ผู้จัดการรายวัน – นาฬิกากลุ่มวัยรุ่น ยังไปได้สวย แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี “สวอท์ช”เดินหน้าขยายสาขาแฟรนไชส์แบบไม่รีบ หวังช่วยขยับรายได้สู่การเติบโตที่ 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้รายได้ไตรมาสหนึ่งที่ผ่านเฉียดฝันเล็กน้อย
นางสาวศิริวรรณ พงศ์กิจวรสิน ผู้จัดการแบรนด์นาฬิกา สวอท์ช บริษัท สวอท์ชกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า นาฬิกาวัยรุ่นนั้น ถือเป็นกลุ่มนาฬิกาที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจน้อยที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเป็นแฟชั่น ตามเทรนด์ เช่นเดียวกับกับกลุ่มมือถือ ที่จะต้องมีการซื้อเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากมองด้านมูลค่าของตลาดแล้ว ที่อาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีอยู่ประมาณเท่าไร แต่มั่นใจว่าตลาดกลุ่มนี้ไม่ตกแน่นอน แต่หากมองด้านรายได้ของแต่ละแบรนด์แล้ว อาจจะตกลงเล็กน้อย
เนื่องจากปัจจุบันตลาดนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นนั้น เป็นตลาดที่ค่อนข้างกระจาย มีหลายแบรนด์ที่เริ่มผลิตนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นมากขึ้น เช่น โอดีเอ็ม, ดีเซล หรือแม้แต่นาฬิกาตามตามท้องตลาดทั่วไป ก็ถือเป็นนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น ที่อาจจะแย่งยอดขายนาฬิกากลุ่มนี้ไปบางส่วนด้วย เช่น โทรศัพท์ วัยรุ่นบางคนมีโทรศัพท์แล้วสามารถบอกเวลาได้ ก็มองว่านาฬิกาไม่จำเป็นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับแบรนด์ สวอท์ช แล้ว มองว่า สถานการณ์ดังกล่าว จะช่วยให้การทำตลาดง่ายขึ้น เพราะมีคู่แข่งมากขึ้น ตลาดก็จะไม่เงียบ ลูกค้าจะเริ่มหันมาให้ความสนใจกับนาฬิกามากขึ้นนั้นเอง ดังนั้นทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มวัยรุ่นนี้อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นนาฬิกาที่มียอดจำหน่ายในด้านจำนวนสูงที่สุด
โดยในปีนี้ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายสาขาแบบแฟรนไชส์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จากเดิมที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นชอปที่เปิดในห้างสรรสินค้าชั้นนำ เช่น สยามเซ็นเตอร์ เกษรพลาซา และกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ส่วนต่างจังหวัดที่เริ่มเปิดให้บริการในลักษณะแฟรนไชส์นั้น ได้แก่ พัทยาเหนือ, สมุย สุราษฎร์ธานี และที่กำลังจะเปิดให้บริการอีก คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สุรินทร์
“ชอปในลักษณะแฟรนไชส์นี้ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนทำเล เมืองท่องเที่ยว เพราะทางบริษัทฯมองว่า นอกจากคนไทยที่ชื่นชอบ สวอท์ชแล้ว ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกจำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชอบ นาฬิกาสวอท์ช ดังนั้นส่วนใหญ่การเปิดแฟรนไชส์นี้ จึงมุ่งเปิดในสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สำหรับสุรินทร์นั้น ถือเป็นจังหวัดที่มีสถานศึกษาค่อนข้างมาก จึงคาดว่าน่าจะเป็นอีก 1 สาขาที่จะมียอดขายที่ดีได้”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 300 เอสเคยู รวมถึงมีการตกแต่งชอปตามฤดูกาลอีกอย่างน้อย 3 ครั้งต่อปี และยอดขายจากตัวแทนจำนวนกว่า 40 ราย รวมถึงจากการขยายสาขาดังกล่าวนี้จะช่วยดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 20% ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมาจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นรายได้ที่สูงกว่ารายได้ของไรมาสแรกในปีที่ผ่านมาอยู่ โดยยังคงสัดส่วนรายได้ที่กรุงเทพฯ 90% และต่างจังหวัด 10%
ปัจจุบัน นาฬิกาแบรนด์ สวอท์ช มีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อายุ 12-60 ปี ราคาจำหน่ายประมาณ 1,900 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังนำเอานาฬิกาสำหรับกลุ่มเด็กเล็กมาจำหน่ายอีก 1 แบรนด์ ร่วมกับสวอท์ชด้วย คือ ฟลิกเฟลก (flik flak) ที่มาพร้อมกับเครื่องประดับโดยเข้ามาทำตลาดในไทยได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันสร้างยอดขายอยู่ที่สัดส่วน 10% และอีก 90% มาจาก สวอท์ช
นางสาวศิริวรรณ พงศ์กิจวรสิน ผู้จัดการแบรนด์นาฬิกา สวอท์ช บริษัท สวอท์ชกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า นาฬิกาวัยรุ่นนั้น ถือเป็นกลุ่มนาฬิกาที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจน้อยที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเป็นแฟชั่น ตามเทรนด์ เช่นเดียวกับกับกลุ่มมือถือ ที่จะต้องมีการซื้อเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากมองด้านมูลค่าของตลาดแล้ว ที่อาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีอยู่ประมาณเท่าไร แต่มั่นใจว่าตลาดกลุ่มนี้ไม่ตกแน่นอน แต่หากมองด้านรายได้ของแต่ละแบรนด์แล้ว อาจจะตกลงเล็กน้อย
เนื่องจากปัจจุบันตลาดนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นนั้น เป็นตลาดที่ค่อนข้างกระจาย มีหลายแบรนด์ที่เริ่มผลิตนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นมากขึ้น เช่น โอดีเอ็ม, ดีเซล หรือแม้แต่นาฬิกาตามตามท้องตลาดทั่วไป ก็ถือเป็นนาฬิกาสำหรับวัยรุ่นแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น ที่อาจจะแย่งยอดขายนาฬิกากลุ่มนี้ไปบางส่วนด้วย เช่น โทรศัพท์ วัยรุ่นบางคนมีโทรศัพท์แล้วสามารถบอกเวลาได้ ก็มองว่านาฬิกาไม่จำเป็นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับแบรนด์ สวอท์ช แล้ว มองว่า สถานการณ์ดังกล่าว จะช่วยให้การทำตลาดง่ายขึ้น เพราะมีคู่แข่งมากขึ้น ตลาดก็จะไม่เงียบ ลูกค้าจะเริ่มหันมาให้ความสนใจกับนาฬิกามากขึ้นนั้นเอง ดังนั้นทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มวัยรุ่นนี้อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นนาฬิกาที่มียอดจำหน่ายในด้านจำนวนสูงที่สุด
โดยในปีนี้ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายสาขาแบบแฟรนไชส์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จากเดิมที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นชอปที่เปิดในห้างสรรสินค้าชั้นนำ เช่น สยามเซ็นเตอร์ เกษรพลาซา และกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ส่วนต่างจังหวัดที่เริ่มเปิดให้บริการในลักษณะแฟรนไชส์นั้น ได้แก่ พัทยาเหนือ, สมุย สุราษฎร์ธานี และที่กำลังจะเปิดให้บริการอีก คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สุรินทร์
“ชอปในลักษณะแฟรนไชส์นี้ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนทำเล เมืองท่องเที่ยว เพราะทางบริษัทฯมองว่า นอกจากคนไทยที่ชื่นชอบ สวอท์ชแล้ว ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกจำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชอบ นาฬิกาสวอท์ช ดังนั้นส่วนใหญ่การเปิดแฟรนไชส์นี้ จึงมุ่งเปิดในสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สำหรับสุรินทร์นั้น ถือเป็นจังหวัดที่มีสถานศึกษาค่อนข้างมาก จึงคาดว่าน่าจะเป็นอีก 1 สาขาที่จะมียอดขายที่ดีได้”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 300 เอสเคยู รวมถึงมีการตกแต่งชอปตามฤดูกาลอีกอย่างน้อย 3 ครั้งต่อปี และยอดขายจากตัวแทนจำนวนกว่า 40 ราย รวมถึงจากการขยายสาขาดังกล่าวนี้จะช่วยดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 20% ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมาจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นรายได้ที่สูงกว่ารายได้ของไรมาสแรกในปีที่ผ่านมาอยู่ โดยยังคงสัดส่วนรายได้ที่กรุงเทพฯ 90% และต่างจังหวัด 10%
ปัจจุบัน นาฬิกาแบรนด์ สวอท์ช มีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อายุ 12-60 ปี ราคาจำหน่ายประมาณ 1,900 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังนำเอานาฬิกาสำหรับกลุ่มเด็กเล็กมาจำหน่ายอีก 1 แบรนด์ ร่วมกับสวอท์ชด้วย คือ ฟลิกเฟลก (flik flak) ที่มาพร้อมกับเครื่องประดับโดยเข้ามาทำตลาดในไทยได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันสร้างยอดขายอยู่ที่สัดส่วน 10% และอีก 90% มาจาก สวอท์ช