xs
xsm
sm
md
lg

ลีเวอร์ระเบิดไพรซ์วอไล่บี้พีแอนด์จี หั่นราคาโดฟ20บ.-ชูไซส์ซิ่งพอนด์ส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูนิลีเวอร์ เปิดศึกสงครามราคาสู้พีแอนด์จี โดฟไล่บี้แพนทีน คลอดโปรโมชันขนาด 90 มล. หั่นราคาจาก 40 บาท เหลือ 20 บาท ทะลวงตลาดต่างจังหวัด พร้อมส่งภาพยนตร์พอนด์ส ไวท์ บิวตี้ ดีท็อกซ์ ชนิดซอง 10 บาท รับกำลังซื้อหด

ท่ามกลางปี 2550 ซึ่งมีปัจจัยลบรุมเร้ามากมาย ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แม้ว่าจะเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่กลับไม่ค่อยสู้ดีมากนัก โดยมีอัตราการเติบโตเพียง 3-5% เท่านั้น

ภาวะตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ในช่วงปลายปีหลากหลายค่ายออกมาเล่นสงครามราคา ตลอดจนทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม อย่างดุเดือดเผ็ดมัน ไม่ว่าจะเป็น โอสถสภา ไลอ้อน พีแอนด์จีและยูนิลีเวอร์ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

รายงานความเคลื่อนไหวการทำสงครามราคาล่าสุดในช่วงส่งท้ายปลายปีนี้ ยูนิลีเวอร์ เปิดศึกด้วยส่งกลยุทธ์ราคาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อแลกหมัดกับค่ายคู่แข่งอย่างพีแอนด์จี ด้วยการส่งภาพยนตร์โฆษณาสื่อสารถึงการลดราคาสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ แชมพูโดฟ ขนาด 90 มล. หั่นราคาจาก 40 บาท เหลือ 20 บาท หรือเท่ากับว่าเป็นการลดราคาถึง 50%

อย่างไรก็ตาม การที่ยูนิลีเวอร์ลดราคาขนาด 90 มล. แน่นอนต้องการแทรกซึมในตลาดต่างจังหวัดให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะขนาดเล็กยังเป็นขนาดยอดนิยมในตลาดต่างจังหวัด อีกทั้งเพราะด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ไล่เลี่ยระหว่างโดฟมีส่วนแบ่ง 9% ส่วนแพนทีน 13% เพื่อไม่ให้แพนทีนทิ้งห่างจากการทำกลยุทธ์ราคา ลดถึง 30% ทุกขนาด อาทิ แชมพูแพนทีนขนาด 400 มล. จาก 155 บาท เหลือ 129 บาท ขนาด 80 มล. จากราคา 29 บาท ก็เหลือเพียง 20 บาท นับว่าเป็นกลยุทธ์ตอบโต้พีแอนด์จีได้อย่างทันควันเลยทีเดียว

สำหรับสภาพตลาดแชมพูและครีมนวดผมมูลค่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้มีอัตราการเติบโต 3% โดยตลาดแชมพูมูลค่า 6,800 ล้านบาท ปีนี้เติบโต 2% ส่วนตลาดครีมนวดผมมูลค่า 3,200 ล้านบาท เติบโต 4% การเติบโตที่น้อย มาจากอัตราการใช้ครอบคลุมทุกครัวเรือน 100% ยิ่งทำให้สมรภูมิแชมพูและครีมนวดแข่งขันรุนแรง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่ง

ไม่เพียงเท่านั้นสงครามราคายังลามมาถึงตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 7,200 ล้านบาท โดยยูนิลีเวอร์ ส่งภาพยนตร์โฆษณา พอนด์ส ไวท์ บิวตี้ ดีท็อกซ์ ชนิดซอง ราคา 10 บาท เพื่อสื่อสารถึงผู้บริโภค นับว่าเป็นนำกลยุทธ์ไซส์ซิ่งโต้ตอบทันควัน และดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง อีกทั้งยังแทรกซึมตลาดต่างจังหวัดได้มากขึ้นด้วย ภายหลังจากพีแอนด์จี หั่นราคาผลิตภัณฑ์โอเลย์ ขนาด 50 กรัม จาก 420-430 บาท เหลือเป็น 399 บาท หรือถูกลง 20-30 บาท เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำโอเลย์ครองส่วนแบ่ง 31.6% ส่วนพอนด์สมีส่วนแบ่ง 22.5%

นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังปิดท้ายด้วยการภาพยนตร์โฆษณา สื่อสารถึงการทำโปรโมชัน ซิตร้า จำหน่ายแพกเกจคู่ขนาดสำหรับครอบครัว เพื่อกระตุ้นยอดขาย หลังจากสภาพอากาศหนาวปีนี้ไม่เป็นใจ ทำให้ตลาดโลชั่นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก อย่างไรก็ตามการทำ"สงครามราคา"ชนิดที่ว่ารุนแรงกว่าทุกปี คงจะเป็นบทสรุปที่ดีสำหรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ในปีหมูไฟนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น