เจ้าหน้าที่บุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัยกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ โจรเหิมปะทะเดือดดับ 1 พบประวัติร้ายเป็นถึงระดับแกนนำแนวร่วมป่วนใต้ ก่อคดีอื้อ มีหมายจับยาวเป็นหางว่าว ทั้ง ยิงตำรวจดับ ระเบิดรถขนหีบบัตรเลือกตั้ง ส.ว. ด้าน เจ้าหน้าที่เจ็บ 2 ขณะที่โจรยังก่อเหตุฆ่ารายวัน
วานนี้(11 ต.ค.)เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และทหาร ฉก.34 ได้สนธิกำลังกว่า 200 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่ ต.กาโดะ และบ้านปูโป ต.สามัคคี เพื่อค้นหากลุ่มคนร้าย หลังได้สืบทราบว่าได้มีแนวร่วมจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อเตรียมวางแผนก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ขณะเข้าปิดล้อมเพื่อตรวจค้น กลุ่มคนร้ายมากกว่า 3 คน ได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้ทันทีเช่นกัน จึงเกิดการยิงปะทะกันนานกว่า 20 นาที
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย ทราบชื่อ พ.ต.ต.นายสรัน อาจสัญจร สารวัตรสอบสวน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าบริเวณขา กระดูกหัก และ ส.ต.อ.สมบัติ แก้วหนู ถูกยิงเข้าบริเวณหน้าท้อง 1 นัด ที่ขาขวาอีก 1 นัด อาการสาหัส ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนแมกกาซีนขนาด 9 มม.ของคนร้ายได้ จำนวน 1 กระบอก
หลังเกิดเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ ต.กะโดะ อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหากลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนี ขณะที่ พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งกำลังติดตามไล่ล่าคนร้าย เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ คาดน่าจะมีคนร้ายอีก 2 คนที่หลบหนีอยู่
สำหรับคนร้ายที่เสียชีวิต 1 ราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า คือ นายมาหะมะ เจ๊ะปูเต๊ะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182/10 หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 18/8 หมู่ 1 บ้านปูโป ต.สามัครคี อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกอยา ฮาแว อายุ 37 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายกอยา ไปสอบสวนขยายผลต่อไป
สำหรับประวัติของนายมาหะมะ เจ๊ะปูเต๊ะ พบว่า เป็นถึงระดับแกนนำแนวร่วมกลุ่มป่วนใต้ เคยก่อเหตุยิง ดต.สามารถ อินมโณ หัวหน้าป้อมตำรวจ ต.สามัคคี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2549 และเป็นคนลงมือกดระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ กกต.ขณะกำลังขนหีบบัตรเลือกตั้ง ส.ว.ไปส่งยัง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2548 นอกจากนี้ยังมีหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.รือเสาะไม่ต่ำกว่า 10 คดี และยังเป็นหัวคะแนนให้กับนักการเมืองในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก เช่น อาวุธปืนแมกกาซีน ขนาด 9 ม.ม. ของคนร้ายได้ 1 กระบอก กระสุนอีก 50 นัด เงินสด 4 พันบาท เอกสารภาษายาวี, โทรศัพท์มือถือ และเครื่องรางของขลังจำนวนหนึ่ง
ส่วนที่จังหวัดนราธิวาส เกิดเหตุร้ายรายวัน โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 04.35 น.วานนี้(11 ต.ค. ) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ. บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิตในพื้นที่ ม.9 บ.กาบุห์ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายเดชดำรง สาเมาะ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 133/4 ม.11 ต.โคกเคียง อ.เมือง จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาล
ส่วนที่อ.ตากใบ เมื่อเวลา 12.30 น. เกิดเหตุคนร้ายขี่จักรยานยนต์ และใช้อาวุธปืนยิง นายทัศน์พร้อมด้วยนางเนียม แก้น้อย ภรรยา ขณะเดินทางกลับจากไปทำบุญเดินสิบที่วัด บริเวณ บ.ชุมบก ม.9 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยนายทัศน์เสียชีวิตทันที ขณะที่นางเนียมได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเวลาเวลา 12.50 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะตามประกบยิงนายอาซิ เจ๊ะหลง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ระแงะ เหตุเกิดขณะที่นายอาซิขับขี่รถจักรยานยนต์ตามลำพัง แต่เมื่อมาถึงสะพานบ้านบาโงตา ม.1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ก็ถูกคนร้ายตามประกบและกระหน่ำยิงจนนายอาซิเสียหลักล้มลง และเสียชีวิตที่เกิดเหตุทันที
พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนด้าน จ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้จัดส่งกำลังทหารของหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 จำนวน 30 นาย เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่บ้านสวนใน ม.1 ต.ตะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยกำลังเหล่านี้จะเข้าไปพักในโรงเรียนตาดีกา บริเวณมัสยิดบ้านสวนใน และจะปฏิบัติหน้าที่ด้านมวลชนสัมพันธ์ พร้อมกับป้องกันการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนร้าย
กรณีที่มีข่าวว่า หลังการปะทะใหญ่กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เมื่อวันก่อน กลุ่มคนร้ายจะมีการโต้ตอบ พ.อ.ประยงค์ กล่าวว่า ย่อมเป็นไปได้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ประมาท มีการวางกำลังหน่วยย่อยพื้นที่เคลื่อนไหวของคนร้ายหลายจุด พร้อมติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเป็นวันออกบวชของชาวไทยมุสลิม ซึ่งมีทั้งชาวบ้านในพื้นที่และญาติๆ จากจังหวัดอื่นมาร่วมทำบุญ โดยอาจจะเป็นช่วงจังหวะที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจจะก่อเหตุรุนแรงนั้น ทางหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 ก็ไม่ได้ประมาท มีการเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ด้านจ.สงขลา วานนี้ (11 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา สรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา หลังจากเมื่อคืนวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนร้ายได้ลอบก่อเหตุสร้างสถานการณ์อีกครั้งในพื้นที่ 2 อำเภอ โดยมีโรงเรียนถูกลอบวางเพลิงได้รับความเสียหาย 1 แห่ง และเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของดีแทคอีก 3 จุด
โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิง คือ โรงเรียนบ้านลำเภา ม.9 ต.ลำไพล อ.เทพา อาคารชั้น ม.1-3 จำนวน 10 ห้องเรียน ถูกไฟไหม้เสียหายไป 2 ห้อง ส่วนเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือดีแทคที่ถูกเผาทั้ง 3 จุด อยู่ในพื้นที่ อ.จะนะ ประกอบด้วย พื้นที่บ้านนาปรือ ม.8 ต.คู จำนวน 1 ต้น พื้นที่บ้านตลิ่งชัน ม.2 ต.ตลิ่งชัน จำนวน 1 ต้น และพื้นที่บ้านตรับ ม.11 ต.จะโหนง จำนวน 1 ต้น และไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย และ อ.สะเดา ยังคงตรึงกำลัง และเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดสัปดาห์นี้ ภายหลังจากที่หน่วยข่าวได้มีการแจ้งเตือนให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะได้รับรายงานว่า อาจจะมีการเตรียมก่อเหตุส่งท้ายเดือนรอมฎอน และในช่วงฮารีรายอ
วานนี้(11 ต.ค.)เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และทหาร ฉก.34 ได้สนธิกำลังกว่า 200 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่ ต.กาโดะ และบ้านปูโป ต.สามัคคี เพื่อค้นหากลุ่มคนร้าย หลังได้สืบทราบว่าได้มีแนวร่วมจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อเตรียมวางแผนก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ขณะเข้าปิดล้อมเพื่อตรวจค้น กลุ่มคนร้ายมากกว่า 3 คน ได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้ทันทีเช่นกัน จึงเกิดการยิงปะทะกันนานกว่า 20 นาที
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย ทราบชื่อ พ.ต.ต.นายสรัน อาจสัญจร สารวัตรสอบสวน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าบริเวณขา กระดูกหัก และ ส.ต.อ.สมบัติ แก้วหนู ถูกยิงเข้าบริเวณหน้าท้อง 1 นัด ที่ขาขวาอีก 1 นัด อาการสาหัส ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนแมกกาซีนขนาด 9 มม.ของคนร้ายได้ จำนวน 1 กระบอก
หลังเกิดเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ ต.กะโดะ อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหากลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนี ขณะที่ พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งกำลังติดตามไล่ล่าคนร้าย เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ คาดน่าจะมีคนร้ายอีก 2 คนที่หลบหนีอยู่
สำหรับคนร้ายที่เสียชีวิต 1 ราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า คือ นายมาหะมะ เจ๊ะปูเต๊ะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182/10 หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 18/8 หมู่ 1 บ้านปูโป ต.สามัครคี อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกอยา ฮาแว อายุ 37 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายกอยา ไปสอบสวนขยายผลต่อไป
สำหรับประวัติของนายมาหะมะ เจ๊ะปูเต๊ะ พบว่า เป็นถึงระดับแกนนำแนวร่วมกลุ่มป่วนใต้ เคยก่อเหตุยิง ดต.สามารถ อินมโณ หัวหน้าป้อมตำรวจ ต.สามัคคี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2549 และเป็นคนลงมือกดระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ กกต.ขณะกำลังขนหีบบัตรเลือกตั้ง ส.ว.ไปส่งยัง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2548 นอกจากนี้ยังมีหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.รือเสาะไม่ต่ำกว่า 10 คดี และยังเป็นหัวคะแนนให้กับนักการเมืองในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก เช่น อาวุธปืนแมกกาซีน ขนาด 9 ม.ม. ของคนร้ายได้ 1 กระบอก กระสุนอีก 50 นัด เงินสด 4 พันบาท เอกสารภาษายาวี, โทรศัพท์มือถือ และเครื่องรางของขลังจำนวนหนึ่ง
ส่วนที่จังหวัดนราธิวาส เกิดเหตุร้ายรายวัน โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 04.35 น.วานนี้(11 ต.ค. ) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ. บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิตในพื้นที่ ม.9 บ.กาบุห์ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายเดชดำรง สาเมาะ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 133/4 ม.11 ต.โคกเคียง อ.เมือง จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาล
ส่วนที่อ.ตากใบ เมื่อเวลา 12.30 น. เกิดเหตุคนร้ายขี่จักรยานยนต์ และใช้อาวุธปืนยิง นายทัศน์พร้อมด้วยนางเนียม แก้น้อย ภรรยา ขณะเดินทางกลับจากไปทำบุญเดินสิบที่วัด บริเวณ บ.ชุมบก ม.9 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยนายทัศน์เสียชีวิตทันที ขณะที่นางเนียมได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเวลาเวลา 12.50 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะตามประกบยิงนายอาซิ เจ๊ะหลง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ระแงะ เหตุเกิดขณะที่นายอาซิขับขี่รถจักรยานยนต์ตามลำพัง แต่เมื่อมาถึงสะพานบ้านบาโงตา ม.1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ก็ถูกคนร้ายตามประกบและกระหน่ำยิงจนนายอาซิเสียหลักล้มลง และเสียชีวิตที่เกิดเหตุทันที
พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนด้าน จ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้จัดส่งกำลังทหารของหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 จำนวน 30 นาย เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่บ้านสวนใน ม.1 ต.ตะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยกำลังเหล่านี้จะเข้าไปพักในโรงเรียนตาดีกา บริเวณมัสยิดบ้านสวนใน และจะปฏิบัติหน้าที่ด้านมวลชนสัมพันธ์ พร้อมกับป้องกันการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนร้าย
กรณีที่มีข่าวว่า หลังการปะทะใหญ่กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เมื่อวันก่อน กลุ่มคนร้ายจะมีการโต้ตอบ พ.อ.ประยงค์ กล่าวว่า ย่อมเป็นไปได้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ประมาท มีการวางกำลังหน่วยย่อยพื้นที่เคลื่อนไหวของคนร้ายหลายจุด พร้อมติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเป็นวันออกบวชของชาวไทยมุสลิม ซึ่งมีทั้งชาวบ้านในพื้นที่และญาติๆ จากจังหวัดอื่นมาร่วมทำบุญ โดยอาจจะเป็นช่วงจังหวะที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจจะก่อเหตุรุนแรงนั้น ทางหน่วยเฉพาะกิจที่ 4 ก็ไม่ได้ประมาท มีการเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ด้านจ.สงขลา วานนี้ (11 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา สรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา หลังจากเมื่อคืนวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนร้ายได้ลอบก่อเหตุสร้างสถานการณ์อีกครั้งในพื้นที่ 2 อำเภอ โดยมีโรงเรียนถูกลอบวางเพลิงได้รับความเสียหาย 1 แห่ง และเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของดีแทคอีก 3 จุด
โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิง คือ โรงเรียนบ้านลำเภา ม.9 ต.ลำไพล อ.เทพา อาคารชั้น ม.1-3 จำนวน 10 ห้องเรียน ถูกไฟไหม้เสียหายไป 2 ห้อง ส่วนเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือดีแทคที่ถูกเผาทั้ง 3 จุด อยู่ในพื้นที่ อ.จะนะ ประกอบด้วย พื้นที่บ้านนาปรือ ม.8 ต.คู จำนวน 1 ต้น พื้นที่บ้านตลิ่งชัน ม.2 ต.ตลิ่งชัน จำนวน 1 ต้น และพื้นที่บ้านตรับ ม.11 ต.จะโหนง จำนวน 1 ต้น และไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย และ อ.สะเดา ยังคงตรึงกำลัง และเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดสัปดาห์นี้ ภายหลังจากที่หน่วยข่าวได้มีการแจ้งเตือนให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะได้รับรายงานว่า อาจจะมีการเตรียมก่อเหตุส่งท้ายเดือนรอมฎอน และในช่วงฮารีรายอ