ศูนย์ข่าวภูเก็ต -คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง และแร่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ติหาเท็จจริงมารีนาเดอะยามู และการเรียกร้องทางสาธารณะของชาวบ้าน กับจังหวัดภูเก็ตและอบต.ป่าคลอก ด้านผู้ว่าฯภูเก็ตยันไม่อนุญาตก่อสร้าง จนกว่าประชาชนในพื้นที่ทั้งหมดจะเห็นด้วย
วานนี้( 17 ต.ค.)นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 7/2550 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ประเด็นสำคัญที่มีการพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ คือกรณีที่คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง และแร่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้คณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารเกี่ยวกับลำดับขั้นตอน และความเป็นมาของการพิจารณาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือยอชต์ของโครงการเดอะยามู หมู่ที่ 7 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการท่าเทียบเรือยอชต์ของบริษัท เดอะยามู ไปยังคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำฯ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามที่ได้รับเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ยังไม่ได้อนุญาตให้ก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพราะยังมีประชาชนในพื้นที่บางส่วนไม่เห็นด้วยและคัดค้านโครงการ
พร้อมทั้งได้มอบหมายให้เจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ยังไม่เห็นด้วยกับโครงการ ซึ่งก็ได้ลงไปทำความเข้าใจมาแล้วหลายรอบ ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะยังมีทั้งประชาชนฝ่ายที่เห็นด้วยและประชาชนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และจังหวัดภูเก็ตเองก็จะต้องรอประมวลข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งหมดว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จังหวัดภูเก็ตยังไม่ได้อนุญาตให้ก่อสร้างโครงการแต่อย่างใด และจะอนุญาตให้ก่อสร้างได้ก็ต่อเมื่อปัญหาดังกล่าวสามารถที่จะยุติลงได้
ขณะที่นายเรวัติ สมบัติทอง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า อบต.ป่าคลอกได้รับหนังสือจากคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง และแร่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ให้อบต.ป่าคลอกชี้แจงข้อเท็จจริงของโครงการท่าเทียบเรือของบริษัทเดอะยามู ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการร้องเรียนของประชาชนเรื่องทางสาธารณะเช่นกัน โดยอบต.ได้รับหนังสือเมื่อวันที่ 14 กันยายน และได้ตอบข้อเท็จจริงไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา
ในส่วนของทางสาธารณะ ได้ส่งเอกสารหลักฐานตามที่อบต.ได้ตรวจสอบเอกสารด้านที่ดิน ซึ่งไม่พบว่ามีทางสาธารณะอยู่ในบริเวณ และในส่วนของประชาชนที่เห็นด้วยกับโครงการที่มีรายชื่ออยู่ที่ 282 คนไปด้วย