ตั้งฮั่วเส็ง ลั่นกลองรบเต็มสูบ ลั่นปีหน้า ทุ่มงบประมาณ ขยายสาขา มินิซูปเปอร์มาร์เก็ต “เก็ตอิท” 3 สาขา ยกเครื่องตั้งฮั่วเส็งมินิมาร์ทสู่เก็ตอิททั้งหมดอีก 5 สาขา พร้อมเพิ่มอาหารสดฉีกหนีคอนวีเนียนสโตร์คู่แข่ง เปิด 2 แนวทางทั้งผูกพันธมิตรกับปั๊มซัสโก้หรือไปกับค่ายอื่น ด้านห้างสรรพสินค้ามีแผนปรับโซนพื้นที่ใหม่ จับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น คาดรายได้ปีนี้ 2,300 ล้านบาท
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะเพิ่มสาขาของมินิซูเปอร์มาร์เก็ต "GET IT (เก็ท อิท)" อีกอย่างน้อย 3 สาขา ภายใต้งบประมาณที่จัดเตรียมไว้ 10 ล้านบาท โดยแต่ละสาขาจะมีพื้นที่เฉลี่ย 250- 300 ตารางเมตร พร้อมกับการเพิ่มสินค้าในแผนกของอาหารสดอีก 30% เพื่อเจาะเข้ากลุ่มแม่บ้านยุคใหม่ที่พักอาศัยตามชุมชน หรือตามบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับสาขาของบริษัทฯ
ทั้งนี้การเปิดมินิซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว จะใช้กลยุทธ์สองแนวทางทั้งการจับมือเป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ ซึ่งได้เริ่มเปิดสาขาแรกไปแล้วที่ปั๊มซัสโก้ถนนราชพฤกษ์ และอีกแนวทางหนึ่งคือ อาจเป็นพันธมิตรกับรายอื่นก็ได้แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
นอกจากการขยายสาขาใหม่ของ"GET IT (เก็ท อิท)"แล้ว บริษัทฯยังมีแผนที่จะยกเครื่อง มินิมาร์ท จากปัจจุบันใช้ชื่อว่า "ตั้งฮั่วเส็งมินิมาร์ท" ให้เป็นเก็ทอิท (GET IT) ที่มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรแต่ละแห่ง ทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลศิริราช, ถนนเทพารักษ์, ปั๊มน้ำมันซัสโก้ปิ่นเกล้า, เซ็นเตอร์วัน, โรงพยาบาลเด็ก ซึ่งคาดว่ากลางปีหน้าจะปรับเปลี่ยนใหม่หมดแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้
ขณะที่ในส่วนของห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรีเอง บริษัทฯจะมีการรีโนเวตด้วยเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นจะปรับสินค้า แผนกเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องเขียน เครื่องสำอาง เพื่อให้เป็นไปตามกระแสในปัจจุบัน กล่าวคือ ปรับให้ดูทันสมัยตามกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ในปัจจุบันที่มีการศึกษามากขึ้นและกลุ่มอายุลูกค้าในห้างจะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยจะสังเกตุได้จากการขยายตัวของสถาบันการศึกษารวมทั้งอพาร์ตเม้นต์ หรือ คอนโดที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งการปรับเปลี่ยนแผนกรับกับกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มอายุที่เด็กลง ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากที่สุด เชื่อว่าจะเป็นส่วน หนึ่งที่จะเป็นแรงผลักดันให้ยอดขายมีเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันห้างตั้งฮั่วเส็งในวันธรรมดามีปริมาณใบเสร็จประมาณ 7 พันใบเสร็จต่อวัน และหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ 12,000 พันใบเสร็จต่อวัน นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการปรับกลยุทธ์พร้อมปรับโซนขายเพิ่มแผนก และการขยายมินิซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่เชื่อว่ารายได้ของบริษัทฯจะต้องเพิ่มมากขึ้นได้อีก 10% หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 2,200 –2,300 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้ที่มากจากห้างสรรพสินค้า 70% และจากซูเปอร์มาร์เก็ต 30%
นายวิโรจน์กล่าวต่อถึงสภาพตลาดค้าปลีกในขณะนี้ด้วยว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก ปัญหาหนักที่เกิดขึ้นเป็นผลพวงมาจากการปรับตัวของน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนหันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น การที่บริษัทฯได้ขยายสาขาของมินิซูเปอร์พร้อมกับปรับมินิมาร์ทใหม่ทั้งหมด ผสมผสานกับการเพิ่มสัดส่วนของสินค้าอาหารสดเข้ามาเสริมตลาดเพิ่มขึ้นถึง 30% จะเป็นจุดที่แตกต่างกับคู่แข่ง อย่างเซเว่น ฯหรือ แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันจะมีสินค้าอุปโภคและบริโภคเท่านั้นไม่มีอาหารสด จุดนี้จะทำให้เราได้เปรียบและสามารถสอดแทรกตลาดได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญและท้าทาย
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะเพิ่มสาขาของมินิซูเปอร์มาร์เก็ต "GET IT (เก็ท อิท)" อีกอย่างน้อย 3 สาขา ภายใต้งบประมาณที่จัดเตรียมไว้ 10 ล้านบาท โดยแต่ละสาขาจะมีพื้นที่เฉลี่ย 250- 300 ตารางเมตร พร้อมกับการเพิ่มสินค้าในแผนกของอาหารสดอีก 30% เพื่อเจาะเข้ากลุ่มแม่บ้านยุคใหม่ที่พักอาศัยตามชุมชน หรือตามบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับสาขาของบริษัทฯ
ทั้งนี้การเปิดมินิซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว จะใช้กลยุทธ์สองแนวทางทั้งการจับมือเป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ ซึ่งได้เริ่มเปิดสาขาแรกไปแล้วที่ปั๊มซัสโก้ถนนราชพฤกษ์ และอีกแนวทางหนึ่งคือ อาจเป็นพันธมิตรกับรายอื่นก็ได้แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
นอกจากการขยายสาขาใหม่ของ"GET IT (เก็ท อิท)"แล้ว บริษัทฯยังมีแผนที่จะยกเครื่อง มินิมาร์ท จากปัจจุบันใช้ชื่อว่า "ตั้งฮั่วเส็งมินิมาร์ท" ให้เป็นเก็ทอิท (GET IT) ที่มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรแต่ละแห่ง ทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลศิริราช, ถนนเทพารักษ์, ปั๊มน้ำมันซัสโก้ปิ่นเกล้า, เซ็นเตอร์วัน, โรงพยาบาลเด็ก ซึ่งคาดว่ากลางปีหน้าจะปรับเปลี่ยนใหม่หมดแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้
ขณะที่ในส่วนของห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรีเอง บริษัทฯจะมีการรีโนเวตด้วยเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นจะปรับสินค้า แผนกเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องเขียน เครื่องสำอาง เพื่อให้เป็นไปตามกระแสในปัจจุบัน กล่าวคือ ปรับให้ดูทันสมัยตามกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ในปัจจุบันที่มีการศึกษามากขึ้นและกลุ่มอายุลูกค้าในห้างจะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยจะสังเกตุได้จากการขยายตัวของสถาบันการศึกษารวมทั้งอพาร์ตเม้นต์ หรือ คอนโดที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งการปรับเปลี่ยนแผนกรับกับกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มอายุที่เด็กลง ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากที่สุด เชื่อว่าจะเป็นส่วน หนึ่งที่จะเป็นแรงผลักดันให้ยอดขายมีเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันห้างตั้งฮั่วเส็งในวันธรรมดามีปริมาณใบเสร็จประมาณ 7 พันใบเสร็จต่อวัน และหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ 12,000 พันใบเสร็จต่อวัน นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการปรับกลยุทธ์พร้อมปรับโซนขายเพิ่มแผนก และการขยายมินิซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่เชื่อว่ารายได้ของบริษัทฯจะต้องเพิ่มมากขึ้นได้อีก 10% หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 2,200 –2,300 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้ที่มากจากห้างสรรพสินค้า 70% และจากซูเปอร์มาร์เก็ต 30%
นายวิโรจน์กล่าวต่อถึงสภาพตลาดค้าปลีกในขณะนี้ด้วยว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก ปัญหาหนักที่เกิดขึ้นเป็นผลพวงมาจากการปรับตัวของน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนหันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น การที่บริษัทฯได้ขยายสาขาของมินิซูเปอร์พร้อมกับปรับมินิมาร์ทใหม่ทั้งหมด ผสมผสานกับการเพิ่มสัดส่วนของสินค้าอาหารสดเข้ามาเสริมตลาดเพิ่มขึ้นถึง 30% จะเป็นจุดที่แตกต่างกับคู่แข่ง อย่างเซเว่น ฯหรือ แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันจะมีสินค้าอุปโภคและบริโภคเท่านั้นไม่มีอาหารสด จุดนี้จะทำให้เราได้เปรียบและสามารถสอดแทรกตลาดได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญและท้าทาย