xs
xsm
sm
md
lg

โชวห่วยล่าชื่องดจ่ายภาษี วัดใจ‘ขิงแก่’โอ๋ห้างต่างชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ประสานงานผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบการอิสระของคนไทย เตรียมวางแผนล่าชื่อร้านค้า-ตลาดสดทั่วประเทศร่วม 8 แสนราย งดจ่ายภาษีเพราะ เดือดร้อนใกล้เจ๊งกันถ้วนหน้าจากการบุกขยายสาขาอย่างกร้าวร้าวของเทสโก้ โลตัส – บิ๊กซี – แมคโคร  แต่รัฐบาลกลับไม่เหลียวแล ซ้ำเหยียบย่ำหาว่าไม่ปรับตัวทั้งที่เป็นมวยคนละรุ่น ฝากความหวังที่ศาลปกครองที่พึ่งสุดท้ายก็ริบหรี่หลายพื้นที่ถูกยกคำร้อง เผยยักษ์ใหญ่ห้างต่างชาติเสียภาษีจิ๊บๆ แถมแจ้งขายสินค้าขาดทุน

นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ ประธานศูนย์ประสานงานผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบการอาชีพอิสระของคนไทย เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ประกอบการค้ารายย่อยอิสระในพื้นที่อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และผู้ประกอบการในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ หารือถึงแผนการเตรียมดำเนินการล่าชื่อกันทั่วประเทศเพื่องดจ่ายภาษีให้รัฐ เพราะเวลานี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการรุกเข้ามาขยายสาขาของห้างโมเดิร์นเทรดจากต่างชาติทั้งเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แมคโคร และคาร์ฟูร์ ว่า เรื่องนี้ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการฯ ก็เคยพูดๆ กัน แต่ครั้งนี้ทางศูนย์ฯ จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะจนตรอกกันแล้วไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

“เมื่อความเดือดร้อนของพวกเขาไม่ได้รับการเหลียวแลแก้ไขจากรัฐบาล  ทำมาหากินไม่ได้ เริ่มไม่มีทางเลือกมากขึ้น ถูกบีบให้จนตรอกก็ต้องทำ ผมอยากเตือนรัฐบาลว่าการละเลยปล่อยให้ห้างต่างชาติเข้ามากอบโกยโดยไม่ดูแลคนไทยด้วยกันเองว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ทำให้ประชาชนเขาเกิดความคับแค้นใจ แถมยังไปว่าเขาไม่ปรับปรุงตัว ร้านค้าขนาดเล็กกับห้างยักษ์ใหญ่มันจะแข่งกันได้อย่างไร” นายทวิสันต์ กล่าว

ประธานศูนย์ประสานงานฯ กล่าวต่อว่า ความคับแค้นใจไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับชาวกำแพงแสน แต่เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ พวกเขาพากันสอนลูกสอนหลานให้ต่อต้านห้างต่างชาติที่เข้ามารุกรานการทำมาหากินเขาถึงถิ่นเกิดซึ่งหมายถึงอนาคตของคนรุ่นหลังที่จะหมดไปด้วย หรือรัฐบาลพอใจที่จะให้เกิดความเดือดร้อนกันทั่วประเทศ

*** ร้านค้าเล็กเจอรีดภาษีโหด

นายสมคิด ภาตินทุ เจ้าของร้านค้าในตลาดตรีสุข ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หนึ่งในแกนนำต้านการขยายสาขาของเทสโก้ โลตัส ในเขตอ.กำแพงแสน กล่าวว่า การรุกคืบเข้ามาของห้างยักษ์ต่างชาติทำให้ประชาชนคนไทยกำลังสูญสิ้นอาชีพ แต่ทำไมร้านค้าขนาดเล็กๆ ของคนไทยทั่วประเทศที่มีส่วนสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอดกลับไม่ได้รับการเหลียวแล พวกเราพ่อค้าแม่ค้าในกำแพงแสนก็คิดกันว่าจะของดเสียภาษีให้รัฐบาลเป็นเวลา 1 ปี  และจะชักชวนให้พื้นที่อื่นๆ ทำตามด้วย เพื่อจะดูว่าในปีหนึ่งๆ ภาษีที่พวกเราเสียให้รัฐเป็นจำนวนเท่าใด

“คุณต้องลองเอาภาษีที่พวกเราจ่ายให้รัฐออกมาดู” นายสมคิดท้าทาย พร้อมระบุว่า ขณะที่ห้างยักษ์ใช้เงื่อนไขทางกฎหมายหักจ่ายภาษีให้กับรัฐ โดยเสียภาษีจากรายได้หลังหักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว แต่บรรดาร้านค้าทั่วไปหรือพ่อค้าแม่ค้าขายปลีกเหล่านี้นอกจากจะคิดภาษีจากรายรับก่อนหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาแล้ว ยังต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีอีกด้วย

“คุณคงเคยได้ยินที่เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรมานั่งนับถ้วยนับชามกันเลยว่ามีรายได้ประมาณไหน และจะต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่” นายสมคิด กล่าวและเห็นว่าบรรดาผู้ค้าปลีกรายย่อยทั่วประเทศน่าจะต้องลองยุติการเสียภาษีในปีหน้าพร้อมๆ กันสัก 1 ปี เพื่อนำตัวเลขมายืนยันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาภาษีที่คืนเข้าสู่รัฐที่มาจากผู้ค้าปลีกมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะบอกกับรัฐบาลได้ว่า เงินจากร้านค้ากลายเป็นงบประมาณของรัฐมากถึงเพียงใด

เขายังเล่าชีวิตของผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กให้ฟังว่า ต้องตื่นขึ้นมาจัดร้านตั้งแต่ตี 4 ทำงานก่อนข้าราชการถึง 4 ชั่วโมง เรื่อยไปจนถึง 1 ทุ่ม ไม่มีพักเที่ยง  เวลาถูกประเมินภาษีคิดอัตราเต็ม 30 วันต่อหนึ่งเดือน ไม่มีวันหยุด ค่าแรงที่ทำงานในการค้าอยู่ที่ 120 บาทต่อวันซึ่งเป็นอัตราที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ตั้งแต่ 20 ปีมาแล้ว ไม่เคยเปลี่ยน ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก รายได้จากการค้าขายก็ลดลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 3 แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเสียภาษี  

ทางด้านนางชัญญา ลิมปธนากุล ผู้ค้าในตลาดตรีสุขอีกรายหนึ่ง กล่าวเสริมว่า แนวทางปฏิบัติของรัฐต่อกลุ่มผู้ค้ารายย่อยกับห้างยักษ์ยังแตกต่างกันลิบลับ เมื่อรายย่อยทำการค้าขาดทุน ไม่อยู่ในเงื่อนไขการเสียภาษีก็มักได้รับคำแนะนำให้เลิกกิจการหรือไม่ก็ไปค้าขายอย่างอื่น แต่ห้างใหญ่ข้ามชาติเหล่านี้ แม้ค้าขายสินค้าขาดทุนแต่เหตุใดถึงยังอยู่ได้ถึงวันนี้

***กังขาขาดทุนแต่ตะลุยขยายสาขา

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ คนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการบริหารหลังได้รับตำแหน่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า งานแรกจะเชิญผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ทั้งรายใหญ่ กลาง และเล็ก ทุกรายมาทำความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรม ที่สำคัญผู้บริหารห้างต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ หลังจากพบว่าแต่ละห้าง แต่ละสาขา ทำธุรกิจขาดทุน ทั้งที่มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น จึงจะขอให้จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ตรงกับความเป็นจริงและนำกฎระเบียบมาใช้อย่างจริงจังมากขึ้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. ปีที่ผ่านมา นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ รักษาการรมช.กระทรวงพาณิชย์ เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เทสโก้ ไม่ให้ความร่วมมือในการชะลอการขยายสาขา และกระทรวงพาณิชย์ จะตรวจสอบความโปร่งใสการบริหารจัดการและทำงบดุลบัญชี เพราะมีข้อกังขาว่ามีผลประกอบการขาดทุน หากเป็นจริงเหตุใดจึงดึงดันขยายสาขาไม่หยุด

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่เคยเปิดเผยการเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และทำงบดุลของห้างต่างชาติแต่อย่างใด

***ยักษ์ใหญ่เสียภาษีจิ๊บๆ

ทางด้าน ว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โฆษกกรรมาธิการการพาณิชย์ ได้ยกตัวอย่างงบการเงินของห้างต่างชาติชั้นนำแห่งหนึ่งว่า ในปี 2546 แจ้งรายได้จากการขาย 64,695 ล้านบาท ยอดค่าใช้จ่าย (ต้นทุนขาย, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ค่าสิทธิจ่าย) รวม 65,405 ล้านบาท ขาดทุน 710 ล้านบาท แต่บริษัทดังกล่าว มีรายได้อื่นๆ 2,692 ล้านบาท ทำให้มีกำไรขั้นต้น 1,982 ล้านบาท และบวกดอกเบี้ยรับ 247 ล้านบาท รวม 2,229 ล้านบาทแต่มียอดเสียภาษีเงินได้ เพียง 126 ล้านบาท เท่านั้น

ส่วนงบการเงิน ปี 2547 แจ้งยอดรายได้จากการขาย 72,736 ล้านบาท ยอดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวม 73,966 ล้านบาท ขาดทุนมากถึง 1,230 ล้านบาท แต่มีรายได้อื่นๆ 3,378 ล้านบาท ทำให้มีกำไรขั้นต้น 2,148 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยรับ 387 ล้านบาท รวม 2,535 ล้านบาท มียอดเสียภาษีเงินได้ เท่ากับ 807 ล้านบาท

เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ของปี 2546 และ 2547 จำนวน 2,229 ล้านบาท และ 2,535 ล้านบาท ตามลำดับ มีจำนวนเงินห่างกันเพียง 306 ล้านบาท แต่เสียภาษีเงินได้ต่างกันมากถึง 681 ล้านบาท

อนึ่ง เว็บไซต์ของเทสโก้ โลตัส ระบุว่า ปี 2548 บริษัทได้จ่ายภาษีให้รัฐ รวม 1,194 ล้านบาท ทั้งยังมีภาษีที่เทสโก้ เก็บแทนภาครัฐ มีมูลค่ารวม 5,012 ล้านบาท

นอกจากนั้น นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือห้างเทสโก้ โลตัส ยังเปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (5 ต.ค.) ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯมีการจ่ายภาษีในส่วนกลาง ซึ่งในปีก่อน (2549) บริษัทจ่ายค่าภาษีไปกว่า 6,700 ล้านบาท แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดแต่อย่างใด
   
ในการแถลงข่าวดังกล่าว นายดามพ์ ยังขู่ฟ้องร้องผู้ที่ออกมาให้ข่าวที่ทำให้เทสโก้ เสียหายอีกด้วย

*** ร้านค้าย่อย-ตลาดสดร่วมล้านรายรอเจ๊ง

   
ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและบริษัทเอซี นีลเส็น จำกัด ระบุว่า ภาพรวมการค้าปลีกค้าส่งของไทย ปี 2550 ว่า มีมูลค่าทางธุรกิจ 1.4 ล้านล้านบาท (ปี 2548) คิดเป็น 18% ของจีดีพี โดยมีจำนวนร้านค้าปลีกรายย่อย 680,000 ร้าน จำนวนตลาดสด 125,000 ตลาด

หากคิดคำนวณตัวเลขการเสียภาษีของร้านผู้ประกอบการรายย่อยและตลาดสดข้างต้นในแต่ละปีทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม คาดว่าเป็นตัวเลขหลายหมื่นล้านบาท และมีผู้เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ มีความมั่นคงจำนวนหลายล้านชีวิต

ขณะที่จำนวนห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ 300 ตร.ม.ขึ้นไป มีจำนวน 350 สาขา และมีร้านสะดวกซื้อทั้งที่อยู่ในปั๊มและนอกปั๊ม 6,500 ร้าน แต่ห้างค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อประมาณ 7,000 แห่งนี้ กลับครองส่วนแบ่งตลาดในปี 2549 จำนวน 34.2% หรือ 4.8 แสนล้านบาท

ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้า ศูนย์วิจัยพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์ และศูนย์วิจัยพฤติกรรมบริโภค คณะบริหาธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ประเมินว่า โมเดิร์นเทรดเหล่านี้ จะครองสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 80% เมื่อวัดจากพฤติกรรมของผู้ซื้อในปัจจุบัน

อนึ่ง ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในหลายวาระหลายโอกาสว่า ได้ทุ่มทุนปีละประมาณ 5,000 - 7,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อขยายสาขาให้ได้ตามเป้าหมาย ส่งผลให้เทสโก้ สามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 39% ขณะที่ บิ๊กซี มีส่วนแบ่งตลาด 25% และ แมคโคร 24% ตามลำดับ
     
การเร่งขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากปี 2544 ของบรรดาโมเดิร์นเทรด ประกอบด้วย เทสโก้โลตัส, เทสโก้ - เอ็กเพรส, บิ๊กซี, แมคโคร, คาร์ฟูร์, เซเว่น อีเลฟเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท, วัตสัน และอื่นๆ รวมกันมีจำนวนสาขา 1,821 สาขา ได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,712 สาขาในปี 2548 และในปี 2550 ขยายตัวเป็น 5,720 สาขา กล่าวได้ว่าเพียง 2 ปีนับจากปี 2548 ถึงปี 2550 มีการเพิ่มสาขามากถึง 2,008 สาขา หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 54%
       
*** กำแพงแสนหวังพึ่งศาลปกครอง

นายสมคิด ภาตินทุ หนึ่งในแกนนำชาวตลาดตรีสุข ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ย้อนความให้ฟังถึง จุดเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวว่า ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.กำแพงแสน รู้เรื่องมาว่าห้างเทสโก้กำลังจะมาลงที่กำแพงแสน แต่ข้อเท็จจริง คือ ทางเทสโก้ทำหนังสือขออนุญาตสร้างอาคารกับทาง อบต.ทุ่งกระพังโหมและได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2550 ก่อนหน้าที่จะมีประกาศกรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งหมายความว่าเทสโก้ได้ขออนุญาตก่อนที่จะมีเงื่อนไขบังคับให้ห้างขนาดเกิน 1 พันตารางเมตรเช่นนี้จะต้องก่อสร้างต้องห่างจากเขตเทศบาลไป 15 กิโลเมตร ตามประกาศ

เขาบอกว่า เริ่มแรก พ่อค้าแม่ค้าในตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบกับผู้ค้ารายย่อยอย่างแน่นอน เริ่มแรก จึงทำหนังสือเรียกร้องไปยังหน่วยงานต่างๆ  รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เคยมีการเชิญตัวแทนไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่ศาลากลางแต่ก็ไม่มีผลอะไร แม้ว่าในระยะหลังจะมีรองผู้ว่าฯ ลงมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ

แต่เขาพบว่า ข้าราชการทุกระดับนับตั้งแต่ผู้ว่าราชการยันผู้ใหญ่บ้านบอกว่าต่อเรื่องนี้พวกเขาไม่มีอำนาจในการดูแล ได้แต่ให้คำแนะนำว่าควรจะทำกันอย่างไร ผู้ว่าราชการเองก็เป็นฝ่ายที่แนะนำกับชาวบ้านว่าให้ฟ้องกับศาลปกครองดู ระหว่างนี้นี่เองที่ทางเครือข่ายค้านห้างยักษ์จากกำแพงแสนได้ผนึกกำลังร่วมกับสมาพันธ์คนไทยต้านค้าปลีกต่างชาติเคลื่อนไหว

“ตอนนั้นเราคิดกันว่าหากเดินขบวนไร้ผล เราจะลองใช้ช่องทางของศาลปกครองดู” นายสมคิดกล่าว

กลุ่มคัดค้านเทสโก้จากกำแพงแสน ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่หวังพึ่งอำนาจศาลปกครองเพื่อให้มีคำสั่งชี้ว่าการที่องค์กรบริหารส่วนตำบลทุ่งกระพังโหมออกใบอนุญาตให้กับเทสโก้เพื่อก่อสร้างห้างดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พวกเขายื่นฟ้องในวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้อง ในขณะที่ก่อนหน้านี้ ศาลได้ยกฟ้องคำร้องที่ขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินและขอความคุ้มครองชั่วคราวโดยระงับการก่อสร้างไว้ ด้วยเห็นว่าผู้ร้องไม่สามารถพิสูจน์ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างห้างดังกล่าว

ตามโครงการที่วางไว้ เทสโก้โลตัสที่กำแพงแสนจะเป็นสาขาขนาดไฮเปอร์มาเก็ตแห่งที่  4 ของ จ.นครปฐม เนื้อที่ 7,452 ตารางเมตร ในเขตพื้นที่ของ อบต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน ชิดรอยเขตติดต่อกับเทศบาลตำบลกำแพงแสน โดยกว้านซื้อที่ดินด้วยราคาที่สูงกว่าราคากลาง 3 เท่า แม้ว่าจะเป็นที่ดินตาบอดก็ตาม ทั้งโครงการวางเงินงบประมาณก่อสร้างประมาณ 40 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ต่างนำเรื่องขึ้นฟ้องศาลปกครอง แต่ถูกยกคำร้อง ทั้งที่ จ.ชัยภูมิ, อ.เมือง และอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี, อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา, จ.ระนอง โดยศาลชี้ว่าผู้ฟ้องไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ขณะนี้มีเพียงกรณี อ.เชียงคำ จ.พะเยา ที่ศาลปกครองประทับรับฟ้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น