ศูนย์ข่าวขอนแก่น-กงสุลใหญ่ประจำแขวงสะหวันนะเขต เผยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยวในไทยพร้อมให้ความร่วมมือพัฒนาบุคลากรด้านท่องเที่ยว ให้แก่แขวงสะหวันนะเขต หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น ยอมรับจุดหมายปลายทางของทัวร์ยังคงเป็นเวียดนาม เหตุสะหวันนะเขตจุดขายน้อย แนะสร้างจุดแวะพักในเส้นทาง No.9ให้เงินสะพัดในแขวงมากขึ้น
นายอภิชาติ เพ็ชรรัตน์ กงสุลใหญ่ สถานกงสุลไทย ประจำแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ทางสถานกงสุลได้ร่วมกับแขวงสะหวันนะเขต และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)รวมไปถึงหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวในไทยได้หารือกัน เพื่อจะได้ร่วมกันพัฒนาธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวในแขวงสะหวันนะเขต ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรให้สามารถรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวภายในแขวง ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
รูปแบบโครงการความร่วมมือดังกล่าว คือการนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการบริการนักท่องเที่ยวของแขวง รวมไปถึงพนักงานในธุรกิจบริการประเภทต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรมที่พักในสะหวันนะเขตเดินทางไปศึกษาดูงานการให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจบริการอื่นๆและรับฟังการบรรยายความรู้ด้านการทำตลาด จากผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทย เพื่อนำกลับมาประยุกต์ใช้ได้จริง
นายอภิชาติ กล่าวยอมรับว่า หลังจากสะพานข้ามแม่น้ำโขงมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เปิดให้บริการเมื่อปลายปีที่แล้ว ปริมาณนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทยเดินทางเข้ามายังแขวงสะหวันนะเขตค่อนข้างมาก แต่สะหวันนะเขตไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการท่องเที่ยวพักผ่อน ปลายทางของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ คือ เมืองเว้ เมืองด่าหนัง ประเทศเวียดนาม โดยเดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปตามเส้นทางหมายเลข 9 ซึ่งมีระยะทางห่างจากชายแดนเวียดนาม ด่านแดนสะหวัน-ลาวบ๋าว ราว 240 กิโลเมตร
การไหลบ่าของนักท่องเที่ยวไปยังปลายทางแหล่งท่องเที่ยวที่เวียดนามดังกล่าว ทำให้แขวงสะหวันนะเขตได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย นักท่องเที่ยวไทยจะแวะพักรับประทานอาหารเพียงระยะเวลาสั้นๆ แม้แต่จังหวัดมุกดาหารเองก็ได้ประโยชน์จากการเดินทางผ่านของนักท่องเที่ยวเหล่านี้น้อยเช่นกัน
ประเด็นปัญหาดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกันไปบ้างเช่นกันว่า จะทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามายังแขวงสะหวันนะเขตได้หยุดแวะ เพื่อใช้จ่ายให้เกิดการสะพัดของเงินมากขึ้น ซึ่งก็มีหลายฝ่ายเสนอว่า ตามรายทางบนถนนหมายเลข 9 น่าจะมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเป็นระยะๆตามสมควร หรือมีการสร้างร้านอาหารที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะพักได้หรือมีการสร้างสถานีบริการน้ำมันที่ได้มาตรฐานครบวงจร เพราะปัจจุบันบนเส้นทางดังกล่าวมีเพียงปั๊มหลอดเท่านั้น
ด้านนายประยุทธ ทองเพิ่ม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหนุ่มสาวทัวร์ จำกัดได้แสดงความเห็นในงานสัมมนาอบรมผู้ประกอบการไทย-ลาวเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบ EWEC/ACMECS ที่แขวงสะหวันนะเขตเมื่อปลายปีที่ผ่านมาว่า แขวงสะหวันนะเขตมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม มีทรัพยากรพร้อมแก่การท่องเที่ยว แต่ยังขาดการจัดการที่เหมาะสม เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภค ยังไม่พร้อม แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์จำเป็นต้องสร้างเรื่องราวหรือ Story ให้แต่ละแห่ง เพื่อสร้างสีสันดึงดูดใจนักท่องเที่ยว
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวทางประเพณี วิถีชาวบ้าน จะต้องดึงเข้ามาเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวมีสีสันมีชีวิตชีวา
ด้านร้านอาหารในแขวง ขณะนี้มีแต่ร้านขนาดเล็ก ไม่เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต และต้องคำนึงเสมอว่าอาหารจะต้องสะอาด มีอนามัยและได้คุณภาพ ขณะที่โรงแรมที่พักมีเพียง 2-3 แห่งที่มีขนาดใหญ่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 40 ห้อง หากในอนาคตยังไม่มีการพัฒนา เชื่อว่าไม่เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวแน่นอน
นายประยุทธ ระบุอีกว่า สำหรับบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลุกจิตสำนึกในการให้บริการ ต้องสอนและมีการอบรมอย่างเป็นระบบ บริษัทพร้อมที่จะให้บุคลากรของทางแขวงสะหวันนะเขตเข้าไปฝึกอบรมและเรียนรู้ได้
"ปัญหาการท่องเที่ยวในตอนนี้ คือทัวร์ที่จัดกันไม่ค่อยได้พักค้างคืน ที่สะหวันนะเขต ส่วนมากมาเช้ากลับบ่าย เพราะที่พักกับร้านอาหารยังมีขนาดเล็ก นักท่องเที่ยวไม่เชื่อมั่นในมาตรฐาน ขาดคุณภาพที่จะรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดกลางและใหญ่"นายประยุทธกล่าว