xs
xsm
sm
md
lg

ภาษี 500 เปอร์เซ็นต์ของอเมริกาคือการประกาศ“สงครามโลก”นั่นเอง!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทรัมป์
“ต่อจากนั้น...ข้าพเจ้าก็ได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านมีอำนาจใหญ่ยิ่งและรัศมีของท่านได้ทำให้แผ่นดินโลกสว่าง ท่านได้ร้องประกาศด้วยเสียงกึกก้องว่า...บาบิโลนมหานครล่มจมแล้ว!!! ล่มจมแล้ว!!! กลายเป็นที่อาศัยของผีปิศาจ เป็นที่สิงอยู่ของผีโสโครกทุกอย่าง และเป็นที่อาศัยของนกทุกอย่างที่ไม่สะอาดและน่าเกลียด เพราะว่าประชาชาติทั้งปวงได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกำหนัดในการล่วงประเวณีของนครนั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลกได้ล่วงประเวณีกับนครนั้น และพ่อค้าทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกก็ได้มั่งมีขึ้นมาเพราะด้วยทรัพย์ฟุ่มเฟือยของนครนั้น และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งประกาศมาจากสวรรค์ว่า ดูก่อน...ชนชาติของเรา จงออกมาจากนครนั้นเถิด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีส่วนในบาปของนครนั้น และเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดแก่นครนั้น เพราะว่าบาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว และพระเจ้าได้ทรงจำการทุจริตแห่งนครนั้นได้ นครนั้นให้ผลอย่างไร ก็จงให้ผลแก่นครนั้นอย่างนั้น และจงตอบแทนการกระทำของนครนั้นเป็นสองเท่า...”
(วิวรณ์ 17:16) 

ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตขึ้นต้นด้วยการไปนำเอาข้อความใน “พระคัมภีร์ไบเบิล” โดยเฉพาะบทอันว่าด้วย “นครบาบิโลนล่ม” มาใช้เป็นตัวเกริ่นนำ เพื่อให้เข้ากับสีสันบรรยากาศ แห่งความพยายามของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่หวังจะอาศัยมาตรการทาง “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ในการกดดัน เล่นงาน ข่มขู่คุกคาม บีบบังคับ ให้บรรดาประเทศต่างๆทั่วทั้งโลก ต้องยอมก้มหัวศิโรราบ ยอมคลานเข้าไป “Kiss Ass”ประธานาธิบดีอเมริกัน ชนิดแทบไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่ามิตรหรือศัตรูก็แล้วแต่... 

คืออย่างที่ว่าเอาไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์มาแล้วนั่นแหละว่า...อาจด้วยเหตุเพราะเครื่องมืออื่นๆ ไม่ว่า “พลังอำนาจทางทหาร” หรือแม้แต่ “เงินอเมริกันดอลลาร์” มันชักกลายเป็นเครื่องมือ หรือเป็นอาวุธที่ออกจะบิ่นๆ ทู่ๆ ยิ่งเข้าไปทุกที แม้ว่า “กองทัพอเมริกัน” จะยิ่งใหญ่คับฟ้า คับโลก เพียงใดก็แล้วแต่ แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่าบรรดา “ผู้เล่นใหม่ๆ” ใน “สงครามสมัยใหม่” และในโลกที่ได้กลายเป็น“โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับวันมันชักเป็นอะไรที่ตึงมือ ตึงตีน เกินกว่าที่จะไล่เหยียบ ไล่กระทืบ กันได้ง่ายๆ!!! 

เอาง่ายๆ...แค่ประเทศจนๆ หรือจนระดับติดอันดับท้ายๆตามมาตรฐานสหประชาชาติ อย่างประเทศเยเมน ก็ยังได้กลายเป็น “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ในโลกยุคใหม่และสงครามสมัยใหม่ไปจนได้เล่นเอากระทั่งประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา ต้องขอประนีประนอมยอมความ เลิกโจมตี เลิกทิ้งระเบิด เพื่อแลกกับความอยู่รอดปลอดภัยของบรรดาเรือรบอเมริกา ที่คอยช่วยพิทักษ์ ปกป้อง พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล ในแถบทะเลแดง เพราะขนาด “เรือบรรทุกเครื่องบิน”อเมริกัน ยังถึงกับต้องหักเลี้ยว หักศอก ชนิดเครื่องบินราคาลำละไม่รู้กี่ต่อกี่ร้อยล้าน ตกน้ำ ตกท่า เผลอๆ...เรือทั้งลำอาจจมลงไปนอนก้นอ่าวเอาเลยก็ไม่แน่ แถมการใช้ “จรวดสกัดกั้น”ราคาลูกละเป็นล้านๆ ไปรับมือกับโดรนใต้น้ำ บนดิน ราคาแค่ไม่กี่ร้อยดอลลาร์ของพวกนักรบ “Houthis” ยังทำให้คลังอาวุธอเมริกาแทบไม่เหลืออาวุธติดโกดัง เอาเลยถึงขั้นนั้น... 

ด้วยเหตุนี้...เลยแทบไม่ต้องไปพูดถึง “มหาอำนาจคู่แข่ง”อย่างคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซีย ที่นับวันไม่เพียงแต่จะพัฒนาอาวุธร้ายๆ อย่างประเภทจรวดความเร็วเหนือเสียง ไม่ว่า“Oreshnik” หรือ “Dongfeng” รุ่นโน้น รุ่นนี้ ไปจนเครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน เจเนอเรชั่น 6 หรือไปถึงเจเนอเรชั่น 7 ไปแล้วก็ไม่รู้ ฯลฯ แถมยังส่งเสริมกระบวนการผลิต ไม่ว่าในแง่ความทันสมัยของอุปกรณ์ เครื่องมือ กำลังคน ไปจนวัตถุดิบสำคัญๆ สำหรับการผลิตอาวุธอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย จน “โลกตะวันตก” กระทั่งคุณพ่ออเมริกาแทบไล่กวดไม่ทัน มีแต่ต้องลิ้นหอบ ลิ้นห้อย ไปตามๆ กัน... 

ไม่ต่างไปจาก “เงินอเมริกันดอลลาร์” นั่นแหละ...ที่นับวันมีแต่จะ “สาละวันเตี้ยลง...เตี้ยลง” ไปตามลำดับ โดยมิใช่เป็นเพราะใครต่อใครคิดจะ “Anti-America” แต่อย่างใด แต่เพราะ“ปัญหาหนี้สิน” ของคุณพ่ออเมริกาเอง ที่ไม่ใช่แค่ต้องรอใช้หนี้กันในชาติหน้า แต่ไม่ว่าจะชาติโน้น ชาตินู้นน์น์น์ ยังไงๆ...ก็ไม่น่าจะมีปัญญาใช้หนี้หมดได้โดยเด็ดขาด รวมไปถึงการทำลายคุณค่าพื้นฐานของเงินตราสกุลดังกล่าว ด้วยการแปรสภาพให้กลายเป็น “อาวุธ” หรือที่เรียกๆ กันว่า “Dollar Weaponization” อะไรทำนองนั้น มันเลยก่อให้เกิด “ความเสี่ยง” ต่อการถือครองเงินตราชนิดนี้เอาไว้ในมือ การหันมาหาทางออก หาทางลดอัตราเสี่ยง ด้วยการซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนกันและกันด้วยเงินตราสกุลท้องถิ่นของแต่ละประเทศ มันเลยกลายเป็นการ “Anti-America” ไปโดยปริยาย... 

ดังนั้น...ก็จึงเหลืออยู่เพียงแค่ การอาศัย “ขนาด” ของความเป็น “ตลาดเศรษฐกิจ” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาใช้เป็น“สากกะเบือด้ามสุดท้าย” ดังที่ว่าไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นแล แต่ก็นั่นแหละ...ถึงแม้จะป่าวประกาศขึ้นภาษีสินค้าเข้าไปยังอเมริกากับใครต่อใครทั่วทั้งโลก ไม่เว้นมิตรหรือศัตรู แต่ก็ใช่ว่า “เครื่องมือ” ชนิดนี้สามารถนำมาใช้  “ครอบงำโลกทั้งโลก” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลเสมอไป เพราะดังเช่น “ศัตรูคู่กัด-คู่อาฆาต” ของอเมริกาอย่างคุณปู่อิหร่าน ที่ถูกห้ามซื้อ-ห้ามขาย หรือถูก “แซงชั่น” จากคุณพ่ออเมริกามาตั้งแต่เกือบ 50 ปีที่แล้ว หรือเกือบครึ่งศตวรรษเอาเลยถึงขั้นนั้น นับจากปี ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา แถมยังถูกบรรดา “พรมเช็ดเท้า” ของอเมริกา หรือบรรดาประเทศยุโรปตะวันตกทั้งหลาย รุมเหยียบ รุมกระทืบ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 หรือเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่มาจนถึงบัดนี้ คุณปู่อิหร่าน...ท่านก็ยังคงพออยู่ๆ กันไปได้!!! 

ยังสามารถปรับสภาพ ปรับเปลี่ยนตัวเอง หันไปใช้กรรมวิธีทางเศรษฐกิจแบบที่เรียกว่า “Resistance Economy” หรือเศรษฐกิจเพื่อการยืนหยัด ต่อต้าน ปรับกรรมวิธีในการดำเนินธุรกิจให้ยืดหยุ่นเข้าไว้ เพิ่มการอุดหนุนการลงทุนในธุรกิจท้องถิ่นให้ยังพอยืนหยัดอยู่ได้ ไปจนกระทั่งการพัฒนากระบวนการ “ลักลอบ” หรือแอบซื้อ-แอบขาย แอบไป “Bypass” สินค้าอิหร่าน โดยเฉพาะน้ำมันและแก๊ส ผ่านไปยังประเทศโน้น ประเทศนี้ ไม่ก็หันมาใช้กรรมวิธีแลกเปลี่ยน หรือ “Bater Trade” จนสามารถอยู่ยั้ง ยืนยง สามารถดำรงการยั่วยวน กวนส้นตีน คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรอิสราเอล ได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ แม้จะยาวนานร่วมๆ ครึ่งศตวรรษมาแล้วก็ตาม... 

ไม่ต่างไปจากคุณน้ารัสเซีย...ที่ถูก “แซงชั่น” ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่น้อยกว่า 10-11 ครั้งไปแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ ชนิดแม้แต่ “แมวรัสเซีย” หรือแมวที่มีสายเลือด สายพันธุ์ โยงไปถึงแมวไซบีเรีย ยังถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าประกวด “แมวโลก” เอาดื้อๆ!!! แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าจะ “โดน” มาแล้วกี่ครั้ง กี่หน จากมาตรการห้ามซื้อ-ห้ามขาย ห้ามโน่น ห้ามนี่ โดยคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรพรมเช็ดเท้า จนรายการแซงชั่นรัสเซียปาเข้าไปถึง 30,000 รายการไปแล้วในทุกวันนี้ แต่คุณน้ารัสเซีย...ท่านก็ยังพออยู่ๆ กันไปได้ แถมอาจอยู่แบบสบายๆ เสียอีก เมื่อเทียบกับบรรดาประเทศยุโรป หรือกระทั่งอเมริกาก็ตาม ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” กันไปทั้งสิ้น ทั้งพวง... 

ไม่ว่าในแง่ของอัตราเงินเฟ้อ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจความเสื่อมของสกุลเงินตราในประเทศ ไปจนอำนาจการแข่งขันฯลฯ เพราะการใช้มาตรการทางภาษี หรือการ “แซงชั่น” มันมักก่อให้เกิดผลลัพธ์ดังที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านสรุปไว้ในเวที “Eurasian Economic Union summit” เมื่อเดือนที่แล้วนั่นแหละว่า... “การแซงชั่นสร้างความเจ็บปวดให้กับประเทศตะวันตกยิ่งกว่ารัสเซีย และเมื่อไหร่ที่พวกเขาพยายามเพิ่มการแซงชั่น ก็ยิ่งก่อให้เกิดความเจ็บปวดต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น” หรือดังที่ผู้นำเสนอรายงานพิเศษต่อสหประชาชาติ อย่าง “Idriss Jazairy” ถึงกับเคยสรุปเอาไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.2017 โน่นเลยว่า...การแซงชั่นรัสเซียโดยบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชาติยุโรปไม่น้อยไปกว่าเดือนละ 3,200 ล้านดอลลาร์ ยิ่งเมื่อพยายามเพิ่มมาตรการแซงชั่นนับจาก “สงครามยูเครน”เป็นต้นมา ความสูญเสียมันเลยปาเข้าไปไม่รู้จะกี่ต่อกี่แสนล้านดอลลาร์เข้าไปแล้วจวบจนทุกวันนี้... 

ด้วยเหตุนี้...การคิดจะเพิ่มมาตรการแซงชั่นให้ไปไกลกันในระดับ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ภายใน 50 วันนับจากนี้ ของ “ทรัมป์บ้า” ผู้นำอเมริกา คือถึงขั้นใครที่คิดจะไปค้าๆ-ขายๆ กับรัสเซีย อาจต้องเจอกับภาษีแบบที่เรียกๆ กันว่า “secondary tariffs”ระดับ 500 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย บราซิล ตลอดไปจนบรรดาประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่กลายเป็น“ตลาด” เดียวกันกับประเทศรัสเซียไปแล้วจนทุกวันนี้ จึงถือเป็นความพยายามที่จะอาศัยมาตรการทางภาษี กดดัน ข่มขู่ คุกคามและบีบบังคับ ให้โลกทั้งโลกต้องเห็นดี-เห็นงาม ต่อการเล่นงานประเทศรัสเซียให้จงได้ หรือการแสดงความพร้อมที่จะทำสงครามกับ “ประเทศซีกโลกใต้” อันแทบไม่ต่างอะไรไปจากการคิดที่จะ “ประกาศสงคราม” กับโลกทั้งโลก...นั่นเอง!!! 

อันนี้นี่แหละ...ที่เลยต้องหันไป “ถามใจ” บรรดาประเทศต่างๆ ว่าพร้อมที่จะ “Kiss Ass” คุณพ่ออเมริกาแบบชนิดไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะปากเปรอะ ลิ้นสึกกันเลยหรือไม่? อย่างไร? แม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็เถอะคงหนีไม่พ้นต้องตั้งคำถามว่าจะถึงขั้นยอมยกฐานทัพเรือที่พังงาให้กับคุณพ่ออเมริกาเอาไว้ปิดล้อมจีน หรือไว้เล่นงานพันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัดอย่างรัสเซีย เพื่อแลกกับการลดหย่อนภาษีเพียงไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง หรือจะยืนหยัดอยู่กับความถูกต้อง-เป็นธรรม ไม่ว่าจะด้วยกรรมวิธีแบบ “Resistance Economy” หรือแบบ“Sufficiency Economy” ที่ “พ่อหลวง-รัชกาลที่ ๙” ท่านได้มอบให้เป็น “คาถาศักดิ์สิทธิ์” ในการปกป้อง คุ้มครอง ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม มาตั้งแต่ครั้งที่ท่านยังทรงพระชนมชีพ ก็คงต้องลองไปหาคำตอบเอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น