ศาลอาญากรุงเทพใต้ จำคุก 1 ปี "โกวิท วัฒนะ" เหตุปฏิบัติหน้าที่มิชอบไม่อนุมัติให้ “พล.ต.ท.นิสสัย บุญศิริ” เกษียณก่อนอายุ ศาลปรานีโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่"โกวิท" เตรียมอุทธรณ์สู้ ด้านโครงสร้างตำรวจ ยังไม่จบ"เสรีพิศุทธ์"เตรียมหอบร่างฉบับ ตร.เข้าถกนายกฯ 18 ก.ค.นี้ "ชาญวุฒิ" เชื่อนายกฯเปิดกว้างรับฟัง
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พล.ต.ท.นิสสัย บุญศิริ อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีไม่อนุมัติให้เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนราชการ พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 70 ล้านบาท
โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ต.ท.นิสสัย โจทก์ขอเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เพื่อให้ได้ยศครั้งสุดท้ายในตำแหน่ง พล.ต.อ. และได้ยื่นเรื่องต่อฝ่ายบริหารงานบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาแต่ไม่อนุมัติ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน เพราะถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ และได้ทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.โกวิท พิจารณา โดย พล.ต.อ.โกวิท มีมติตามฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่อนุมัติให้เข้าโครงการตามที่ร้องขอ
ต่อมา ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง และคดีอยู่ระหว่างศาลฎีกา พล.ต.ท.นิสสัย จึงได้นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่ง ของ พล.ต.อ.โกวิท โดยศาลปกครองพิจารณาแล้ว เห็นควรให้เพิกถอนคำสั่งตามที่ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย
จากเรื่องดังกล่าว พล.ต.ท.นิสสัย โจทก์จึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยหลังศาลพิเคราะห์จากการนำสืบพยานโจทก์ และจำเลยแล้ว เห็นว่า พล.ต.อ.โกวิท จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ส่วนที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจำนวนเงินกว่า 70 ล้านบาทนั้น ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าได้รับความเสียหายอย่างไร โดยหลังศาลพิพากษา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว
นายนรินทร์ วงศ์ไทย ทนายความของ พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเสนอชื่อ พล.ต.ท.นิสสัย เพื่อขออนุมัติให้เข้าโครงการเกษียนก่อนกำหนดเป็นกรณีพิเศษ แต่เรื่องถูกตีกลับไป กลับมา ระหว่าง ครม.กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเรื่องก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด แต่ศาลมีคำพิพากษาคดีนี้เสียก่อน และ พล.ต.อ.โกวิท จะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป
*** ตร.วอนนายกฯ รับฟังข้อเสนอ
วันเดียวกัน ได้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโครงสร้างตำรวจใหม่โดย พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร กล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. จะไปร่วมประชุมเรื่องโครงสร้างตำรวจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมอบนโยบายในที่ประชุม
พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เตรียมข้อมูล 2 ชุด คือชุดที่เป็นโครงสร้างตำรวจ ที่มีตนเป็นประธานดำเนินการ ส่วนอีกชุดเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมาย การแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร.(ปอ.) เป็นประธานดำเนินการ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นลักษณะการประชุมร่วมกับชุดของ พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณที่ยังเปิดโอกาสให้มีการแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจได้ เพราะคนที่จะรู้เรื่องตำรวจดีก็คือ ตำรวจบางท่าน อาจจะสงสัยว่าตำรวจชั่วร้าย จึงจะเข้ามาเอาตำรวจไปดูแล แต่ขอให้เข้าใจว่า ตำรวจมี 2 แสนกว่าคน ถ้าส่วนใหญ่เป็นคนไม่ดี สังคมก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งส่วนที่ไม่ดี ก็ว่ากันไปตามวินัย และอาญา ลงโทษขจัดออกไป ไม่ใช่พูดถึงตำรวจแล้วต้องเลวหมดทุกคน ส่วนตำรวจที่กึ่งดีกึ่งไม่ดี ก็ต้องพัฒนาเขาให้ดีขึ้นมา ทั้งด้านความรู้และคุณธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีการนำโครงสร้างและร่าง พ.ร.บ.ในส่วนของตำรวจ ไปรวมกับร่าง พ.ร.บ.ตำรวจของชุด พล.ต.อ.วศิษฐ์หรือไม่ พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า แล้วแต่เหตุผลที่เข้าไปเสนอในขั้นของคณะกรรมการ กฤษฎีกา ซึ่งยังโชคดีที่เรามีโอกาสเข้าไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าในขั้นกฤษฎีกายอมรับร่าง พ.ร.บ. ของชุด พล.ต.อ.วศิษฐ์ ตำรวจจะทำอย่างไร พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า เป็นการคิดในแง่ร้าย อย่างไรก็ตาม คนที่จะมาดูแลองค์กรตำรวจ จะต้องเป็นผู้ที่มีบารมีเต็มที่ ตำรวจถึงจะรับฟัง ซึ่งบารมีต้องเกิดจากการสั่งสม เกิดจากการคลุกคลี เสียสละในหลายๆ ด้าน ถ้าไม่มีบารมี ยากที่จะเข้ามาดูแลตำรวจให้ตำรวจรับฟังได้
*** อดีตบิ๊กตำรวจร่วมถกรอบสอง
ที่ห้องรับรองสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ได้มีการประชุมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีต อ.ตร. เป็นประธาน โดยมีผู้เข้าร่วม อาทิ พล.ต.อ.พจน์ บุณยจินดา อดีต อ.ตร. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต อ.ตร.คนสุดท้าย และ ผบ.ตร.คนแรก พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร.
พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรอง อ.ตร.นายกสมาคมตำรวจ พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ อดีต รอง อ.ตร. พล.ต.อ. อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. และอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกกว่า 10 นาย โดย พล.ต.อ.สวัสดิ์ ได้เชิญ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.มหาดไทย มาเป็นประธานกิตติมศักดิ์
พล.ต.อ.สวัสดิ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดการกระจายอำนาจตามโครงสร้างใหม่ ที่จะให้มีอธิบดีตำรวจภาคว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก การแบ่งอำนาจ ผบ.ตร.โดยกระจายอำนาจให้ตำรวจภูธรภาค แล้วตั้งอธิบดีขึ้นมา 11 คน แทนที่จะเพิ่มตำรวจที่มาดูแลประชาชน ซึ่งการแบ่งแยกอำนาจในลักษณะนี้ เหมือนการสร้างคอนโดฯ ขึ้นมา 11 แท่ง ยังไม่นับรวมฝ่ายอำนวยการที่ต้องเพิ่มตามมาอีก แสดงให้เห็นว่า การร่าง พ.ร.บ.ไม่มีการคิดถึงประเด็นเรื่องงบประมาณ ซึ่งการจะดำเนินการได้ตามแนวทางนี้ จะต้องใช้งบประมาณมหาศาล พ.ร.บ.นี้ มุ่งที่จะตัดอำนาจ ผบ.ตร.อย่างเดียว นอกจากนี้ ยังมีสิ่งหมกเม็ดจำนวนมาก ซึ่งจะทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พล.ต.ท.นิสสัย บุญศิริ อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีไม่อนุมัติให้เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนราชการ พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 70 ล้านบาท
โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ต.ท.นิสสัย โจทก์ขอเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เพื่อให้ได้ยศครั้งสุดท้ายในตำแหน่ง พล.ต.อ. และได้ยื่นเรื่องต่อฝ่ายบริหารงานบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาแต่ไม่อนุมัติ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน เพราะถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ และได้ทำเรื่องเสนอ พล.ต.อ.โกวิท พิจารณา โดย พล.ต.อ.โกวิท มีมติตามฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่อนุมัติให้เข้าโครงการตามที่ร้องขอ
ต่อมา ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง และคดีอยู่ระหว่างศาลฎีกา พล.ต.ท.นิสสัย จึงได้นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่ง ของ พล.ต.อ.โกวิท โดยศาลปกครองพิจารณาแล้ว เห็นควรให้เพิกถอนคำสั่งตามที่ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย
จากเรื่องดังกล่าว พล.ต.ท.นิสสัย โจทก์จึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยหลังศาลพิเคราะห์จากการนำสืบพยานโจทก์ และจำเลยแล้ว เห็นว่า พล.ต.อ.โกวิท จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ส่วนที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจำนวนเงินกว่า 70 ล้านบาทนั้น ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าได้รับความเสียหายอย่างไร โดยหลังศาลพิพากษา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว
นายนรินทร์ วงศ์ไทย ทนายความของ พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเสนอชื่อ พล.ต.ท.นิสสัย เพื่อขออนุมัติให้เข้าโครงการเกษียนก่อนกำหนดเป็นกรณีพิเศษ แต่เรื่องถูกตีกลับไป กลับมา ระหว่าง ครม.กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเรื่องก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด แต่ศาลมีคำพิพากษาคดีนี้เสียก่อน และ พล.ต.อ.โกวิท จะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป
*** ตร.วอนนายกฯ รับฟังข้อเสนอ
วันเดียวกัน ได้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโครงสร้างตำรวจใหม่โดย พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร กล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. จะไปร่วมประชุมเรื่องโครงสร้างตำรวจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมอบนโยบายในที่ประชุม
พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เตรียมข้อมูล 2 ชุด คือชุดที่เป็นโครงสร้างตำรวจ ที่มีตนเป็นประธานดำเนินการ ส่วนอีกชุดเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมาย การแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร.(ปอ.) เป็นประธานดำเนินการ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นลักษณะการประชุมร่วมกับชุดของ พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณที่ยังเปิดโอกาสให้มีการแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจได้ เพราะคนที่จะรู้เรื่องตำรวจดีก็คือ ตำรวจบางท่าน อาจจะสงสัยว่าตำรวจชั่วร้าย จึงจะเข้ามาเอาตำรวจไปดูแล แต่ขอให้เข้าใจว่า ตำรวจมี 2 แสนกว่าคน ถ้าส่วนใหญ่เป็นคนไม่ดี สังคมก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งส่วนที่ไม่ดี ก็ว่ากันไปตามวินัย และอาญา ลงโทษขจัดออกไป ไม่ใช่พูดถึงตำรวจแล้วต้องเลวหมดทุกคน ส่วนตำรวจที่กึ่งดีกึ่งไม่ดี ก็ต้องพัฒนาเขาให้ดีขึ้นมา ทั้งด้านความรู้และคุณธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีการนำโครงสร้างและร่าง พ.ร.บ.ในส่วนของตำรวจ ไปรวมกับร่าง พ.ร.บ.ตำรวจของชุด พล.ต.อ.วศิษฐ์หรือไม่ พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า แล้วแต่เหตุผลที่เข้าไปเสนอในขั้นของคณะกรรมการ กฤษฎีกา ซึ่งยังโชคดีที่เรามีโอกาสเข้าไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าในขั้นกฤษฎีกายอมรับร่าง พ.ร.บ. ของชุด พล.ต.อ.วศิษฐ์ ตำรวจจะทำอย่างไร พล.ต.อ.ชาญวุฒิ กล่าวว่า เป็นการคิดในแง่ร้าย อย่างไรก็ตาม คนที่จะมาดูแลองค์กรตำรวจ จะต้องเป็นผู้ที่มีบารมีเต็มที่ ตำรวจถึงจะรับฟัง ซึ่งบารมีต้องเกิดจากการสั่งสม เกิดจากการคลุกคลี เสียสละในหลายๆ ด้าน ถ้าไม่มีบารมี ยากที่จะเข้ามาดูแลตำรวจให้ตำรวจรับฟังได้
*** อดีตบิ๊กตำรวจร่วมถกรอบสอง
ที่ห้องรับรองสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ได้มีการประชุมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีต อ.ตร. เป็นประธาน โดยมีผู้เข้าร่วม อาทิ พล.ต.อ.พจน์ บุณยจินดา อดีต อ.ตร. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต อ.ตร.คนสุดท้าย และ ผบ.ตร.คนแรก พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร.
พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรอง อ.ตร.นายกสมาคมตำรวจ พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ อดีต รอง อ.ตร. พล.ต.อ. อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. และอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกกว่า 10 นาย โดย พล.ต.อ.สวัสดิ์ ได้เชิญ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.มหาดไทย มาเป็นประธานกิตติมศักดิ์
พล.ต.อ.สวัสดิ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดการกระจายอำนาจตามโครงสร้างใหม่ ที่จะให้มีอธิบดีตำรวจภาคว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก การแบ่งอำนาจ ผบ.ตร.โดยกระจายอำนาจให้ตำรวจภูธรภาค แล้วตั้งอธิบดีขึ้นมา 11 คน แทนที่จะเพิ่มตำรวจที่มาดูแลประชาชน ซึ่งการแบ่งแยกอำนาจในลักษณะนี้ เหมือนการสร้างคอนโดฯ ขึ้นมา 11 แท่ง ยังไม่นับรวมฝ่ายอำนวยการที่ต้องเพิ่มตามมาอีก แสดงให้เห็นว่า การร่าง พ.ร.บ.ไม่มีการคิดถึงประเด็นเรื่องงบประมาณ ซึ่งการจะดำเนินการได้ตามแนวทางนี้ จะต้องใช้งบประมาณมหาศาล พ.ร.บ.นี้ มุ่งที่จะตัดอำนาจ ผบ.ตร.อย่างเดียว นอกจากนี้ ยังมีสิ่งหมกเม็ดจำนวนมาก ซึ่งจะทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ