ภูมิภาค – ประชาชนทั่วทุกภาคตื่นตัวออกไปใช้สิทธิคึกคัก “ป๋าเปรม ติณสูลานนท์” ก็ไปใช้สิทธิที่สงขลา ขณะที่ชาวปัตตานีลุยน้ำท่วมไปใช้สิทธิท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่คุมกันความปลอดภัยเข้ม ขณะเดียวกันหลายพื้นที่พบมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะที่คืนหมาหอนบางพื้นที่จ่ายกันหัวละ 500 บาท ด้าน กกต.สุโขทัย ชงเรื่องเชือดผู้สมัคร ส.ส.4-5 รายหลังพบทั้งเขต 1 และ 2 ซื้อเสียงกันโจ่งครึ่มก่อนวันเลือกตั้งร่วม 1 สัปดาห์ ระบุจ่ายกันตั้งแต่ 200-500 บาท/หัว
บรรยากาศการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและสัดส่วน ตั้งแต่เช้าวานนี้ (23 ธ.ค.) จนถึงเวลาปิดหีบบัตรเลือกตั้งทั่วทุกภาคของประเทศมีความคึกคัก ประชาชนตื่นตัวออกไปใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีการร้องเรียนว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเข้าไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดเป็นจำนวนมากเช่นกัน ขณะที่เมื่อช่วงคืนของวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในบางพื้นที่มีการแจกเงินซื้อเสียงเพื่อหวังผลชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้อีกเป้นจำนวนมาก
“ป๋าเปรม”ใช้สิทธิเลือกตั้งที่สงขลา
เริ่มที่ จ.สงขลา มีประชาชนจำนวนมากออกไปใช้สิทธิตั้งแต่ช่วงเช้า โดยในเวลา 09.15 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เดินทางไปใช้เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ภายในโรงเรียนวัดเปรมศรัทธา หมู่ที่ 1 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา หลังจากที่เดินทางกลับมายัง จ.สงขลา เมื่อเย็นวันที่ 22 ธ.ค.เพื่อมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดย พล.อ.เปรม มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านติณสูลานนท์ บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 1 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา และมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งลำดับที่ 796
ภายหลังจากที่ได้ลงคะแนนเสร็จ พล.อ.เปรม ได้เชิญชวนประชาชนให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากๆ โดยกล่าวสั้นๆ ว่า เหมือนที่พูดทุกครั้ง คือ ให้ไปเลือกตั้งกันและให้เลือกคนดีซื่อสัตย์สุจริต เพื่อบ้านเมืองจะได้มีความเจริญ จากนั้น พล.อ.เปรม ได้ทักทายกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยและประชาชนที่มารอลงคะแนนบริเวณหน่วยเลือกตั้งเป็นภาษาใต้อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านพักและเดินท่างกลับ กทม.ในเวลา 15.00 น.
ที่ จ.ตรัง เวลา 08.15 น.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินเท้าออกจากบ้านพักเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง เพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 60 ใต้อาคารเรียน 6 โรงเรียนวัดควนวิเศษ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 100 เมตร โดยมีนายระลึก หลีกภัย น้องชายเดินทางร่วมไปด้วย
คนปัตตานีลุยน้ำท่วมไปใช้สิทธิ
ส่วนพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในหลายอำเภอ ทำให้บางหน่วยเลือกตั้งต้องย้ายหน่วยไปตั้งที่สูงและดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ แต่หลายพื้นที่ที่ประชาชนต้องเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมแต่ประชาชนก็ยังคงออกมาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจประจำหน่วย และชุดกำลังลาดตระเวน ตามเส้นทางต่างๆ ทั้งสายหลักและสายรอง ทาง กกต.ปัตตานี หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมีผู้ใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 70% แม้จะมีบางหน่วยประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังก็ตาม
นายอภินัน จันอุปละ ผู้อำนวยการ กกต.ปัตตานี กล่าวกรณีหน่วยเลือกตั้งที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมขัง 28 หน่วยเลือกตั้งจากทั้งหมดมี 771 หน่วยเลือกตั้ง และได้มีการเลื่อนหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวไปอยู่ที่สูงแล้ว ซึ่งไม่ได้ห่างจากจุดเดิมมากนัก ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่ได้มีการเลื่อนย้ายนั้นที่อยู่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 24 หน่วย ได้แก่บางส่วนของอำเภอหนองจิกและบางส่วนของอำเภอเมือง และ 4 หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่อำเภอยะรังเขตเลือกตั้งที่ 2
ส่วนความช่วยเหลือนั้นหน่วยงานปกตรองและทหารได้มีการจัดเรือและรถยนต์ไว้บริการให้แก่ประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขนคนไปใช้สิทธิ เพื่อพรรคใดพรรคหนึ่งในส่วนของปัตตานีแม้บางพื้นที่จะเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมแต่ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า 70% และไม่พบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใด
ป๋าเหนาะ ”ควงป้าอุใช้สิทธิที่สระแก้ว
ที่ จ.สระแก้ว บรรยากาศการเลือกตั้ง ส.ส.คึกคักตั้งแต่เช้า มีประชาชนบางส่วนมารอใช้สิทธิตั้งแต่ก่อนเปิดหีบที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 โรงเรียนอนุบาลสระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยนายศานิตย์ นาคสุขศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งแห่งนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเยาวชนที่ไม่เคยออกมาใช้สิทธิได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งค่อนข้างหนาตา ผิดกับกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วคาดว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 75
เวลา 09.30 น. นายเสนาะ เทียนทอง หน.พรรคประชาราช พร้อมด้วยนางอุไรวรรณ เทียนทอง นายสรวงศ์ เทียนทอง (บุตรชาย) เดินทางมาลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 5 ในเขตเทศบาล อ.วัฒนานคร ณ ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ท่ามกลางประชาชนในพื้นที่ที่ออกมาลงคะแนนอย่างคึกคักในภาคเช้า และบรรดากองทัพสื่อมวลชนที่จับตามองการเลือกตั้งในครั้งนี้ หลังจากที่นายเสนาะ เปลี่ยนมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาราช
คืนหมาหอนกาฬสินธุ์แจกหัวละ 500
ที่ จ.กาฬสินธุ์ จากการติดตามบรรยากาศการลงคะแนน พบว่าประชาชนต่างพากันทยอยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเขต อ.สมเด็จ อ.ร่องคำ และเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ มีประชาชนเดินทางมาเข้าคิวลงคะแนนตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้ตามหน่วยเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่างหนัก ในการให้บริการประชาชน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่ามีผู้สมัคร ส.ส.บางรายพยายามจะซื้อสิทธิประชาชนและเมื่อคืนนี้ (22) ก็ยังมีข่าวว่า มีการแจกเงินให้กับประชาชนในเขต อ.ร่องคำ ถึงหัวละ 500 บาท เพื่อให้ใช้สิทธิลงคะแนนโดดให้ผู้สมัครบางรายในเขตเลือกตั้งที่ 2
นายประสิทธิ์ คชโคตร ประธาน กกต.กาฬสินธุ์ ได้แต่ยอมรับในกระแสข่าว แต่ภายหลังจากส่งทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบ ก็ไม่พบ แต่ในเรื่องการร้องเรียนในขณะนี้ที่ จ.กาฬสินธุ์ มีปัญหาการร้องเรียนแล้วกว่า 15 เรื่อง และได้ส่งให้ กกต.กลางพิจารณาแล้ว 2 เรื่องเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่ 1 ส่วนการซื้อเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 2 กำลังมีการสืบสวนอยู่
หึ่งอุบลฯแจกคูปองแลกเงินหากชนะ
ที่ จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่เช้าประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิตามหน่วยเลือกตั้งใหญ่ๆ อย่างหนาแน่น แม้แต่คนพิการก็นั่งรถวินแชร์มาร่วมลงคะแนนกับคนปกติทั่วไปด้วย นอกจากนี้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา (22) มีรายงานว่า ผู้สมัครพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งให้หัวคะแนนนำธนบัตรฉบับละ 100 บาทเย็บติดกับธนบัตรฉบับละ 20 บาท โดยธนบัตรฉบับละ 100 บาท ผู้ขายสิทธิสามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามปกติ ส่วนธนบัตรฉบับละ 20 บาท ต้องเก็บไว้รอทราบผลการลงคะแนน เพราะธนบัตรมูลค่า 20 บาท ก็คือคูปองที่สามารถนำไปขึ้นเงินกับผู้สมัครหากชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งพฤติกรรมแจกเงินแถมคูปองมีการทำในกลุ่มผู้สมัครพรรคนี้ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง
นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่ารากชารจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตลอดช่วงคืนที่ผ่านไม่มีรายงานการเกิดเหตุร้ายรุนแรงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สำหรับ จ.อุบลราชธานี ตั้งเป้าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 เพราะประชาชนมีการตื่นตัวผ่านการรณรงค์ต่างๆ
บุรีรัมย์ตั้งด่านคุมเข้มหน้าบ้าน“ยี้ห้อย”
ที่ จ.บุรีรัมย์ ได้มีการสนธิกำลังตำรวจ ทหาร และตำรวจกองปราบปราม ตั้งจุดตรวจสกัดเข้มตามถนนสายต่างๆ ทุกอำเภอทั้งจังหวัดเพื่อป้องกันการลักลอบขนเงินเข้ามาซื้อเสียงในวันเลือกตั้ง ส.ส.หรือขนคนมาลงคะแนน พร้อมตรวจค้นการลักลอบขนย้ายอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมาย เข้ามาในพื้นที่จังหวัด เพื่อก่อเหตุความไม่สงบในวันเลือกตั้ง
ส่วนพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ ได้มีตำรวจ ทหารประมาณ 20 นายไปทำการตั้งจุดตรวจบนถนนสายประโคนชัย-บุรีรัมย์ บริเวณหน้าบ้านพักของนายเนวิน ชิดชอบ บ้านศิลาชัย ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรค ทรท. และได้มีการตรวจรถทุกคันที่เข้าออกบ้านนายเนวิน ทุกคันด้วย
นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังได้ส่งกำลังอีกส่วนหนึ่ง ไปเฝ้าระวังดูแลหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงหน้าหน่วยเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่กระแสข่าวผู้สมัครหรือผู้สนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.จะมีการซื้อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งนั้น ไม่น่าเป็นห่วงเพราะทุกหน่วยเลือกตั้งมีคนของ กกต.ที่เชื่อถือได้ร่วมเป็นกรรมการอยู่แล้ว
ยี้ห้อย”โผล่พาเมียใช้สิทธิเลือกตั้ง
ต่อมาเวลา 13.30 น.นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ได้พา นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยา ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.3 สมัย และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 24 ชุมชนหลังสถานีขนส่งผู้โดยสาร ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
นายเนวิน ได้เดินทางมาทักทายประชาชนที่มารอลงคะแนนเลือกตั้งด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งและไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่บอกสั้นๆ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ตนเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่พาภรรยามาทำหน้าที่ลงคะแนนตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิที่จะไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง
"ผู้เฒ่า"สุรินทร์กาผิดฉีกบัตรทิ้ง
เวลา 14.20 น.ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 4 บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง ได้ควบคุมตัวนายเพชร สาแก้ว อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 5 บ.หนองบัว ต.หนองบัว อ.ท่าตูม มาทำการสอบปากคำ หลังจากที่นายเพชร สาแก้ว ได้เดินทางมาลงคะแนนเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งที่ 4 ต.หนองบัว และได้ทำการฉีกบัตรเลือกตั้งลงคะแนนแบบสัดส่วนทิ้ง 1 ใบ
สอบสวนทราบว่า นายเพชร สาแก้ว อายุ 63 ปี ได้มาขอใช้สิทธิเลือกตั้ง พร้อมทั้งได้นำบัตรลงคะแนนทั้ง 2 ใบเข้าไปกากบาทในคูหาเลือกตั้ง แต่ว่าได้ทำการกากบาทในบัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วนถึง 3 หมายเลข นายเพชรรู้ว่าเป็นบัตรเสียแน่นอนเนื่องจากข้อเท็จจริงจะกากบาทในบัตรลงคะแนนแบบสัดส่วนได้เพียง 1 หมายเลข จึงได้ฉีกบัตรทิ้ง และไปขอบัตรลงคะแนนใหม่ จากกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัว นายเพชร ไว้สอบปากคำในข้อหากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ กกต.จะพิจารณาดูที่พฤติการณ์ และเจตนาของผู้กระทำความผิดก่อนที่จะทำการชี้มูลความผิดต่อไป
ขอนแก่นวุ่น ปชช.โวยถูกผีอ้างใช้สิทธิ
ที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น.มีชาวบ้านเข้าร้องเรียนกับ กกต.ขอนแก่น ฝ่ายสืบสวนถึง 3 กรณีโดยรายแรกแจ้งว่าปลัดเทศบาลตำบลบ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น ประกาศกับชาวบ้านว่า ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันนี้ (23) ผู้ร้องเรียนจึงไปใช้สิทธิ แต่กลับไม่มีรายชื่อเมื่อตรวจสอบพบว่าชื่อของผู้ร้องเรียนถูกใช้สิทธิไปแล้ว
รายที่ 2 แจ้งว่ามาใช้สิทธิแต่กลับไม่มีรายชื่อ เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ารายชื่อได้ไปโผล่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งที่ผู้แจ้งรายนี้ไม่ใช่คนอยุธยา และชื่อก็ถูกใช้สิทธิไปแล้ว ส่วนรายสุดท้ายเป็นชาวอำเภอชุมแพ เดินทางมาร้องเรียน กกต.ขอนแก่น เนื่องจากตั้งใจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าชื่อของผู้ร้องรายนี้ได้ถูกใช้สิทธิไปแล้วเช่นกัน
พ.ต.ท.สมชาย โตเจริญ หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบ หากพบมีมูลจะต้องสืบสวนสอบสวน เพื่อรายงาน กกต.กลาง เอาผิดกับผู้กระทำผิดต่อไป
ชาวภูเขา ชร.ตื่นตัวประชาธิปไตย
ที่ จ.เชียงราย กระแสรักษ์ประชาธิปไตย ในกลุ่มชาวไทยภูเขามีคึกคักกว่าคนพื้นที่ราบ โดยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ชาวเขาเผ่าอาข่า ชาวเขาเผ่ามูเซอ ที่เขต อ.เมืองเชียงราย และ อ.แม่ฟ้าหลวง มีการเดินทางมาลงคะแนนกันจำนวนมาก มีการขนญาติพี่น้องชนเผ่ามาใช้สิทธิกันถ้วนหน้า เช่นเดียวกันกับที่ อ.เชียงแสน พบมีความคึกคักมากที่สุด ประชาชนมารอก่อนคูหาเปิด ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งเดียวที่ประชาชนใช้สิทธิครึ่งวันเกิน 60%
ขณะที่บรรยากาศการลงคะแนนที่ อ.แม่จัน เขตฐานเสียงครอบครองของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ปรากฏว่า ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่คึกอย่างเช่นการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 ประชาชนทยอยมาใช้สิทธิบางตา มีเพียงหน่วยเลือกตั้งที่วัดชัยมงคล ม.7 ต.สันทราย ข้างศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชน ที่ประชาชนมาใช้สิทธิครึ่งวันเกือบเต็มหีบ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตนี้แต่อย่างใด
ส่วนบรรยากาศโดยรวมทั่วทั้ง จ.เชียงรายไม่คึกครื้น ไม่มีขบวนรถขนคนมาลงคะแนนเสียงอย่างเช่นการเลือกตั้งทุกครั้ง เพราะมีนายตำรวจระดับสูงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปูพรมคุมเข้มพื้นที่เชียงราย ตั้งด่านสกัดการขนเงินออกมาซื้อเสียงตลอดคืน บล๊อกกลุ่มทีมงานของพรรคการเมืองทำให้การขนเงินมาซื้อเสียงทำไม่ได้ ส่งผลให้ยอดการมาใช้สิทธิไม่คึกคัก
นอกจากนี้พบว่า มีประชาชนในหลายเขตเลือกตั้ง ซึ่งเคยลงลงทะเยียนใช้สิทธิล่วงหน้านอกเขตจังหวัด แต่ไม่ได้แจ้งยกเลิก เมื่อจะมาใช้สิทธิที่บ้านเกิดในวันนี้จึงใช้สิทธิไม่ได้ ซึ่ง กกต.ระบุว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และหลายเขตมีรานงานว่า พบแต่คนทำงานและคนสูงอายุมาลงคะแนนมาก แต่เยาวชนคนรุ่นใหม่กลับมีน้อยกว่าที่คาด
กกต.สุโขทัยเสนอเชือด5ว่าที่ ส.ส.
ที่ จ.สุโขทัย บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนแห่ออกมาใช้สิทธิกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยหน่วยเลือกตั้งที่ 13 หน้าศาลากลางจังหวัด นายวันชัย สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยนายสมาน ปางวัชรากร รองผู้ว่าฯสุโขทัย ได้เดินทางมาที่คูหาลงคะแนนตั้งแต่เวลา 07.30 น.
ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 8 สถานีอนามัยบ้านสวน อ.เมืองสุโขทัย ได้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยเลือกตั้ง มีอาการเป็นลมชัก เนื่องจากโรคประจำตัวจนต้องช่วยกันหามเข้าห้องไอซียู โรงพยาบาลสุโขทัย
นายกิตติเชษฐ์ เหล็กพรหม ผู้อำนวยการ กกต.สุโขทัย กล่าวว่า ทั้ง 955 หน่วยเลือกตั้งใน จ.สุโขทัย คาดจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนจำนวนกว่า 350,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 72 จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งราว 410,000 คน ส่วนการซื้อเสียงช่วงคืนหมาหอนไม่ค่อยมีเท่าใดนัก เนื่องจากหมาได้เห่าหอนมาก่อน 1 สัปดาห์แล้ว โดยเขต 2 อ.ศรีสัชนาลัย มีการซื้อเสียงมากที่สุด คือ ซื้อทุกตำบล
“ที่ทราบขณะนี้มีผู้สมัคร 4 คนที่ซื้อ บางรายจ่ายหัวละ 200-300 บาท และบางรายก็จ่ายหัวละ 500 บาท ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองสุโขทัย มีเรื่องการซื้อเสียงมากที่สุด จ่ายหัวละ 500 บาท รองลงมาคือที่ อ.บ้านด่านลานหอย จ่ายหัวละ 200-300 บาท ซึ่ง กกต.จังหวัด กำลังรวบรวมหลักฐาน และเตรียมรายงานการสืบสวนสอบสวนให้กับ กกต.กลาง เป็นผู้พิจารณาภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินคดีกับผู้สมัคร ส.ส. ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในครั้งนี้ได้จำนวน 4-5 คน”
