขมรในช่วงนั้นของจักรภพน่าจะรู้เบาะแสการหายไปของวันเฉลิมดี

จากพฤติกรรมในอดีตของจักรภพกับการแวดล้อมด้วยชายชุดดำที่เป็นกองกำลังติดอาวุธ การคบหากับคนเสื้อแดงนอกที่มีความมุ่งหมายท้าทายต่อสถาบันกษัตริย์ จนถึงคดีที่ถูกกล่าวหาว่า ครอบครองอาวุธสงครามและเป็นอั้งยี่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2557 ยังไม่เป็นที่ยุติ เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโฆษกรัฐบาลคนใหม่จริงๆ หรือ แม้เราจะรู้ว่า เขามีความรู้ทักษะและความสามารถเหนือกว่าโฆษกรัฐบาลในปัจจุบันก็ตาม แล้วเขาจะสามารถรับมือกับฮุนเซน ที่เขาเคยพึ่งพาในสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างไทยกับเขมรได้จริงๆ หรือ

ก่อนจะเป็นโฆษกรัฐบาล จักรภพก็น่าจะต้องเปิดปากข้อมูลเกี่ยวกับชายชุดดำที่ตัวเองเคยแวดล้อมที่เป็นต้นเหตุการใช้อาวุธสงครามต่อสู้กับทหาร จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเวลาต่อมา
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น