จับตาไตรมาส 4 ตลาดรีเทลสู้ศึกเดือด สยามพารากอน เตรียมไว้หลายงาน เชื่อกำลังซื้อคนไทยยังมี แค่ไม่มีอารมณ์ใช้จ่าย เหตุการเมืองและเศรษฐกิจไม่นิ่ง ล่าสุดจับมือ ยูเรเซีย ผุดงานแสดงสินค้าสไตล์มิลเลี่ยนแนร์ จับกลุ่มระดับลูกค้าลักซ์ชัวรี่ ทั้งไทยและเทศ เชื่อเป็นอีก 1 งาน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับประเทศได้
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผุ้บริหารอาวุดส สายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของตลาดรีเทลในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่าจะรุนแรง เพราะทุกคนต่างต้องการที่จะดึงเม็ดเงินให้ได้มากที่สุด โดยในไตรมาส 4 นี้ มองว่าทุกคนเริ่มมีความหวัง และความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ดูจากสัญญาณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงโครงการใหญ่ๆเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเงินสะพัดมากขึ้น ทั้งนี้ยังเชื่อว่านอกจากการแข่งขันของตลาดรีเทลจะรุนแรงแล้ว สินค้าหรือธุรกิจอื่นๆก็จะมีการแข่ง ขันที่รุนแรงเช่นเดียวกัน และน่าจะมีการทำตลาดในรูปแบบใหม่ๆที่น่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ทาง สยามพารากอน ได้เตรียมแคมเปญและกิจกรรมพิเศษหลายรายการที่จะจัดขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ โดยกิจกรรมต่างๆที่จะจัดขึ้น มาจากหลายสาเหตุ ว่าจะเป็น การที่ปีนี้เป็นปีที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา อีกทั้งสิ้นปีนี้ทางสยามพารากอนจะครบ 2 ปีที่เปิดให้บริการ รวมถึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นขาขึ้นของตลาดอีกครั้ง เพราะเชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ เพียงแค่ไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายเท่านั้น
“ช่วงไตรมาส 4 นี้ ตลาดรวมรีเทลน่าจะโตขึ้นอีกประมาณ 10-20% เทียบกับช่วงเวลาปกติ ขณะที่ปีหน้าทั้งปีคาดว่าโดยเฉลี่ยตลาดจะโตประมาณ 10-15% ซึ่งมองว่าน่าจะมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากความมั่นใจที่ประเทศไทยมีรัฐบาลแน่ชัด”
**ผุดงานมิลเลี่ยนแนร์ ล่อใจกลุ่มลักซ์ชัวรี่**
ล่าสุดทางสยามพารากอน ได้ร่วมกับทางบริษัท ยูเรเซีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอนด์ อีเวนท์ จำกัด จัดงาน “ไทยแลนด์ มิลเลี่ยนแนร์ เอ็กซ์โป 07”ขึ้น ระหว่างวันที่1-4 พ.ย. 2550 โดยรูปแบบการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการนำสินค้าหลากหลายรูปแบบในระดับ “Millionaire” สำหรับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสินค้าหรูหราพรีเมี่ยม ทั้งที่เป็นของหายาก หรือผลงานศิปชั้นสูง
“สินค้าในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ ถือเป็นกลุ่มตลาดที่สำคัญ และควรมีในประเทศไทย เพราะช่วยในเรื่องการท่องเที่ยวในการดึงนักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยมเข้ามา รวมถึงเป็นสินค้าที่ทำให้มีเงินสะพัดเกิดขึ้นในประเทศไทย และยังช่วยให้คนไทยไม่ต้องนำเงินตราออกนอกประเทศ”นายเกรียงศักดิ์
ด้านนายวิม ไรจ์เนน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรเซีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอนด์ อีเวนท์ จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมมาเที่ยว และพักผ่อนหลากหลายรูปแบบ จึงได้ตัดสินใจจัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นประตูตลาดสินค้ากลุ่มมินเลี่ยนแนร์สู่เซาส์อีสเอเชีย และต้องการที่จะขึ้นทุกๆปี ถึงแม้จะมีความเสี่ยงในการจัดงานอยู่บ้าง แต่เนื่องตลาดสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯมีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นมั่นในการจัดงานครั้งนี้ขึ้น
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผุ้บริหารอาวุดส สายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของตลาดรีเทลในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่าจะรุนแรง เพราะทุกคนต่างต้องการที่จะดึงเม็ดเงินให้ได้มากที่สุด โดยในไตรมาส 4 นี้ มองว่าทุกคนเริ่มมีความหวัง และความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ดูจากสัญญาณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงโครงการใหญ่ๆเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเงินสะพัดมากขึ้น ทั้งนี้ยังเชื่อว่านอกจากการแข่งขันของตลาดรีเทลจะรุนแรงแล้ว สินค้าหรือธุรกิจอื่นๆก็จะมีการแข่ง ขันที่รุนแรงเช่นเดียวกัน และน่าจะมีการทำตลาดในรูปแบบใหม่ๆที่น่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ทาง สยามพารากอน ได้เตรียมแคมเปญและกิจกรรมพิเศษหลายรายการที่จะจัดขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ โดยกิจกรรมต่างๆที่จะจัดขึ้น มาจากหลายสาเหตุ ว่าจะเป็น การที่ปีนี้เป็นปีที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา อีกทั้งสิ้นปีนี้ทางสยามพารากอนจะครบ 2 ปีที่เปิดให้บริการ รวมถึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นขาขึ้นของตลาดอีกครั้ง เพราะเชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ เพียงแค่ไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายเท่านั้น
“ช่วงไตรมาส 4 นี้ ตลาดรวมรีเทลน่าจะโตขึ้นอีกประมาณ 10-20% เทียบกับช่วงเวลาปกติ ขณะที่ปีหน้าทั้งปีคาดว่าโดยเฉลี่ยตลาดจะโตประมาณ 10-15% ซึ่งมองว่าน่าจะมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากความมั่นใจที่ประเทศไทยมีรัฐบาลแน่ชัด”
**ผุดงานมิลเลี่ยนแนร์ ล่อใจกลุ่มลักซ์ชัวรี่**
ล่าสุดทางสยามพารากอน ได้ร่วมกับทางบริษัท ยูเรเซีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอนด์ อีเวนท์ จำกัด จัดงาน “ไทยแลนด์ มิลเลี่ยนแนร์ เอ็กซ์โป 07”ขึ้น ระหว่างวันที่1-4 พ.ย. 2550 โดยรูปแบบการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการนำสินค้าหลากหลายรูปแบบในระดับ “Millionaire” สำหรับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสินค้าหรูหราพรีเมี่ยม ทั้งที่เป็นของหายาก หรือผลงานศิปชั้นสูง
“สินค้าในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ ถือเป็นกลุ่มตลาดที่สำคัญ และควรมีในประเทศไทย เพราะช่วยในเรื่องการท่องเที่ยวในการดึงนักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยมเข้ามา รวมถึงเป็นสินค้าที่ทำให้มีเงินสะพัดเกิดขึ้นในประเทศไทย และยังช่วยให้คนไทยไม่ต้องนำเงินตราออกนอกประเทศ”นายเกรียงศักดิ์
ด้านนายวิม ไรจ์เนน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรเซีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอนด์ อีเวนท์ จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมมาเที่ยว และพักผ่อนหลากหลายรูปแบบ จึงได้ตัดสินใจจัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นประตูตลาดสินค้ากลุ่มมินเลี่ยนแนร์สู่เซาส์อีสเอเชีย และต้องการที่จะขึ้นทุกๆปี ถึงแม้จะมีความเสี่ยงในการจัดงานอยู่บ้าง แต่เนื่องตลาดสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯมีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นมั่นในการจัดงานครั้งนี้ขึ้น