ผู้จัดการรายวัน –ผู้บริหารเทสโก้ โลตัสออกโรงยันไม่ได้เลี่ยงพรบ.ค้าปลีกฯด้วยการเร่งเปิดสาขาใหม่เพิ่มมากชี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เผยธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่สร้างประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจแถมมีการจ้างงานกว่า 30,000 คนและมีผู้เกี่ยวข้องในแรงงานที่เกี่ยวข้องกว่า 500,000 คน วอนรัฐควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบอย่างอิงกระแสการกดดัน
ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอกชัยดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่าบริษัทได้วางแผนการเปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่อีกประมาณ 10 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีกประมาณ 30-40 สาขา สาขาขนาดเล็ก หรือโลตัส เอ็กซ์เพรสนั้น ส่วนใหญ่จะยังเป็นเขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว ซึ่งหลายคนมองว่าเทสโก้ โลตัสกำลังเร่งเปิดสาขาใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อเลี่ยงการที่จะมี พรบ.ค้าปลีกฯนั้นว่าไม่เป็นความจริง
" เราเดินตามแผนปกติของเรา เนื่องจากแผนการทางธุรกิจของเราในแต่ละปีไม่แตกต่างกันมากนัก นอกจากนี้ แม้ในปัจจุบัน กว่าเราจะเปิดสาขาใหม่ได้แต่ละสาขานั้น จะต้องผ่านขั้นตอนในการขออนุญาตมากมาย ใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ไม่ใช่ว่าคิดจะเปิดก็เปิดได้เลย "
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานเกือบ 30,000 คน ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่นั้น สร้างประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงคือผู้บริโภค และบริษัทคู่ค้าของบริษัทฯ สำหรับผู้บริโภคนั้น เทสโก้ โลตัสมีลูกค้ากว่า 20 ล้านคนต่อเดือนที่ใช้บริการของเรา รวมทั้งลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรายย่อย ซึ่งสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรมได้จากเรา นอกจากนี้ การที่เราและบริษัทคู่แข่ง มีการแข่งขันกันในด้านราคานั้น ทำให้ค่าครองชีพ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับต่ำ สวนกระแสกับสภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัทคู่ค้าของเทสโก้ โลตัสกว่า 7,300 บริษัทนั้น ส่วนใหญ่เติบโตมาพร้อม ๆ กับเทสโก้ โลตัส มีการผลิต และขายสินค้าที่แน่นอน มีรายได้ที่แน่นอน มีการสร้างงานเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบ และลูกจ้างของผู้ผลิตวัตถุดิบเหล่านั้น ทั้งนี้ เป็นที่ประมาณการว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในแรงงานของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีมากกว่า 500,000 คน
ดร.ดามพ์ กล่าวต่อไปว่า ในแต่ละปีบริษัทฯ ทำประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสียภาษีประเภทต่าง ๆ ให้กับส่วนกลางและท้องถิ่น การรับซื้อสินค้าและช่วยพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทคู่ค้า ตลอดจนการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ในราคาที่ยุติธรรมให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้ ในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทฯ รับซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทคู่ค้าจำนวนกว่า 7,300 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SME เป็นมูลค่ากว่า 98,000 ล้านบาท ได้เสียภาษีให้รัฐบาล และท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นจำนวนเงินกว่า 6 พันล้านบาท และให้บริการกับลูกค้ากว่า 20 ล้านคนในแต่ละเดือน ซึ่งการมุ่งให้บริการที่ดีกับลูกค้านั้น เป็นสิ่งที่เราพยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ลูกค้าของเราสามารถรู้สึกและสัมผัสได้
"เราอยากจะให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจว่า อะไรคือปัญหาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และควรจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร ผลประโยชน์ของร้านค้าปลีกรายย่อย และผู้บริโภคอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ตัดสินใจตามกระแสการกดดันรัฐบาล เช่นในปัจจุบัน"
ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอกชัยดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่าบริษัทได้วางแผนการเปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่อีกประมาณ 10 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีกประมาณ 30-40 สาขา สาขาขนาดเล็ก หรือโลตัส เอ็กซ์เพรสนั้น ส่วนใหญ่จะยังเป็นเขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว ซึ่งหลายคนมองว่าเทสโก้ โลตัสกำลังเร่งเปิดสาขาใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อเลี่ยงการที่จะมี พรบ.ค้าปลีกฯนั้นว่าไม่เป็นความจริง
" เราเดินตามแผนปกติของเรา เนื่องจากแผนการทางธุรกิจของเราในแต่ละปีไม่แตกต่างกันมากนัก นอกจากนี้ แม้ในปัจจุบัน กว่าเราจะเปิดสาขาใหม่ได้แต่ละสาขานั้น จะต้องผ่านขั้นตอนในการขออนุญาตมากมาย ใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ไม่ใช่ว่าคิดจะเปิดก็เปิดได้เลย "
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานเกือบ 30,000 คน ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่นั้น สร้างประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงคือผู้บริโภค และบริษัทคู่ค้าของบริษัทฯ สำหรับผู้บริโภคนั้น เทสโก้ โลตัสมีลูกค้ากว่า 20 ล้านคนต่อเดือนที่ใช้บริการของเรา รวมทั้งลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรายย่อย ซึ่งสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรมได้จากเรา นอกจากนี้ การที่เราและบริษัทคู่แข่ง มีการแข่งขันกันในด้านราคานั้น ทำให้ค่าครองชีพ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับต่ำ สวนกระแสกับสภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัทคู่ค้าของเทสโก้ โลตัสกว่า 7,300 บริษัทนั้น ส่วนใหญ่เติบโตมาพร้อม ๆ กับเทสโก้ โลตัส มีการผลิต และขายสินค้าที่แน่นอน มีรายได้ที่แน่นอน มีการสร้างงานเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบ และลูกจ้างของผู้ผลิตวัตถุดิบเหล่านั้น ทั้งนี้ เป็นที่ประมาณการว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในแรงงานของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีมากกว่า 500,000 คน
ดร.ดามพ์ กล่าวต่อไปว่า ในแต่ละปีบริษัทฯ ทำประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และท้องถิ่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสียภาษีประเภทต่าง ๆ ให้กับส่วนกลางและท้องถิ่น การรับซื้อสินค้าและช่วยพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทคู่ค้า ตลอดจนการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ในราคาที่ยุติธรรมให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้ ในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทฯ รับซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทคู่ค้าจำนวนกว่า 7,300 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SME เป็นมูลค่ากว่า 98,000 ล้านบาท ได้เสียภาษีให้รัฐบาล และท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นจำนวนเงินกว่า 6 พันล้านบาท และให้บริการกับลูกค้ากว่า 20 ล้านคนในแต่ละเดือน ซึ่งการมุ่งให้บริการที่ดีกับลูกค้านั้น เป็นสิ่งที่เราพยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ลูกค้าของเราสามารถรู้สึกและสัมผัสได้
"เราอยากจะให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจว่า อะไรคือปัญหาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และควรจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร ผลประโยชน์ของร้านค้าปลีกรายย่อย และผู้บริโภคอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ตัดสินใจตามกระแสการกดดันรัฐบาล เช่นในปัจจุบัน"