ผู้จัดการรายวัน – โอเลย์ ตอกย้ำบัลลังก์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 7,200 ล้านบาท ปรับสูตรโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ครั้งใหญ่รอบ 7 ปี งัดความปรารถนาผู้หญิงไทยอยากทำทรีทเมนต์บูมสินค้าใหม่ ส่งกลยุทธ์ถ่ายประสบการณ์ผ่านเซเลบริตี้ นัท มีเรีย ควง พิม ซอนย่า เจาะกลุ่มที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์และไม่เคยใช้ สิ้นปีครองแชร์มากกว่า 31.6% ทิ้งห่างพอนด์ส
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่า 7,200 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% โดยตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากที่สุด ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนจาก 38% เป็น 42%
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดลดเลือนริ้วรอยมีอัตราการเติบโตมาจากจำนวนประชากรกลุ่มผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น และพฤติกรรมการใช้สินค้าที่เริ่มมีอายุน้อยลงจาก 28-30 ปี มาเป็นอายุ 24 ปี ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ผิวขาวลดลงจากสัดส่วน 52% เป็น 50% เนื่องจากจำนวนผู้ใช้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นซึ่งฐานประชากรเริ่มมีน้อยลง และตลาดผลิตภัณฑ์เฉพาะทางสัดส่วน 6% ทั่วไป 4% ของตลาดรวม
ทั้งนี้จากอัตราการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการหันมาทำตลาดในเชิงรุก ดังนั้นเพื่อตอกย้ำในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ครองส่วนแบ่ง 31.6% บริษัทได้ปรับสูตรโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ใหม่ในรอบ 7 ปี ด้วยการเพิ่มสารไนอาซินไมด์จาก 50% เป็น 75% ให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 สูตร และชูความโดดเด่นการทำทรีทเมนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนาที่จะทำครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนจะแต่งงานในการสื่อสาร เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุระหว่าง 25-45ปี
พร้อมกันนี้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดผ่านประสบการณ์ตรงจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ 2 ท่าน ได้แก่ นัท มีเรีย และ พิม-ซอนย่า คูลลิ่ง ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากการใช้สินค้า
สำหรับกลยุทธ์ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง บริษัทแบ่งเป็นการสื่อสาร 2 รูปแบบ ได้แก่ Thematic เน้นการสื่อในด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซปต์”7 anti-ageing Treatments in one bottle” และแบบ Testimomial ภายใต้แนวคิด” ” Undeniable Prof that the Best has Become Better” เพื่อสื่อสารไปถึงผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่ใช้และรักในโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ และกลุ่มคนที่ยังไม่เคยทดลองใช้ โดยการเล่าเรื่องราวผ่านแอมบาสเดอร์ทั้งสองคน
อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ โดยเน้นผ่านสื่อทางโทรทัศน์ 50% กิจกรรม ณ จุดขาย 20% ประชาสัมพันธ์ 20% และ 10% ผ่านทางเว็บไซต์ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่าง
ทั้งนี้จากการปรับสูตรใหม่ของโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ พร้อมกันเน้นการสื่อสารในเรื่องของการทำทรีทเมนต์ คาดว่าจะผลักดันให้แบรนด์โอเลย์มีส่วนแบ่งทิ้งห่างคู่แข่ง จากส่วนแบ่งครึ่งปีแรกมีราว 31.6% ส่วนพอนดส์ 22.5% นีเวีย 9.2% ลอรีอัล 7.7% ทั้งนี้ส่วนแบ่งโอเลย์ แบ่งเป็น กลุ่มลดเลือนริ้วรอย 15% มาจากโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ 13.8% และรีเจนเนอริส 1.8% เมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่งพอนดส์ 6% ส่วนกลุ่มไวท์เทนนิ่งโอเลย์มีส่วนแบ่ง 14.2% แบ่งเป็น ไวท์ เรเดียนซ์ 8% และโททัล ไวท์ 6% ส่วนพอนดส์เป็นผู้นำตลาดไวท์เทนนิ่งครองส่วนแบ่ง 15.8%
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่า 7,200 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% โดยตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากที่สุด ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนจาก 38% เป็น 42%
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดลดเลือนริ้วรอยมีอัตราการเติบโตมาจากจำนวนประชากรกลุ่มผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น และพฤติกรรมการใช้สินค้าที่เริ่มมีอายุน้อยลงจาก 28-30 ปี มาเป็นอายุ 24 ปี ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ผิวขาวลดลงจากสัดส่วน 52% เป็น 50% เนื่องจากจำนวนผู้ใช้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นซึ่งฐานประชากรเริ่มมีน้อยลง และตลาดผลิตภัณฑ์เฉพาะทางสัดส่วน 6% ทั่วไป 4% ของตลาดรวม
ทั้งนี้จากอัตราการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการหันมาทำตลาดในเชิงรุก ดังนั้นเพื่อตอกย้ำในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ครองส่วนแบ่ง 31.6% บริษัทได้ปรับสูตรโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ใหม่ในรอบ 7 ปี ด้วยการเพิ่มสารไนอาซินไมด์จาก 50% เป็น 75% ให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 สูตร และชูความโดดเด่นการทำทรีทเมนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนาที่จะทำครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนจะแต่งงานในการสื่อสาร เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุระหว่าง 25-45ปี
พร้อมกันนี้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดผ่านประสบการณ์ตรงจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ 2 ท่าน ได้แก่ นัท มีเรีย และ พิม-ซอนย่า คูลลิ่ง ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากการใช้สินค้า
สำหรับกลยุทธ์ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง บริษัทแบ่งเป็นการสื่อสาร 2 รูปแบบ ได้แก่ Thematic เน้นการสื่อในด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซปต์”7 anti-ageing Treatments in one bottle” และแบบ Testimomial ภายใต้แนวคิด” ” Undeniable Prof that the Best has Become Better” เพื่อสื่อสารไปถึงผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่ใช้และรักในโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ และกลุ่มคนที่ยังไม่เคยทดลองใช้ โดยการเล่าเรื่องราวผ่านแอมบาสเดอร์ทั้งสองคน
อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ โดยเน้นผ่านสื่อทางโทรทัศน์ 50% กิจกรรม ณ จุดขาย 20% ประชาสัมพันธ์ 20% และ 10% ผ่านทางเว็บไซต์ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่าง
ทั้งนี้จากการปรับสูตรใหม่ของโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ พร้อมกันเน้นการสื่อสารในเรื่องของการทำทรีทเมนต์ คาดว่าจะผลักดันให้แบรนด์โอเลย์มีส่วนแบ่งทิ้งห่างคู่แข่ง จากส่วนแบ่งครึ่งปีแรกมีราว 31.6% ส่วนพอนดส์ 22.5% นีเวีย 9.2% ลอรีอัล 7.7% ทั้งนี้ส่วนแบ่งโอเลย์ แบ่งเป็น กลุ่มลดเลือนริ้วรอย 15% มาจากโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ 13.8% และรีเจนเนอริส 1.8% เมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่งพอนดส์ 6% ส่วนกลุ่มไวท์เทนนิ่งโอเลย์มีส่วนแบ่ง 14.2% แบ่งเป็น ไวท์ เรเดียนซ์ 8% และโททัล ไวท์ 6% ส่วนพอนดส์เป็นผู้นำตลาดไวท์เทนนิ่งครองส่วนแบ่ง 15.8%