“ธนพร” บุกป่วนมัชฌิมาธิปไตย ขวาง “ประชัย” นั่งเป็นประธานการประชุม กก.บห.พรรค อ้างไม่มีสถานะเป็นหัวหน้าพรรคหมดสิทธิเรียกประชุม ด้าน “อนงค์วรรณ” พร้อมกลุ่มมัชฌิมา ทำกังวล ยื่นหนังสือตรวจสอบสถานภาพ “ประชัย” ต่อ กกต. ขณะที่ กกต.เล็งฟัน “ธนพร” แจ้งบัญชีทรัพย์สินช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (28 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 10 อาคารทีพีไอ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคทั้ง 29 คน เพื่อขอมนิปลด นายธนกร ศรียากูล ออกจากตำแหน่ง นายทะเบียนพรรค และหารือเรื่องการเจรจาจับขั้วตั้งรัฐบาล
ซึ่ง นายธนพร กล่าวว่า นายประชัยกล่าวว่ากรรมการบริหารพรรคครั้งนี้นายประชัยไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมในฐานะประธาน ซึ่งหากกรรมการบริหารพรรคครบองค์ประชุม ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคก็สามารถอยู่ร่วมประชุมได้ ส่วนจะมีมติขับหรือไม่ขับตนเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคและข้อกฎหมาย ตนไม่หนักใจอะไร และที่ตนมาร่วมประชุมครั้งนี้เพื่อคัดค้านไม่ให้นายประชัยเข้าร่วมประชุม เพราะไม่มีสถานภาพใดๆ ในพรรคแล้ว
“การจะปลดผมไม่ใช่ง่าย กรรมการบริหารพรรคที่ประชุมใหญ่เป็นผู้แต่งตั้ง ฉะนั้นกระบวนการถอดถอนจึงเป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่และอย่าคิดว่าผมจะไม่ถอดถอนคนอื่นที่ร่วมกระบวนการกับนายประชุม ผมอิงหลักกฎเกณฑ์เสมอ ผมไม่วิตกอะไร แต่ถ้าใครร่วมประชุมก็อาจผิดกฎหมาย เพราะนายประชัยไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะผมได้เซ็นรัยรองใบลาออกตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.แล้ว แต่นายประชัยได้ฉีกใบลาออกเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ฉะนั้นถือว่าการลาออกมีผลตามกฎหมายแล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคได้เข้ามาทักทายนายธนพร โดยนายธนพรเตือนว่า หากเข้าประชุมจะทำให้ผิดกฎหมายพรรคการเมือง 2550 ทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน แสดงท่าทีหวั่นวิตก พร้อมกล่าวกับว่า นายธนพรพูดอย่างนี้สมาชิกที่ไหนจะกล้าเข้าร่วมประชุม เพราะนายประชัยทำผิดกฎหมาย พร้อมกับสั่งให้ พล.อ.อารักษ์ โรจนุตมะ ผอ.พรรค ตรวจสอบไปยัง กกต. เพื่อยืนยันสถานะของนายประชัย ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาพรรควันนี้ได้ปรึกษากับใครหรือไม่ นายธนพร ปฏิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ได้ปรึกษาใครทั้งนั้น ตนก็เพิ่งพบกับ พ.ต.ท.บรรยิน
ต่อมาเวลา 11.00 น.นายประชัยได้เดินทางเข้าห้องประชุมด้วยสีหน้า เคร่งเครียด โดยระหว่างทางเดินนายประชัยได้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 2-3 คน จึงถามว่า เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ กลุ่มชายดังกล่าวได้ตอบว่า ไม่ได้เป็น แต่มากับ พ.ต.ท.บรรยิน ทำให้นายประชัยกล่าวไล่ว่า ถ้าคุณไม่ใช่สมาชิกพรรคก็ออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มีผู้บริหารพรรคหลายคนยืนจับกลุ่มหารือกันว่าจะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ อาทิ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค นายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค นายกฤษฎา สัจจกุล กรรมการบริหารพรรค นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รองโฆษกพรรค จนกระทั่ง พล.อ.อารักษ์ ได้เข้ามาเชิญ ทั้งหมดจึงตัดสินใจเข้าร่วมหารือเบื้องต้นก่อน โดยไม่ต้องลงนามใดๆ
กระทั่งเวลา 11.45 น. นายธนพร ได้ปรี่เข้าห้องประชุม เพื่อประท้วงการที่นายประชัยนั่งเป็นประธานการประชุม โดยระบุว่านายประชัยลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.แล้ว แต่นายประชัยยืนยันว่ายังเป็นหัวหน้พรรคอยู่ ขณะที่กรรมการบริหารพรรคบางคนบอกว่าถ้านายธนพร ยื่นเรื่องให้ กกต.ยืนยันก็ขอให้รอ กกต.ตอบมาก่อน แต่ก็เกิดการโต้เถียงกันไปมาทำให้กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งเสนอให้พักการประชุม 10 นาที
ขณะที่ นายณรงค์ พิริยะเอนก โฆษกพรรค ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า เมื่อ 7-8 วันที่ผ่านมาได้พบกับนางสดศรี สัตยธรรม กกต. และได้สอบถามถึงสถานะนายประชัย ซึ่งนางสดศรีก็ยืนยันว่านายประชัยยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เอกสารที่นายธนพรส่งไป เป็นเพียงสำเนาใบลาออก ไม่ใช่เอกสารตัวจริง จึงไม่มีผลใดๆ สุดท้ายกรรมการบริหารพรรค ได้ขอร้องให้นายประชัยเดินออกจากห้องประชุม โดยก่อนออกจากห้องประชุมนายประชัยได้หันมาพูดกับนายการุณ ใสงาม รองหัวหน้าพรรค ว่าให้คนเอานายธนพรออกไปได้ไหม จากนั้น ได้หารือกับกรรมการบริหารพรรคฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ชั้น 29 ขณะที่ นางอนงค์วรรณ และกรรมการบริหารพรรคกลุ่มมัชฌา และว่าที่ ส.ส. ทั้ง 7 คน ต่างจับกลุ่มหารืออยู่ภายในห้องทำงานของนางอนงค์วรรณ
นายธนกร ให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่มี่เจตนาไม่ดี แต่จะปล่อยให้ทำผิด กฎหมายเลือกตั้งไม่ได้ จะประท้วงอยู่ในห้องประชุมอย่างนี้ และจะไปแจ้งความนายประชัย ข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า กรณีให้สัมภาษณ์ว่าตนเรียกรับเงิน 60 ล้านบา ท ที่ สน.หนองจอก ในเวลา 16.00 น.และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยข้อความโฆษณา กรณีการปิดประกาศห้ามตนเข้าอาคารทีพีไอ ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพักการประชุม นางอนงค์วรรณ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ได้เข้าไปสอบถามถึงข้อกฎหมายจากนายธนพร กรณีระบุว่าผู้เข้าร่วมประชุมอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริการหารพรรคมีสถานเพียงรักษาการ ไม่มีอำนาจออกมติใดๆ ในนามพรรค ซึ่งนายธนพรได้แนะนำให้นางอนงค์วรรณทำหนังสือแจ้งไปยังนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ เพื่อให้ตรวจสอบสถานะของนายประชัย และให้เรียกประชุมใหญ่คณะกรรมการบริการหารพรรคก่อนวันที่ 3 ม.ค. พร้อมกับแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคภายในวันที่ 4 ม.ค.นี้ ซึ่งหลังจากทราบข้อมูลแล้ว พ.ต.ท.บรรยิน ได้รีบกลับไปห้องทำงานเพื่อทำหนังสือสอบถามไปยังนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค
ต่อมา เวลา 12.45 น. นายประชัย พร้อมกรรมการบริหารพรรคฝ่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มนายสุนทรได้เริ่มประชุมอีกครั้ง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยจำนวนมาก โดยไม่มี นางอนงค์วรรณ และกรรมการบริการพรรคกลุ่มมัชฌิมาเข้าร่วมประชุม
ซึ่งระหว่างการประชุมนายธนพรได้พยายามเข้าห้องประชุมเพื่อทักท้วง แต่ถูก รภป.กันไว้ทำให้นายธนพรใช้วิธีเคาะประตูห้องประชุมกดดันที่ประชุมทำให้ไม่สามารถประชุมได้ นายประชัยจึงสั่งปิดประชุม
อย่างไรก็ตามในการประชุมรอบ 2 ได้มีมติภาคทัณฑ์นายธนกร ไว้ที่มีพฤติกรรมออกมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย
ด้านกลุ่มนายอนงค์วรรณ และนายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค ได้หารือถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกประชุมผู้บริหารพรรคครั้งนี้
นายสุนทร กล่าวว่า ได้พูดกับนายประชัยตรงๆว่า ท่านน่าจะถอยออกไปก่อน แล้วให้นายประมวล น้องชาย ขึ้นมารักษาการแทน ซึ่งนายประชัยได้ตอบกลับมาว่า “นายประมวลก็น้องชายผม ทำไมผมจะให้ไม่ได้ แต่ผมยังไม่อยากให้ตอนนี้” เมื่อนายประชัยยืนยันอย่างนั้น แต่เพื่อความชัดเจนและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตน นางอนงค์วรรณ พ.ต.ท.บรรยิน จะร่วมกันทำหนังสือถึงนายประมวล เพื่อขอให้ ตรวจสอบสถานภาพของนายประชัย ว่ายังเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ จากนั้นจะเรียกประชุมใหญ่เพื่อรับรองกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายในวันที่ 3 ม.ค.นี้ตามกฎหมายควบคู่กันไป
ขณะที่นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของนายประชัย ได้ตรวจสอบจาก กกต. แล้วยืนยันว่านายประชัย ยังคงเป็นหัวหน้าพรรค การที่นายธนพร ออกมาเคลื่อนไหวต้องถามว่ามีเจตนาอะไร เพื่อสร้างภาพให้พรรคเกิดความวุ่นวายหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ควรให้สำคัญเพราะฝ่ายที่มาก่อความวุ่นวายจะได้ใจ ส่วนที่จะยื่นหนังสือให้ตรวจสอบสถานภาพนายประชัย ก็ทำไปเพราะทุกคนก็มีฝ่ายกฎหมายของตัวเอง
มีรายงานข่าวจาก กกต. ว่า ตามที่กฎหมายพรรคการเมือง กำหนดให้ กรรมการบริหารพรรค ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายหลังการเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ กกต. พบว่า หลังการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคจากชุดเดิมที่มีนายธนพร ศรียากูลเป็นหัวหน้าพรรค มาเป็นนายประชัย คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหลังพ้นจากตำแหน่งล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาราของ กกต.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับโทษการแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินล่าช้า ต้องระวางโทษจำคุ กไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งการถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (28 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 10 อาคารทีพีไอ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคทั้ง 29 คน เพื่อขอมนิปลด นายธนกร ศรียากูล ออกจากตำแหน่ง นายทะเบียนพรรค และหารือเรื่องการเจรจาจับขั้วตั้งรัฐบาล
ซึ่ง นายธนพร กล่าวว่า นายประชัยกล่าวว่ากรรมการบริหารพรรคครั้งนี้นายประชัยไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมในฐานะประธาน ซึ่งหากกรรมการบริหารพรรคครบองค์ประชุม ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคก็สามารถอยู่ร่วมประชุมได้ ส่วนจะมีมติขับหรือไม่ขับตนเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคและข้อกฎหมาย ตนไม่หนักใจอะไร และที่ตนมาร่วมประชุมครั้งนี้เพื่อคัดค้านไม่ให้นายประชัยเข้าร่วมประชุม เพราะไม่มีสถานภาพใดๆ ในพรรคแล้ว
“การจะปลดผมไม่ใช่ง่าย กรรมการบริหารพรรคที่ประชุมใหญ่เป็นผู้แต่งตั้ง ฉะนั้นกระบวนการถอดถอนจึงเป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่และอย่าคิดว่าผมจะไม่ถอดถอนคนอื่นที่ร่วมกระบวนการกับนายประชุม ผมอิงหลักกฎเกณฑ์เสมอ ผมไม่วิตกอะไร แต่ถ้าใครร่วมประชุมก็อาจผิดกฎหมาย เพราะนายประชัยไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะผมได้เซ็นรัยรองใบลาออกตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.แล้ว แต่นายประชัยได้ฉีกใบลาออกเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ฉะนั้นถือว่าการลาออกมีผลตามกฎหมายแล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคได้เข้ามาทักทายนายธนพร โดยนายธนพรเตือนว่า หากเข้าประชุมจะทำให้ผิดกฎหมายพรรคการเมือง 2550 ทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน แสดงท่าทีหวั่นวิตก พร้อมกล่าวกับว่า นายธนพรพูดอย่างนี้สมาชิกที่ไหนจะกล้าเข้าร่วมประชุม เพราะนายประชัยทำผิดกฎหมาย พร้อมกับสั่งให้ พล.อ.อารักษ์ โรจนุตมะ ผอ.พรรค ตรวจสอบไปยัง กกต. เพื่อยืนยันสถานะของนายประชัย ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาพรรควันนี้ได้ปรึกษากับใครหรือไม่ นายธนพร ปฏิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ได้ปรึกษาใครทั้งนั้น ตนก็เพิ่งพบกับ พ.ต.ท.บรรยิน
ต่อมาเวลา 11.00 น.นายประชัยได้เดินทางเข้าห้องประชุมด้วยสีหน้า เคร่งเครียด โดยระหว่างทางเดินนายประชัยได้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 2-3 คน จึงถามว่า เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ กลุ่มชายดังกล่าวได้ตอบว่า ไม่ได้เป็น แต่มากับ พ.ต.ท.บรรยิน ทำให้นายประชัยกล่าวไล่ว่า ถ้าคุณไม่ใช่สมาชิกพรรคก็ออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มีผู้บริหารพรรคหลายคนยืนจับกลุ่มหารือกันว่าจะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ อาทิ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค นายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค นายกฤษฎา สัจจกุล กรรมการบริหารพรรค นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รองโฆษกพรรค จนกระทั่ง พล.อ.อารักษ์ ได้เข้ามาเชิญ ทั้งหมดจึงตัดสินใจเข้าร่วมหารือเบื้องต้นก่อน โดยไม่ต้องลงนามใดๆ
กระทั่งเวลา 11.45 น. นายธนพร ได้ปรี่เข้าห้องประชุม เพื่อประท้วงการที่นายประชัยนั่งเป็นประธานการประชุม โดยระบุว่านายประชัยลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.แล้ว แต่นายประชัยยืนยันว่ายังเป็นหัวหน้พรรคอยู่ ขณะที่กรรมการบริหารพรรคบางคนบอกว่าถ้านายธนพร ยื่นเรื่องให้ กกต.ยืนยันก็ขอให้รอ กกต.ตอบมาก่อน แต่ก็เกิดการโต้เถียงกันไปมาทำให้กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งเสนอให้พักการประชุม 10 นาที
ขณะที่ นายณรงค์ พิริยะเอนก โฆษกพรรค ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า เมื่อ 7-8 วันที่ผ่านมาได้พบกับนางสดศรี สัตยธรรม กกต. และได้สอบถามถึงสถานะนายประชัย ซึ่งนางสดศรีก็ยืนยันว่านายประชัยยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เอกสารที่นายธนพรส่งไป เป็นเพียงสำเนาใบลาออก ไม่ใช่เอกสารตัวจริง จึงไม่มีผลใดๆ สุดท้ายกรรมการบริหารพรรค ได้ขอร้องให้นายประชัยเดินออกจากห้องประชุม โดยก่อนออกจากห้องประชุมนายประชัยได้หันมาพูดกับนายการุณ ใสงาม รองหัวหน้าพรรค ว่าให้คนเอานายธนพรออกไปได้ไหม จากนั้น ได้หารือกับกรรมการบริหารพรรคฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ชั้น 29 ขณะที่ นางอนงค์วรรณ และกรรมการบริหารพรรคกลุ่มมัชฌา และว่าที่ ส.ส. ทั้ง 7 คน ต่างจับกลุ่มหารืออยู่ภายในห้องทำงานของนางอนงค์วรรณ
นายธนกร ให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่มี่เจตนาไม่ดี แต่จะปล่อยให้ทำผิด กฎหมายเลือกตั้งไม่ได้ จะประท้วงอยู่ในห้องประชุมอย่างนี้ และจะไปแจ้งความนายประชัย ข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า กรณีให้สัมภาษณ์ว่าตนเรียกรับเงิน 60 ล้านบา ท ที่ สน.หนองจอก ในเวลา 16.00 น.และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยข้อความโฆษณา กรณีการปิดประกาศห้ามตนเข้าอาคารทีพีไอ ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพักการประชุม นางอนงค์วรรณ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ได้เข้าไปสอบถามถึงข้อกฎหมายจากนายธนพร กรณีระบุว่าผู้เข้าร่วมประชุมอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริการหารพรรคมีสถานเพียงรักษาการ ไม่มีอำนาจออกมติใดๆ ในนามพรรค ซึ่งนายธนพรได้แนะนำให้นางอนงค์วรรณทำหนังสือแจ้งไปยังนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ เพื่อให้ตรวจสอบสถานะของนายประชัย และให้เรียกประชุมใหญ่คณะกรรมการบริการหารพรรคก่อนวันที่ 3 ม.ค. พร้อมกับแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคภายในวันที่ 4 ม.ค.นี้ ซึ่งหลังจากทราบข้อมูลแล้ว พ.ต.ท.บรรยิน ได้รีบกลับไปห้องทำงานเพื่อทำหนังสือสอบถามไปยังนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค
ต่อมา เวลา 12.45 น. นายประชัย พร้อมกรรมการบริหารพรรคฝ่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มนายสุนทรได้เริ่มประชุมอีกครั้ง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยจำนวนมาก โดยไม่มี นางอนงค์วรรณ และกรรมการบริการพรรคกลุ่มมัชฌิมาเข้าร่วมประชุม
ซึ่งระหว่างการประชุมนายธนพรได้พยายามเข้าห้องประชุมเพื่อทักท้วง แต่ถูก รภป.กันไว้ทำให้นายธนพรใช้วิธีเคาะประตูห้องประชุมกดดันที่ประชุมทำให้ไม่สามารถประชุมได้ นายประชัยจึงสั่งปิดประชุม
อย่างไรก็ตามในการประชุมรอบ 2 ได้มีมติภาคทัณฑ์นายธนกร ไว้ที่มีพฤติกรรมออกมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย
ด้านกลุ่มนายอนงค์วรรณ และนายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค ได้หารือถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกประชุมผู้บริหารพรรคครั้งนี้
นายสุนทร กล่าวว่า ได้พูดกับนายประชัยตรงๆว่า ท่านน่าจะถอยออกไปก่อน แล้วให้นายประมวล น้องชาย ขึ้นมารักษาการแทน ซึ่งนายประชัยได้ตอบกลับมาว่า “นายประมวลก็น้องชายผม ทำไมผมจะให้ไม่ได้ แต่ผมยังไม่อยากให้ตอนนี้” เมื่อนายประชัยยืนยันอย่างนั้น แต่เพื่อความชัดเจนและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตน นางอนงค์วรรณ พ.ต.ท.บรรยิน จะร่วมกันทำหนังสือถึงนายประมวล เพื่อขอให้ ตรวจสอบสถานภาพของนายประชัย ว่ายังเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ จากนั้นจะเรียกประชุมใหญ่เพื่อรับรองกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายในวันที่ 3 ม.ค.นี้ตามกฎหมายควบคู่กันไป
ขณะที่นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของนายประชัย ได้ตรวจสอบจาก กกต. แล้วยืนยันว่านายประชัย ยังคงเป็นหัวหน้าพรรค การที่นายธนพร ออกมาเคลื่อนไหวต้องถามว่ามีเจตนาอะไร เพื่อสร้างภาพให้พรรคเกิดความวุ่นวายหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ควรให้สำคัญเพราะฝ่ายที่มาก่อความวุ่นวายจะได้ใจ ส่วนที่จะยื่นหนังสือให้ตรวจสอบสถานภาพนายประชัย ก็ทำไปเพราะทุกคนก็มีฝ่ายกฎหมายของตัวเอง
มีรายงานข่าวจาก กกต. ว่า ตามที่กฎหมายพรรคการเมือง กำหนดให้ กรรมการบริหารพรรค ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายหลังการเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ กกต. พบว่า หลังการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคจากชุดเดิมที่มีนายธนพร ศรียากูลเป็นหัวหน้าพรรค มาเป็นนายประชัย คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหลังพ้นจากตำแหน่งล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาราของ กกต.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับโทษการแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินล่าช้า ต้องระวางโทษจำคุ กไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งการถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี