xs
xsm
sm
md
lg

ชง4ทำเลยาสูบ-เกตเวย์มาแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – โรงงานยาสูบตัดขาดเครือข่ายทักษิณล้มสัญญา “เหยียนปิน” บอกเลิกก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เชียงใหม่ เล็งเข้าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคกลาง 4 แห่ง "เกตเวย์ - โรจนะ – อมตะ – หนองแค" ประหยัดต้นทุนค่าก่อสร้างสาธารณูปโภคกว่า 2-3 พันล้าน ชง ครม.เลือกภายในเดือนนี้ แย้มเกตเวย์เจ๋งสุด แจงกรณี ครม.อนุมัติขยายเพดานภาษีบุหรี่เป็น 90% ยังไม่ใช่การขึ้นราคา ร้านค้าไม่ควรตื่นกักตุนบุหรี่ ผู้บริโภคอาจเจอบุหรี่หมดอายุ เพราะกว่าจะผ่าน สนช.อีกอย่างน้อย 3 เดือน

นางประภัสสร พงศ์พันธุ์พิศาล โฆษกโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานยาสูบได้เสนอโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ทดแทนโรงงานเดิมที่ย่านถนนพระราม 4 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง โดยจะให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ให้ก่อสร้างที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และที่จ.สระบุรีให้เหลือเพียงแห่งเดียว
โดยพื้นที่ก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่จะตั้งอยู่ในรัศมีห่างจากกรุงเทพมหานครไม่เกิน 200 กิโลเมตร ตามที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต ประธานคณะกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบได้มอบนโยบายไว้ ซึ่งในเบื้องต้นโรงงานยาสูบได้เสนอสถานที่ก่อสร้างให้กระทรวงการคลังพิจารณาคัดเลือกจำนวน 4 แห่ง และตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด
พื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้างโรงงานยาสูบที่ได้เสนอให้กับกระทรวงการคลังประกอบไปด้วย 1.นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา 2.นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ต.คานหาม อ.อุทัย พระนครศรีอยุธยา 3.นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี และ4.นิคมอุตสาหกรรมหนองแค ต.หนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี
“การเลือกก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่มีข้อดีหลายอย่างโดยเฉพาะในแง่ของการขนส่งสินค้าวัตถุดิบและการกระจายสินค้าไปได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้หากก่อสร้างโรงงานนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมจะต้องใช้เงินลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2-3 พันล้านบาท แต่ก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมจะประหยัดงบประมาณดังกล่าว” นางประภัสสรกล่าวและว่า ส่วนตัวแล้วชอบนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์

***ส่งบัวแก้วเจรจาสัมพันธ์รัฐบาลจีน
โฆษกโรงงานยาสูบกล่าวว่า โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในเดือนนี้ โดยจะขอมติ ครม.ให้ยกเลิกมติ ครม.เดิมยกเลิกสัญญาก่อสร้างและให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้เจรจากับรัฐบาลสาธาณรัฐประชาชนจีนเพื่อไม่ให้การยกเลิกสัญญาก่อสร้างโรงงานยาสูบที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่กระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นอกจากนี้โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบจะมีการปรับลดมูลค่าการก่อสร้างลงทั้งจากการประหยัดค่าก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการก่อสร้างจากเดิมที่จะก่อสร้างโรงงานสองแห่ง เหลือเพียงเดียว โดยจะมีการสร้างตัวอาคารแล้วขนย้ายเครื่องจักรจากกรุงเทพมหานครมาติดตั้งและก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จพร้อมเครื่องจักรใหม่ และหากก่อสร้างเสร็จจะมีกำลังการผลิต 25,000 มวนต่อปีและถ้าเปิดสายการผลิต 2 ผลัดจะมีกำลังการผลิต 25,000 – 30,000 ล้านมวนต่อปี
“กำลังการผลิตที่ตั้งไว้เป็นปริมาณการผลิตที่ใกล้เคียงกับกำลังการผลิตในปัจจุบันเนื่องจากแน้วโน้มการบริโภคต่อจากนี้น่าจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากการรณรงค์ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ของกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรต่างๆ โรงงานยาสูบจึงไม่ตั้งเป้ากำลังการผลิตไว้สูงนัก” โฆษกโรงงานยาสูบกล่าว

***แจงผู้ค้าไม่ควรตื่นกักตุนบุหรี่
นางประภัสสรกล่าวว่า จากการที่ ครม.มีมติปรับขึ้นเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่จากเดิมที่ 80% และจัดเก็บจริงที่ 90% ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าจะมีการขึ้นราคาขายปลีกบุหรี่จนเกิดความปั่นป่วนในตลาดส่งผลให้ผู้ค้าทั้งรายกลางรายย่อยกักตุนบุหรี่เป็นจำนวนมากจนกระทั่งเกิดการขาดแคลนบุหรี่ทำให้รานค้ารายย่อยบางแห่งถือโอกาสปรับขึ้นราคาบุหรี่โดยไม่สมเหตุสมผล
ซึ่ง พ.ร.บ.ยาสบที่จะเพิ่มเพดานจัดเก็บนั้นขั้นตอนของกฎหมายต้องผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และต้องใช้เวลาออกกฎหมายลูกอีกระยะหนึ่งจึงจะสามารถประกาศขึ้นราคาบุหรี่ได้ แต่บุหรี่ที่มีการกักตุนไว้นั้นโดยทั่วไปแล้วจะหมดอายุภายในเวลา 3 เดือนจึงเป็นห่วงว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้บริโภคจะซื้อบุหรี่ที่หมดอายุแล้วไปสูบได้
“คนต่างตีความกฎหมายกันออกมาผิดทำให้เกิดความสับสน ยังไม่มีใครบอกว่าจะขึ้นราคาบุหรี่และไม่มีใครรู้ว่าจะขึ้นราคาบุหรี่เมื่อไร การที่จะปรับขึ้นราคาบุหรี่นั้นส่วนใหญ่จะมีการแถลงข่าวแล้วมีผลในวันถัดไปหรือให้มีผลในขณะนั้นเลย แต่ในขณะนี้ยืนยันว่าไม่มีการปรับขึ้นราคาบุหรี่แน่นอน นอกจากนี้บุหรี่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตนักจึงไม่อยากให้ผู้ขายกักตุนบุหรี่จนทำให้หมดอายุซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค” นางประภัสสรกล่าว
นางประภัสสรกล่าวต่อว่า ความผิดปกติจากการกักตุนบุหรี่ที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะ 2 วันที่แล้วโรงงานยาสูบจะมีการสำรองบุหรี่ในสต็อกไว้ประมาณ 7-15 วันแต่ช่วงนี้ไม่มีเหลือเลยทั้งที่กำลังการผลิตของโรงงานยาสูบอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านมวนต่อวัน โรงงานยาสูบจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเช็คสต็อกกับซัพพลายเออร์ถึงที่
โดยหากโรงงานยาสูบพบว่ามีการกักตุนมาเกินที่กฎหมายกำหนดจะพักใบอนุญาตการเป็นตัวแทนจำหน่ายชั่วคราวเป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่วนการขายเกินราคาถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ มาตรา 23 และมีโทษปรับตามมาตรา 47 ปรับครั้งละ 500 บาท นอกจากนี้ยังมีการนำบุหรี่ไปทำกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ขายเบียร์บางยี่ห้อโดยใช้วิธีขายเบียร์พ่วงบุหรี่ซึ่งถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน

***รูปไม่เหมาะต้องโทษสาธารณสุข
โฆษกโรงงานยาสูบกล่าวว่า ภาพที่แสดงบนซองบุหรี่ที่เป็นภาพรดน้ำศพนั้นมีผู้แสดงความเห็นถึงความไม่เหมาสมกันมามากและมาต่อว่าโรงงานยาสูบว่านำหอยสังข์ที่ใช้สำหรับงานมงคลมาใช้กับงานที่ไม่เป็นมงคล ซึ่งภาพดังกล่าวเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วโรงงานยาสูบและผู้นำเข้าบุหรี่ต่างมีความเห็นตรงกันและคัดเลือกรูปนี้ออกแต่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกลับบังคับให้ใช้ตีพิมพ์บนซองบุหรี่
“อยากขอร้องให้ประชาชนอย่างตำหนิโรงงานยาสูบเพราะรูปทุกรูปที่พิมพ์บนซองบุหรี่นั้นกรมควบคุมโรคเป็นผู้คัดเลือกทั้งสิ้น และกรมควบคุมโรคไม่ยอมให้โรงงานยาสูบและผู้นำเข้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้นต่อภาพนี้ที่คนในสังคมต่างเห็นถึงความไม่เหมาะสม หากใครอยากต่อว่าการตีพิมพ์ภาพนี้ไม่เหมาะสมก็ให้ไปร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุขได้” โฆษกโรงงานยาสูบกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น