xs
xsm
sm
md
lg

อคส.รื้อสัญญาข้าว เช็กบิลเพรซิเดนท์ คาดเจอปรับ3พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมงานด้านกฎหมายขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กำลังศึกษารายละเอียดของสัญญาที่อคส.ได้ทำกับบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด หลังจากที่มีความชัดเจนแล้วว่าเพรซิเดนท์ทำผิดสัญญา เพราะไม่มารับมอบข้าวกว่า 1.2 ล้านตัน ซึ่งอคส.จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายกับเพรซิเดนท์ในข้อหาผิดสัญญา และจะต้องเป็นตัวแทนของรัฐในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับเพรซิเดนท์
ทั้งนี้ สัญญาที่อคส.ทำไว้กับเพรซิเดนท์ทั้งหมดมีประมาณ 20 สัญญา แยกเป็นสัญญาเฉพาะข้าวล๊อตใหญ่ 1.7 ล้านตัน 11 สัญญา ที่เหลือเป็นสัญญาข้าวล๊อตหลังที่ประมูลได้เพิ่มเติมอีก 9 แสนตัน
“ต้องมีทีมงานด้านกฎหมายดูแลเป็นรายสัญญา เพราะบางสัญญา ได้มีการรับมอบข้าว มีการจ่ายเงินครบแล้ว แต่บางสัญญา มีปัญหา ไม่มารับมอบข้าว จนเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งต้องไปดูว่า ในแต่ละสัญญาจะดำเนินการเอาผิดได้อย่างไร”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับขอบเขตที่ทีมงานด้านกฎหมายของอคส. จะดำเนินการ ก็คือ จะพิจารณาดูว่าในสัญญาทั้งหมดนั้น มีสัญญาใดที่เสร็จสิ้นแล้ว และสัญญาใดที่เป็นปัญหา โดยสัญญาที่มีปัญหาเริ่มมีปัญหาเมื่อใด ปัญหาอะไร จะต้องทำรายละเอียดไว้ให้ชัดเจน เพราะในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จะต้องมีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน
โดยค่าเสียหายที่อคส.จะเรียกร้องจากเพรซิเดนท์ได้นั้น แยกเป็นค่าปรับจากการผิดสัญญารับมอบข้าวจำนวน 0.2% ของมูลค่าข้าว ซึ่งขณะนี้ประเมินว่าข้าวจำนวน 1.2 ล้านตัน มีมูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือเพรซิเดนท์จะต้องเสียค่าปรับประมาณ 24 ล้านบาทต่อวัน แต่เมื่อมีหลายสัญญา ก็ต้องไปดูว่าเริ่มผิดสัญญาตั้งแต่เมื่อใด และคิดค่าปรับตั้งแต่วันที่ผิดสัญญา
ทั้งนี้ เพรซิเดนท์ได้วางเงินค้ำประกันสัญญาต่างๆ ไว้กับอคส.ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้อคส.สามารถยึดเป็นเงินค่าปรับกรณีผิดสัญญาได้เลย แต่หากไม่เพียงพอ ก็ต้องฟ้องร้องให้เพรซิเดนท์จ่ายเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน อคส.ยังสามารถเรียกเก็บค่าเช่าโกดัง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว และค่าตรวจสอบคุณภาพข้าว จากเพรซิเดนท์ ซึ่งตกเดือนละ 25 ล้านบาท หรือ 300 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งคิดค่าส่วนต่าง กรณีที่ขายข้าวให้กับรายอื่นได้ราคาต่ำกว่าที่ขายให้กับเพรซิเดนท์ ซึ่งข้าวราคาตลาดขณะนี้ หักค่าเสื่อมสภาพจะตกอยู่ตันละประมาณ 8,700-8,900 บาท เท่ากับว่าเพรซิเดนท์ต้องจ่ายส่วนต่างถึงตันละ 2,000-2,200 บาท โดยหากคิดจากจำนวนข้าว 1.2 ล้านตัน เพรซิเดนท์ต้องจ่ายค่าส่วนต่างประมาณ 2,400-2,640 ล้านบาท
นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่มีความกังวลว่าเพรซิเดนท์จะฟ้องกลับ ไม่ว่าจะเป็นกรณีระบุว่ากรมการค้าต่างประเทศส่งมอบข้าวให้แปรสภาพเพื่อส่งมอบรัฐบาลอิหร่านและอินโดนีเซียไม่ครบตามจำนวน เพราะในการส่งมอบข้าว ได้มีเอกสารหลักฐานการส่งมอบรับมอบชัดเจน หรือกรณีที่ระบุว่าไม่รับมอบข้าว เพราะข้าวเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากในการประมูลก็กำหนดเงื่อนไขไว้ขัดเจนแล้วว่าผู้ประมูลจะต้องรับสภาพของข้าวตามที่ประมูลได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมสรุปผลการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่อนุมัติจำหน่ายให้กับผู้ส่งออก 6-7 ราย ปริมาณรวม 3 แสนกว่าตัน จากการเปิดระบายทั้งหมด 5.58 แสนตัน เสนอให้นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้เรียกผู้ส่งออกแต่ละรายมาต่อรองราคา ซึ่งสามารถต่อรองราคาได้เพิ่มขึ้นตันละ 50 บาท
ข้าวที่อนุมัติขายให้ผู้ส่งออก แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ข้าวที่เปิดประมูลสำหรับส่งออกต่างประเทศ อนุมัติขายไปในราคา 8,900 บาท/ตัน และข้าวที่เปิดประมูลสำหรับขายในประเทศ อนุมัติขายไปราคา 8,700 บาท/ตัน
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสาร เตรียมเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลอีกรอบในปลายสัปดาห์หน้า โดยจะนำข้าวที่เพรซิเดนท์ ไม่มารับมอบนำมาเปิดประมูลอีก 5.5 แสนตัน สำหรับเพื่อการส่งออก
สำหรับข้าวที่เคาะขายไปจำนวนกว่า 3 แสนตันนี้ เป็นข้าวของรัฐที่เพรซิเดนท์ไม่มารับมอบ ซึ่งหากรวมกับข้าวที่เพรซิเดนท์ไม่มารับมอบอีก 5.5 แสนตันที่จะประมูลในสัปดาห์หน้า เท่ากับว่ารัฐสามารถเคลียร์ปัญหาข้าวที่เพรซิเดนท์ไม่มารับมอบได้แล้วเกือบ 9 แสนตัน ทำให้เหลือข้าวที่ยังเป็นปัญหาอีก 3 แสนกว่าตันเท่านั้น ซึ่งเมื่อเคลียร์ข้าวได้หมด ก็จะเป็นขั้นตอนของการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ค่าผิดสัญญา และค่าปรับต่างๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น