เป็นเรื่องที่ลึกลับและมีเงื่อนงำมาก กับการตายในคุกที่มีการควบคุมอย่างหนาแน่นในเกาะแมนฮัตตัน, นิวยอร์ก ของหนุ่มใหญ่มหาเศรษฐีนักการเงินเจฟฟรีย์ เอปสตีน (Jeffrey Epstein) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2019 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
นั่นเป็นช่วงเวลาปลายวาระแรกของปธน.ทรัมป์ ซึ่งคดีการตายนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ขณะนั้น ได้สรุปอย่างรวดเร็วว่า เป็นการฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่นายเอปสตีนเป็นนักโทษขังเดี่ยว และผู้คุมก็ให้การว่าเขาดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมๆ กับมีกล้องซีซีทีวีจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ดูเหมือนว่ากล้องจะทำงานไม่ปกติไปช่วงหนึ่ง (ก็แบบของไทยเราที่กล้องจะเสียเสมอในเวลาสำคัญๆ ที่ต้องการหลักฐาน)
ตอนนี้ เรื่องเงื่อนงำการตายของนายเอปสตีนกลายมาเป็นประเด็นทางการเมืองที่ทรัมป์กำลังถูกกดดันให้สั่งกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยการสืบสวนรายละเอียดตลอด 6 ปีที่ผ่านมาให้ครบถ้วน ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง
รวมทั้งข้อมูลลูกค้าของนายเอปสตีนซึ่งเป็นผู้มอบเงินก้อนโตผ่านกองทุนเจ.เอปสตีน และคอมปานี ไปลงทุนในที่ต่างๆ ซึ่งกองทุนนี้ทำกำไรคืนลูกค้าของเขาอย่างอู้ฟู่
จากการสืบสวนของเอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรม ทั้งยุคของทรัมป์ 1.0 และของไบเดนจะมีรูปภาพตามสื่อต่างๆ ปรากฏภาพงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่ลูกค้าของเอปสตีน เป็น VVIP จากทั่วโลก มีทั้งเหล่า Jet Set ของนิวยอร์ก, ดี.ซี., แอลเอ มี VVIP จากยุโรปมากมาย โดยเฉพาะเจ้าชายแอนดรูว์ พระโอรสองค์ที่สองของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ และเป็นพระโอรสองค์โปรดของพระราชินี โดยมีหน้าที่นำพระราชทรัพย์ของพระราชวงศ์ไปลงทุนกับกองทุนของนายเอปสตีน
และยังมีเศรษฐีเหล่าราชวงศ์อาหรับก็ลงทุนผ่านนายเอปสตีนนี้เช่นกัน
นายเอปสตีนคนนี้ เคยเป็นครูสอนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ของร.ร.มัธยมชั้นนำแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก โดยเขาจะคำนวณได้เก่งและสอนได้สนุกมาก ทั้งๆ ที่เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย (ก็เช่นเดียวกับทั้งนายบิล เกตส์, นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่เป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของหน่วยงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ-NIA-ที่เปิดเผยความลับของ NIA เรื่องการ Hack โทรศัพท์ของผู้นำทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นนางอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี จนรู้กิจกรรมของผู้นำโลกแทบทุกคน)
ผู้ปกครองของนักเรียนลูกศิษย์คนหนึ่งของนายเอปสตีนชอบพอกับนายเอปสตีน ถึงขนาดฝากเขาเข้าทำงานเป็นพนักงานด้านการลงทุนของธนาคารเพื่อการลงทุน Bear Stearns (ธนาคารแห่งนี้ล้มละลายช่วง 2008-2009 Hamburger Crisis ที่เป็นการถดถอยใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่ง JPM Chase ได้ซื้อกิจการไป)
นายเอปสตีนเรียนรู้วิธีลงทุนจาก Bear Stearns ได้พักสั้นๆ ก็ได้ออกมาตั้งกองทุนของตนเอง และประสบผลสำเร็จมหาศาลจนเขาสามารถเป็นเจ้าของคฤหาสน์ยักษ์หรูในมหานครนิวยอร์ก ที่เขาใช้เป็นที่รับรองงานเลี้ยง (ระดมทุน) กับลูกค้า VVIP’S และยังมีอาคารหรูที่รัฐฟลอริดา รวมทั้งเกาะแก่งในทะเลแคริบเบียน เพื่อเป็นสถานที่รับรองงานพบปะเหล่าลูกค้า VVIP’S เหล่านี้
งานสังสรรค์ที่เขาจัดขึ้น จะให้ลูกค้าได้สำเริงสำราญกันหลายวันหลายคืน รวมทั้งมีเรือยอชต์หลายลำด้วย
การรับรองจะไม่ครบถ้าไม่มี “หนู หนู” ที่เป็นละอ่อนใสบริสุทธิ์ มาให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่...ซึ่งเด็กๆ เหล่านี้จะถูกหลอกว่าให้มาทำงานหารายได้พิเศษเพื่อไว้จ่ายค่าเล่าเรียน หลายคนเป็นเด็กอายุ 13-14 ปีเท่านั้น
ผู้นำหน้าที่จัดหาเด็กๆ เหล่านี้ คือคู่รักของนายเอปสตีนชื่อ กิสเลน แมกซ์เวลล์ (Ghislaine Maxwell) ซึ่งเป็นสาวสังคมคนดังของอังกฤษ เป็นทายาทของเจ้าของกิจการการพิมพ์และนสพ.ที่อังกฤษ โดยตัวเธอนี้เป็นพระสหายของเจ้าชายแอนดรูว์ และเธอเองก็เรียนจบจากออกซฟอร์ดด้วย
กิสเลนจะไปกว้านหาเด็กๆ เหล่านี้ให้มาทำงานในช่วงวันหยุดการศึกษาฤดูร้อน ให้มาหาลำไพ่พิเศษกับการเสิร์ฟอาหารให้แก่ VVIP และเธอจะสอนให้เด็กๆ เหล่านี้ทำตามความต้องการของแขกเพื่อจะได้เงินพิเศษ โดยให้นายเอปสตีนเป็นผู้นำฝึกสอนตัวต่อตัวแบบพิเศษ
ภาพถ่ายจากงานรับรองเหล่านี้ปรากฏอยู่ในช่วงที่มีการจับกุมนายเอปสตีนในข้อหาค้ามนุษย์ และความผิดในเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์...ซึ่งเขาเคยถูกจับมาครั้งหนึ่งจากงานเลี้ยงที่นิวยอร์ก เมื่อช่วง 2000 และได้มีการภาคทัณฑ์บนไว้...จนมาโดนจับอีกในปี 2019 ครั้งนี้แฟนสาวกิสเลนก็ถูกออกหมายจับในฐานผู้ร่วมสมคบ โดยเธอสามารถหนีหมายจับไปอยู่กับน้องชายที่แคนาดาและเพิ่งถูกตามจับได้เมื่อ 2-3 ปีนี้เองที่แคนาดา
ช่วงทรัมป์หาเสียงปี 2023 เขาได้สัญญาว่าคดีของนายเอปสตีนนี้จะต้องนำมาเปิดเผย ทั้งการตายแบบมีเงื่อนงำของเขาและรายชื่อลูกค้าของนายเอปสตีนด้วย เพราะเหล่าลูกค้าอาจอยู่ในข่าวร่วมขบวนการกระทำชำเราผู้เยาว์หรือร่วมในการค้ามนุษย์ด้วย
พอทรัมป์เข้าทำเนียบขาวครั้งที่ 2 นี้ปรากฏว่า รมต.ยุติธรรมผมบลอนด์อดีตอัยการของฟลอริดา (ที่ทรัมป์เคยช่วยด้านการเงินจนชนะเป็นอัยการที่ฟลอริดา) ชื่อ แพม บอนดี (Pam Bondi) ก็ตอบคำถามเรื่องคดีเอปสตีนนี้ เธอบอกว่ามีรายชื่อลูกค้าของเอปสตีนอยู่บนโต๊ะเธอเรียบร้อย และเธอพร้อมนำมาเปิดเผย
ปรากฏว่า ในการประชุมครม.ครั้งที่ 6 ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ (ประชุมแค่เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น-ตามแต่จักรพรรดิทรัมป์จะเรียกประชุม) ทรัมป์ได้ตอบคำถามสื่อเรื่องคดีเอปสตีน เขาทำหน้าไม่พอใจและบอกว่า เป็นเรื่องโบราณแล้ว ประเทศชาติมีเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่ต้องทำ ประเทศจะต้องเดินข้ามเรื่องเอปสตีนนี้ได้แล้ว
พอสื่อกดดันมากๆ ก็เอาสำนวนสอบสวนอันเก่าออกมาเผยแผ่ และรมต.ยุติธรรมก็บอกใหม่ว่า ไม่มีรายชื่อลูกค้าของเอปสตีนคือ หาไม่พบ ทำให้สื่อไม่พอใจและขุดคุ้ยมากยิ่งขึ้น
ทำเอาเสียงในพรรครีพับลิกันเริ่มแตก นำโดยเหล่า สส.หญิงของรีพับลิกันเช่น MTG (Marjorie Taylor Greene) แห่งรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของทรัมป์ ที่กำลังเดินสายกดดันรมต.ยุติธรรมและทรัมป์ให้เปิดเผยรายชื่อลูกค้าของเอปสตีนออกมา...เพราะต้องการปกป้องสิทธิของเด็กหญิงผู้เยาว์...แม้แต่ประธานสภาผู้แทน Mike Johnson ก็ออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยด้วย
แน่นอนว่า ในรูปงานเลี้ยงรับรองของเอปสตีนนี้ มีทั้งทรัมป์ (บางทีมีเมลาเนียด้วย), ปธน.คลินตัน, บิล เกตส์, แลร์รี ซัมเมอร์ส เป็นอธิการบดีฮาร์วาร์ด มีทนายความชื่อดังๆ ของสหรัฐฯ รวมทั้งระดับเจ้าชายอาหรับด้วย และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษ (ที่ทำให้สมเด็จพระราชินีต้องทรงจ่ายเงินถึงกว่า 1 ล้านปอนด์ เพื่อถอนเรื่องฟ้องร้องที่ศาล ระหว่างนางเวอร์จิเนีย จุฟเฟร ที่เคยเป็นผู้เยาว์ที่เจ้าชายแอนดรูว์ได้ใช้บริการด้วยขณะเป็นผู้เยาว์...นางเวอร์จิเนียเพิ่งฆ่าตัวตายแบบมีปริศนา เมื่อปลายมีนาคมต้นปีนี้เอง!!)
ปธน.ทรัมป์พูดกับสื่อว่า ผมได้ถามรมต.ยุติธรรมว่า มีชื่อผมอยู่ในรายชื่อลูกค้ามั้ย และรมต.ยุติธรรมบอกว่า “ไม่มีค่ะ”...ซึ่งเขาได้บอกว่า เขาไม่เคยไปร่วมงานค้างคืนที่เกาะสวรรค์ของเอปสตีนเลย
สื่อได้พยายามเปิดโปงว่า มีภาพนายEhud Barak (อดีตนายกฯ ของอิสราเอล และเคยเป็นผอ.หน่วยมอสซาด (หน่วยสืบราชการลับและข่าวกรองของอิสราเอล) รวมอยู่ด้วย และอาจโยงใยว่า นายเอปสตีนทำงานให้ทั้งมอสซาดและซีไอเอ ซึ่งทั้งสองหน่วยจะทำงานร่วมกันมาตลอด
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พยายามกลบคดีของเอปสตีนไม่ให้เปิดเผยอีกต่อไป