ผบ.เหล่าทัพนัดหารือแบ่งเค้กงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธของแต่ละกองทัพสุดสัปดาห์นี้ หลังได้รับงบ 1.4 แสนล้าน และคาดว่าจะได้เพิ่มอีก 5 % ในปีต่อไป เผยแต่ละเหล่าทัพต่างเตรียมแผนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กันเต็มที่ ทัพบก อยากได้รถหุ้มเกาะ ทัพเรือ ขอเรือดำน้ำ ส่วนทัพฟ้า ขอเครื่องบินรบ บก.สส.อยากได้รถตักไว้พัฒนาประเทศ
พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การประชุมยุทธศาสตร์กองทัพไทยระหว่างวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ว่า จะเป็นการหารือกับปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ ถึงการจัดทำแผนงานในอนาคตว่า ในระยะ 10 ปี ข้างหน้าจะมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร เช่นเรื่องของการจัดหายุทโธปกรณ์ เพื่อตอบสนองกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร โดยดูลำดับความสำคัญของเหล่าทัพแต่ละเหล่าทัพว่า สิ่งใดมีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน และ สามารถที่จะใช้รวมการกันได้ อีกทั้ง ต้องพิจารณาในสอดคล้องกับการงบประมาณที่ได้รับ
“ไม่ใช่เป็นการทำแบบแพคเกจ อาจจจะคล้ายแต่ไม่ใช่ หนนี้เหล่าทัพจะดูในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนและ ความต้องการเป็นหลัก แล้วทำเป็นแผนระยะยาว เมื่อรัฐบาลใหม่มาก็จะได้ดูในภาพรวมได้ว่าเหล่าทัพมีความต้องการอะไรบ้าง”
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงนามในการอนุมัติการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนของกองทัพบก และเครื่องบินกริปเพนของกองทัพอากาศ โดยในส่วนของรถหุ้มเกราะนั้น ต้องรอว่าทาง สตง.พอใจกับคำตอบของกองทัพบกในประเด็นที่มีข้อสงสัยหรือไม่ ส่วนเครื่องบินนั้นทางกองทัพอากาศกำลังเจรจาตกลงในรายละเอียดกับทางสวีเดนอยู่ เพราะฉะนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการอยู่ ส่วนจะลงนามในรัฐบาลนี้ได้หรือไม่ ตนไม่ทราบว่าทันหรือไม่ แต่ขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณไปนั้น ครม.ได้ดำเนินการไปแล้ว ในส่วนตัวก็อยากให้รอบคอบที่สุดก่อนที่จะลงนาม
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า บก.ทหารสูงสุดจะนำเสนอภาพกองทัพในมุมกว้างๆ เรื่องหลักการ และจะมองไปข้างหน้าว่าเราจะต้องเผชิญภัยคุกคามอะไรบ้าง และต้องเตรียมการอย่างไร ซึ่ง บก.สส. ก็เตรียมในเรื่องภัยคุกคามและภัยการก่อการร้ายสากล รวมถึงการเตรียมอาวุธ ยุทธโธปกรณ์และคนเป็นหลัก ซึ่งคนจะเป็นส่วนสำคัญมากที่สุด ส่วนแต่ละเหล่าทัพจะต้องเตรียมอาวุธอะไรบ้างก็คงจะนำไปพูดคุยกันวันนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพเรือ อยากได้เรือดำน้ำและจะจัดการแบ่งสรรอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ก็ต้องถามดูว่าเขามีเหตุผลอะไรหรือไม่ เพราะเราต้องเตรียม แผนทั้งระยะยาวและระยะสั้น ต้องต่อสู้ภัยคุกคามตามแบบ และภัยคุกคามนอกแบบ แต่ทั้งนี้เราคงไม่ได้ไปพูดคุยถึงเรื่องการเตรียมแนวทางการรับมือในช่วงวันเลือกตั้ง
แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพเปิดเผยถึงการประชุมยุทธ์ศาสตร์กองทัพไทย ในวันที่ 24-25 พ.ย. นี้ว่า หลักสำคัญจะเป็นการไปพูดเรื่องการจัดเตรียมกองทัพให้มีความพร้อมรบ เพราะที่ผ่านมานับสิบปีกองทัพไม่ได้รับงบประมาณในการ เตรียมความพร้อมรบ มีแต่งบคงชีพและงบดูแลกองทัพบ้างนิดหน่อย ซึ่งลำพังไปจ่ายค่าน้ำมันใช้ในการฝึกยังไม่พอ ทำให้ต้องลดการฝึกลงไป ลดการใช้กระสุน เพราะงบหมด ทำให้บางปีต้องนำกระสุนคงคลังที่เตรียมเก็บไว้ใช้ในช่วงสงคราม มาใช้ฝึกแทน มาตอนนี้เราได้งบประมาณเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะสามารถจัดหาอาวุธ เพื่อให้เกิดความพร้อมรบได้ ถึงจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็ยังดีกว่าปีที่ผ่านมา
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้กองทัพพิจารณาในแง่ความเป็นจริงต่อศักยภาพในการจัดหา โดยเฉพาะงบประมาณที่ได้รับแต่ละปี โดยปัจจุบันงบประมาณด้านด้านความมั่นคงได้รับการจัดสรรประมาณ 1.58 % ของจีดีพี ซึ่งหลักทั่วไปแล้วจะได้ประมาณ 2 % ของจีดีพี ซึ่งอาจจะไม่ได้เพิ่มขนาดนั้น เอาแค่เพียง ให้อยู่ได้ในการเตรียมความพร้อม
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมากองทัพถูกตัดงบประมาณไปมาก มีเพียง งบปี 50-51 ที่ได้เพิ่มแบบก้าวกระโดดคือ ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้น 20 % โดยปีที่แล้ว ได้รับการจัดสรรให้ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อบรรเทาการชะงักงันในการพัฒนากองทัพ และ ต่อไปคาดว่าหากภาพรวมการเพิ่มงบฯประมาณมากขึ้น คิดว่ากองทัพก็จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นปี ละ 5 % ก็จะต้องมาดูว่าสิ่งใดจำเป็นก่อน หรือ หลัง ไม่ใช่เป็นการเสนอแบบแพคเกจ แล้วขายฝัน ให้เหล่าทัพเสนอมาเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาล
“การไปประชุมครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องเตรียมความพร้อมรบ ในแต่ละเหล่ายังต้องมาถกกันเรื่องการจัดซื้ออาวุธด้วยว่าเหล่าไหนต้องการอะไร และเหล่าไหน มีความจำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ทุกเหล่าต้องมาชี้แจงพร้อมกัน เช่นกองทัพบกอยากจะได้รถถัง กองทัพเรืออยากได้เรือดำน้ำ กองทัพอากาศอยากได้เครื่องบิน บก.สส. อยากได้รถตัก หรืออุปกรณ์ในการพัฒนาประเทศ ก็ต้องมาคุยกัน เพราะงบมีไม่มาก ที่จะให้ทุกกองทัพได้อาวุธอย่างที่ต้องการ และการคุยในภาพกว้างๆ หากจะมานั่งคุย 2-3 ชั่วโมง คงไม่พอ เลยมีการนัดหารือ หาที่มานั่งคิดและอยู่ด้วยกัน 2 วัน เพื่อให้ได้แนว ทางในการทำยุทธศาสตร์”
แหล่งข่าว เปิดเผยต่อว่า ภาพผบ.เหล่าทัพตอนนี้มีความสามัคคีกันมาก เพราะผบ.ทบ.ถือได้ว่าเป็นน้อง ของ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ เนื่องจากที่ผ่านมา ผบ.ทบ. มักจะเป็นพี่หรือไม่ก็เพื่อนร่วมรุ่น ทำให้คุยแบบเกรงใจ เนื่องจาก ผบ.ทบ. เป็นหน่วยงาน ที่มีกำลังเหนือกว่าเหล่าอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้มี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยมีผบ.เหล่าทัพทุกเหล่า รวมถึงผบ.ทหารสูงสุด และปลัดกระทวงกลาโหมเข้าร่วมประชุม
พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การประชุมยุทธศาสตร์กองทัพไทยระหว่างวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ว่า จะเป็นการหารือกับปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ ถึงการจัดทำแผนงานในอนาคตว่า ในระยะ 10 ปี ข้างหน้าจะมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร เช่นเรื่องของการจัดหายุทโธปกรณ์ เพื่อตอบสนองกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร โดยดูลำดับความสำคัญของเหล่าทัพแต่ละเหล่าทัพว่า สิ่งใดมีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน และ สามารถที่จะใช้รวมการกันได้ อีกทั้ง ต้องพิจารณาในสอดคล้องกับการงบประมาณที่ได้รับ
“ไม่ใช่เป็นการทำแบบแพคเกจ อาจจจะคล้ายแต่ไม่ใช่ หนนี้เหล่าทัพจะดูในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนและ ความต้องการเป็นหลัก แล้วทำเป็นแผนระยะยาว เมื่อรัฐบาลใหม่มาก็จะได้ดูในภาพรวมได้ว่าเหล่าทัพมีความต้องการอะไรบ้าง”
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงนามในการอนุมัติการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนของกองทัพบก และเครื่องบินกริปเพนของกองทัพอากาศ โดยในส่วนของรถหุ้มเกราะนั้น ต้องรอว่าทาง สตง.พอใจกับคำตอบของกองทัพบกในประเด็นที่มีข้อสงสัยหรือไม่ ส่วนเครื่องบินนั้นทางกองทัพอากาศกำลังเจรจาตกลงในรายละเอียดกับทางสวีเดนอยู่ เพราะฉะนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการอยู่ ส่วนจะลงนามในรัฐบาลนี้ได้หรือไม่ ตนไม่ทราบว่าทันหรือไม่ แต่ขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณไปนั้น ครม.ได้ดำเนินการไปแล้ว ในส่วนตัวก็อยากให้รอบคอบที่สุดก่อนที่จะลงนาม
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า บก.ทหารสูงสุดจะนำเสนอภาพกองทัพในมุมกว้างๆ เรื่องหลักการ และจะมองไปข้างหน้าว่าเราจะต้องเผชิญภัยคุกคามอะไรบ้าง และต้องเตรียมการอย่างไร ซึ่ง บก.สส. ก็เตรียมในเรื่องภัยคุกคามและภัยการก่อการร้ายสากล รวมถึงการเตรียมอาวุธ ยุทธโธปกรณ์และคนเป็นหลัก ซึ่งคนจะเป็นส่วนสำคัญมากที่สุด ส่วนแต่ละเหล่าทัพจะต้องเตรียมอาวุธอะไรบ้างก็คงจะนำไปพูดคุยกันวันนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพเรือ อยากได้เรือดำน้ำและจะจัดการแบ่งสรรอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ก็ต้องถามดูว่าเขามีเหตุผลอะไรหรือไม่ เพราะเราต้องเตรียม แผนทั้งระยะยาวและระยะสั้น ต้องต่อสู้ภัยคุกคามตามแบบ และภัยคุกคามนอกแบบ แต่ทั้งนี้เราคงไม่ได้ไปพูดคุยถึงเรื่องการเตรียมแนวทางการรับมือในช่วงวันเลือกตั้ง
แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพเปิดเผยถึงการประชุมยุทธ์ศาสตร์กองทัพไทย ในวันที่ 24-25 พ.ย. นี้ว่า หลักสำคัญจะเป็นการไปพูดเรื่องการจัดเตรียมกองทัพให้มีความพร้อมรบ เพราะที่ผ่านมานับสิบปีกองทัพไม่ได้รับงบประมาณในการ เตรียมความพร้อมรบ มีแต่งบคงชีพและงบดูแลกองทัพบ้างนิดหน่อย ซึ่งลำพังไปจ่ายค่าน้ำมันใช้ในการฝึกยังไม่พอ ทำให้ต้องลดการฝึกลงไป ลดการใช้กระสุน เพราะงบหมด ทำให้บางปีต้องนำกระสุนคงคลังที่เตรียมเก็บไว้ใช้ในช่วงสงคราม มาใช้ฝึกแทน มาตอนนี้เราได้งบประมาณเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะสามารถจัดหาอาวุธ เพื่อให้เกิดความพร้อมรบได้ ถึงจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็ยังดีกว่าปีที่ผ่านมา
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้กองทัพพิจารณาในแง่ความเป็นจริงต่อศักยภาพในการจัดหา โดยเฉพาะงบประมาณที่ได้รับแต่ละปี โดยปัจจุบันงบประมาณด้านด้านความมั่นคงได้รับการจัดสรรประมาณ 1.58 % ของจีดีพี ซึ่งหลักทั่วไปแล้วจะได้ประมาณ 2 % ของจีดีพี ซึ่งอาจจะไม่ได้เพิ่มขนาดนั้น เอาแค่เพียง ให้อยู่ได้ในการเตรียมความพร้อม
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมากองทัพถูกตัดงบประมาณไปมาก มีเพียง งบปี 50-51 ที่ได้เพิ่มแบบก้าวกระโดดคือ ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้น 20 % โดยปีที่แล้ว ได้รับการจัดสรรให้ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อบรรเทาการชะงักงันในการพัฒนากองทัพ และ ต่อไปคาดว่าหากภาพรวมการเพิ่มงบฯประมาณมากขึ้น คิดว่ากองทัพก็จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นปี ละ 5 % ก็จะต้องมาดูว่าสิ่งใดจำเป็นก่อน หรือ หลัง ไม่ใช่เป็นการเสนอแบบแพคเกจ แล้วขายฝัน ให้เหล่าทัพเสนอมาเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาล
“การไปประชุมครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องเตรียมความพร้อมรบ ในแต่ละเหล่ายังต้องมาถกกันเรื่องการจัดซื้ออาวุธด้วยว่าเหล่าไหนต้องการอะไร และเหล่าไหน มีความจำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ทุกเหล่าต้องมาชี้แจงพร้อมกัน เช่นกองทัพบกอยากจะได้รถถัง กองทัพเรืออยากได้เรือดำน้ำ กองทัพอากาศอยากได้เครื่องบิน บก.สส. อยากได้รถตัก หรืออุปกรณ์ในการพัฒนาประเทศ ก็ต้องมาคุยกัน เพราะงบมีไม่มาก ที่จะให้ทุกกองทัพได้อาวุธอย่างที่ต้องการ และการคุยในภาพกว้างๆ หากจะมานั่งคุย 2-3 ชั่วโมง คงไม่พอ เลยมีการนัดหารือ หาที่มานั่งคิดและอยู่ด้วยกัน 2 วัน เพื่อให้ได้แนว ทางในการทำยุทธศาสตร์”
แหล่งข่าว เปิดเผยต่อว่า ภาพผบ.เหล่าทัพตอนนี้มีความสามัคคีกันมาก เพราะผบ.ทบ.ถือได้ว่าเป็นน้อง ของ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ เนื่องจากที่ผ่านมา ผบ.ทบ. มักจะเป็นพี่หรือไม่ก็เพื่อนร่วมรุ่น ทำให้คุยแบบเกรงใจ เนื่องจาก ผบ.ทบ. เป็นหน่วยงาน ที่มีกำลังเหนือกว่าเหล่าอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้มี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยมีผบ.เหล่าทัพทุกเหล่า รวมถึงผบ.ทหารสูงสุด และปลัดกระทวงกลาโหมเข้าร่วมประชุม