xs
xsm
sm
md
lg

“ชาร์ป”ลั่นทวงบัลลังก์แอลซีดีคืนใน3ปี ปีนี้รายได้รวม3.5พันล.หลังควบกิจการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ชาร์ปไทย” เผยแผนธุรกิจ หลังควบรวมกิจการ ลั่นทวงบัลลังก์ แอลซีดี ทีวี ใน 3 ปี หลัง 2 ปีก่อนครองแชมป์ด้วยแชร์กว่า 40 % วางโพซิชั่นนิ่งสินค้าเหนือคู่แข่ง ด้วยแวลูเสริมมากมาย พร้อมสร้างแบรนด์ “Aquos” ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คาดจำหน่ายได้กว่า18,000 เครื่องในปีนี้ หรือคิดเป็น 20 % จากเป้ารายได้รวมปีนี้ที่ 3,600 ล้านบาท

นายคาซูโอะ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ปไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังควบรวมกิจการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ทาง ชาร์ป สามารถดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกันได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นตามแผนการดำเนินธุรกิจรอบปี 2550/2551 ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2550-มี.ค. 2551 ทางบริษัทฯตั้งเป้ารายได้รวมไว้กว่า 3,600 ล้านบาท และในปีต่อไป คาดว่าจะมีรายได้สู่ 4,000 ล้านบาท มาจากสินค้าหลัก 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มจอภาพ 30 % มาจากแอลซีดี ทีวี 20 % รวมกับซีอาร์ที ทีวี 10 % 2.กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 30% 3.เครื่องถ่ายเอกสาร 30% และ4.โซล่าเซล 10 % ภายใต้งบการทำตลาดรวม 5% ของยอดขายที่วางไว้

โดยเฉพาะ กลุ่มจอภาพ จากเดิม 2 ปีที่ผ่านมา ชาร์ปเป็นผู้นำของแอลซีดี ทีวี ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 40 % เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดเพิ่มสูงขึ้น มีการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรง จึงทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของชาร์ป ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 4 ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจะเพิ่มจุดแข็ง สร้างความแตกต่างของสินค้า ให้เหนือกว่าคู่แข่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพขอจอภาพ ดีไซน์ และคุณภาพเสียง พร้อมทั้งมีการเปิดตัวไลน์อัพและซีรีย์ใหม่รวมกว่า 10 รุ่นในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย ที่จะถึงนี้ จากเดิมที่มีวางจำหน่ายอยู่แล้ว 19 รุ่น มั่นใจว่าจะสามารถกลับขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้เร็วที่สุดประมาณ 2-3 ปีข้างหน้านับจากนี้ ขณะที่ยอดขายในปีนี้วางเป้าหมายจำหน่ายไว้ 18,000 เครื่อง ส่วนปีถัดไปคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือกว่า 36,000 เครื่อง

“เป้าหมายที่วางไว้ ถือว่าไม่ง่ายนัก ภายใต้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจะไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจในหลายๆด้าน และจากการแข่งขันในตลาดที่ยังรุนแรงอยู่ โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านราคา ที่ลดลงไปกว่า 35% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัจจุบันดีมานด์และซัพพลายสินค้าเริ่มบาลานซ์กันแล้ว โดยมองว่าปีนี้แอลซีดี ทีวี จะโตขึ้นอีก 50-70 % จึงมั่นใจว่ายอดขาย 18,000 เครื่องตามที่วางไว้ จะสามารถทำได้”

สำหรับเป้าหมายการเป็นผู้นำครั้งนี้ จะเป็นในแง่ของแวลูสินค้ามากกว่า เพราะการเพิ่มแวลูให้สินค้า เท่ากับเพิ่มราคาจำหน่ายได้สูงขึ้น เนื่องจากสินค้าของชาร์ปส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม ถึงแม้ว่าจะมีไฟติ้งโมเดลในรุ่น 32 นิ้ว และ 42 นิ้ว ไว้สำหรับทำตลาดในกลุ่มลูกค้าทั่วไปก็ตาม แต่เมื่อเทียบราคาระหว่างรุ่นต่อรุ่นแล้ว จะแพงกว่าแบรนด์อื่นประมาณ 10-15% ดังนั้นการที่จะเป็นผู้นำด้านจำนวนจึงไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังได้พยายามเปิดตลาดเซกเม้นท์ใหม่ เช่น แอลซีดี ขนาด 19 นิ้ว ที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน จะนำเข้ามาทำตลาดในเดือนตุลาคมนี้ด้วย สำหรับจับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปโดยเฉพาะ จากปัจจุบันแอลซีดี ทีวี ของชาร์ปขนาดเล็กสุดอยู่ที่ 15นิ้ว และใหญ่สุด คือ 65 นิ้ว

นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นการสร้างแบรนด์รอยัลตี้ ให้กับซีรีย์ “Aquos แอลซีดี ทีวี” เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปลายปีนี้ จะมีการทำ Aquos คลับ ในการมอบสิทธิประโยชน์ และการทำกิจกรรม ซีอาร์เอ็ม ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่อไป

ส่วนทางด้านซีอาร์ที ทีวี ยังคงป็นธุรกิจที่สำคัญอยู่ เพราะในแต่ละปีตลาดลดลงเพียง 5% เท่านั้น แต่เนื่องจากมองว่า กระแสการเปลี่ยนถ่ายระหว่างจอภาพ ซีอาร์ที ทีวี สู่ แอลซีดี ทีวี กำลังเกิดขึ้น จากความต้องการสินค้าจอภาพรวม 2 ล้านเครื่องต่อปี ทำให้บริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับแอลซีดี ทีวี เป็นหลัก แทน โดยจะยังคงรักษายอดขายของซีอาร์ที ทีวีเช่นกัน

นายคาซูโอะ กล่าวต่อว่า ชาร์ปตั้งเป้ายอดขายแอลซีดี ทีวีทั่วโลกกว่า 9 ล้านเครื่องในปีนี้ ขณะที่ฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่น 2 แห่ง โดยโรงงานแห่งแรกมีกำลังผลิตอยู่ที่ 6 หมื่นยูนิต ต่อ เดือน ส่วนโรงงานแห่งที่2ที่เพิ่งเปิดมาในปี 2549 ขณะนี้มีกำลังการผลิตที่ 3 หมื่นยูนิต ต่อ เดือน ซึ่งในญี่ปุ่น ชาร์ปเป็นผู้นำตลาด มีแชร์กว่า 40 %

ส่วนในประเทศไทย ปัจจุบันชาร์ป มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง คือ 1.ที่ นครไชยศรี เป็นโรงงานประกอบชิ้นส่วนจอภาพแอลซีดี ทีวี และกลุ่มสินค้าโซล่าเซล 2.ที่บางปะกง เป็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ
กำลังโหลดความคิดเห็น