วานนี้ (21 พ.ค.) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณี ส.ต.ท.ปรารภ แสงนิล ผบ.หมู่งานจราจร สน.มักกะสัน ตำรวจจราจรถูกลูกชายอดีตนักการเมืองชื่อดังพาพวกรุมทำร้าย เพราะไม่พอใจที่ถูกเรียกตรวจแอลกอฮอล์ ขณะขับรถผ่านด่านตรวจ เมื่อกลางดึกวันที่ 20 พ.ค. ว่า ก็มีความผิดฐานขัดขวางการทำงานของพนักงาน ไม่มีอะไรป็นความผิดเรื่องเล็กๆ ความผิดแบบนี้คนเรามีได้เสมอ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย ตำรวจก็ปฏิบัติงานไปตามหน้าที่เขา
เมื่อถามว่าพฤติกรรมที่ลากตำรวจติดไปกับรถระยะทางกว่า 50 เมตร ซึ่งอุกอาจพอสมควร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นรื่องปกติ ไม่ใหญ่โตอะไรหรอก เมื่อเกิดเหตุขึ้นทุกคนก็ทำไปตามหน้าที่ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้น
เมื่อถามว่าหากตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บมาแจ้งความนั้นเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นบุตรนักการเมืองใหญ่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ก็แค่ปากน้ำ ประเด็นไม่มีอะไร ลูกใคร พ่อใครก็ว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันตำรวจก็ทำหน้าที่เต็มที่อยู่แล้ว เรื่องต่างๆเหล่านี้อย่าไปคิดเป็นเรื่องใหญ่ เป็นนิสัยของคนธรรมดาที่บางคนเป็น แต่คนส่วนใหญ่ไม่เป็นกัน ไม่มีอะไรมาก
เวลา 11.00 น.ที่ สน.มักกะสัน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบรูณ์ ผบก.น.1 ได้เรียกประชุมโดยมี พ.ต.อ.จีรศักดิ์ คำคง ผกก.สน.มักกะสัน พ.ต.ท.วิชานนท์ นิติกุล รอง ผกก.สส.สน.มักกะสัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.มานิต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนออกหมายเรียกเรียบร้อยแล้ว หลังจากการสอบสวน ส.ต.ต.ปรารภ ให้การยืนยันว่า ถูกนายชนม์สวัสดิ์ กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยให้ลูกน้อง 2 คน มาล็อคคอ เข้าไปในปั๊มน้ำมัน และโชว์รูมขายรถ ภายหลังจากที่ขอตรวจวัดปริมาณแอลกลอฮอล์ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกตัว นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 350/3 ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน ปรับไม่เกิน 500 บาท และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3,000 บาท
ส่วนชายฉกรรจ์ 2 คนลูกน้องนายชนม์สวัสดิ์ ที่เข้ามาล็อคตัว กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าเป็นใครและจะทำการออกหมายเรียกตัว เพื่อมาให้ปากคำ ด้านผู้หญิงที่นั่งมาด้วยในรถ 3 คน ซึ่งคนที่นั่งมาด้านหน้ากับนายชนม์สวสัดิ์ เป็นนางแบบชื่อดัง พนักงานสอบสวนคาดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงไม่มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 15.30 น.นายแพทย์แท้จริง ศิริพาณิชย์ เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมสมาชิก 2-3 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จรัญ ชิตะปัญญา รองผบก.น.1 พ.ต.อ.จิระศักดิ์ ขำคง ผกก.สน.มักกะสัน และส.ต.ท.ปรารภ แสงนิล เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่ถูกนายชนม์สวักดิ์ ทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้กำลังใจ และมอบของที่ระลึกให้ในการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน ส.ต.ท.ปรารถ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำตามหน้าที่ โดยขอยืนยันว่า จะดำเนินคดีในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด แต่ก็กลัวถูกกลั่นแกล้งเช่นกัน เพราะในคืนที่เกิดเหตุ ก็ถูกนายชนม์สวัสดิ์ ข่มขู่ไว้ว่า หากตนเป็นอะไรไป ตัวเขาไม่เกี่ยวด้วย
ด้าน นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้กลับจากการเที่ยวเตร่ กินเหล้าเมาสุรา เนื่องจากขณะนั้นอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด และสวมรองเท้าแตะ จะไปเที่ยวได้อย่างไร โดยได้ขับรถผ่านด่านตรวจมาแล้ว แต่ ส.ต.ท.ปรารภ ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย และโบกให้จอด ในขณะที่หัวรถได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นบ้านพักไปแล้ว จึงได้ลดกระจกลง และบอกไปว่า "พี่ ผมกำลังจะเข้าบ้าน" โดยไม่ได้มีการพูดจาที่ปรากฏในข่าวว่า "มึงเป็นใคร ไม่รู้หรือกูลูกใคร" แต่อย่างใด เนื่องจากด้วยหน้าที่การงาน ประกอบกับนิสัยส่วนตัว จึงไม่มีความจำเป็นต้องพูดเช่นนั้น
"ผมจะเข้าบ้านอยู่แล้ว เขาบอกให้จอด ซึ่งในใจขณะนั้นคิดว่า เลยด่านมาแล้ว และกำลังจะเข้าบ้าน เขาก็พยายามผลัก พยายามดันให้ผมไปยังจุดตรวจ จะพูดอย่างไรก็ไม่ยอม จะผลักผมตลอดเวลา ผมมีภาพจากกล้องซีซีทีวี (กล้องวงจรปิด) ที่ติดอยู่ในบ้าน เป็นหลักฐานที่จะเปิดให้สื่อดู ว่าผมไปเตะต้องตัวเขาหรือไม่ ผมมีภาพจับตลอดเวลาที่หน้าบ้าน ตั้งแต่เวลาเกิดเหตุ จนถึงเลี้ยวรถเข้าบ้าน เป็นชั่วโมง ขอให้ดูภาพ และขอให้ไปเปิดดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีการตัดต่อ"
ส่วนเรื่องนางแบบ อยู่ภายในรถ นายชนม์สวัสดิ์ ปฎิเสธว่า ไม่เป็นความจริง โดยบอกว่า มีแต่เพื่อนที่ไปกินข้าว ทั้งนี้ พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และหากตำรวจมีหมายเรียกมาก็พร้อมที่จะไปให้การ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนเรื่องฟ้องกลับ ไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้อง
เมื่อถามว่าพฤติกรรมที่ลากตำรวจติดไปกับรถระยะทางกว่า 50 เมตร ซึ่งอุกอาจพอสมควร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นรื่องปกติ ไม่ใหญ่โตอะไรหรอก เมื่อเกิดเหตุขึ้นทุกคนก็ทำไปตามหน้าที่ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้น
เมื่อถามว่าหากตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บมาแจ้งความนั้นเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นบุตรนักการเมืองใหญ่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ก็แค่ปากน้ำ ประเด็นไม่มีอะไร ลูกใคร พ่อใครก็ว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันตำรวจก็ทำหน้าที่เต็มที่อยู่แล้ว เรื่องต่างๆเหล่านี้อย่าไปคิดเป็นเรื่องใหญ่ เป็นนิสัยของคนธรรมดาที่บางคนเป็น แต่คนส่วนใหญ่ไม่เป็นกัน ไม่มีอะไรมาก
เวลา 11.00 น.ที่ สน.มักกะสัน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบรูณ์ ผบก.น.1 ได้เรียกประชุมโดยมี พ.ต.อ.จีรศักดิ์ คำคง ผกก.สน.มักกะสัน พ.ต.ท.วิชานนท์ นิติกุล รอง ผกก.สส.สน.มักกะสัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.มานิต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนออกหมายเรียกเรียบร้อยแล้ว หลังจากการสอบสวน ส.ต.ต.ปรารภ ให้การยืนยันว่า ถูกนายชนม์สวัสดิ์ กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยให้ลูกน้อง 2 คน มาล็อคคอ เข้าไปในปั๊มน้ำมัน และโชว์รูมขายรถ ภายหลังจากที่ขอตรวจวัดปริมาณแอลกลอฮอล์ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกตัว นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 350/3 ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน ปรับไม่เกิน 500 บาท และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3,000 บาท
ส่วนชายฉกรรจ์ 2 คนลูกน้องนายชนม์สวัสดิ์ ที่เข้ามาล็อคตัว กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าเป็นใครและจะทำการออกหมายเรียกตัว เพื่อมาให้ปากคำ ด้านผู้หญิงที่นั่งมาด้วยในรถ 3 คน ซึ่งคนที่นั่งมาด้านหน้ากับนายชนม์สวสัดิ์ เป็นนางแบบชื่อดัง พนักงานสอบสวนคาดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงไม่มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 15.30 น.นายแพทย์แท้จริง ศิริพาณิชย์ เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมสมาชิก 2-3 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จรัญ ชิตะปัญญา รองผบก.น.1 พ.ต.อ.จิระศักดิ์ ขำคง ผกก.สน.มักกะสัน และส.ต.ท.ปรารภ แสงนิล เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่ถูกนายชนม์สวักดิ์ ทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้กำลังใจ และมอบของที่ระลึกให้ในการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน ส.ต.ท.ปรารถ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำตามหน้าที่ โดยขอยืนยันว่า จะดำเนินคดีในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด แต่ก็กลัวถูกกลั่นแกล้งเช่นกัน เพราะในคืนที่เกิดเหตุ ก็ถูกนายชนม์สวัสดิ์ ข่มขู่ไว้ว่า หากตนเป็นอะไรไป ตัวเขาไม่เกี่ยวด้วย
ด้าน นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้กลับจากการเที่ยวเตร่ กินเหล้าเมาสุรา เนื่องจากขณะนั้นอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด และสวมรองเท้าแตะ จะไปเที่ยวได้อย่างไร โดยได้ขับรถผ่านด่านตรวจมาแล้ว แต่ ส.ต.ท.ปรารภ ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย และโบกให้จอด ในขณะที่หัวรถได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นบ้านพักไปแล้ว จึงได้ลดกระจกลง และบอกไปว่า "พี่ ผมกำลังจะเข้าบ้าน" โดยไม่ได้มีการพูดจาที่ปรากฏในข่าวว่า "มึงเป็นใคร ไม่รู้หรือกูลูกใคร" แต่อย่างใด เนื่องจากด้วยหน้าที่การงาน ประกอบกับนิสัยส่วนตัว จึงไม่มีความจำเป็นต้องพูดเช่นนั้น
"ผมจะเข้าบ้านอยู่แล้ว เขาบอกให้จอด ซึ่งในใจขณะนั้นคิดว่า เลยด่านมาแล้ว และกำลังจะเข้าบ้าน เขาก็พยายามผลัก พยายามดันให้ผมไปยังจุดตรวจ จะพูดอย่างไรก็ไม่ยอม จะผลักผมตลอดเวลา ผมมีภาพจากกล้องซีซีทีวี (กล้องวงจรปิด) ที่ติดอยู่ในบ้าน เป็นหลักฐานที่จะเปิดให้สื่อดู ว่าผมไปเตะต้องตัวเขาหรือไม่ ผมมีภาพจับตลอดเวลาที่หน้าบ้าน ตั้งแต่เวลาเกิดเหตุ จนถึงเลี้ยวรถเข้าบ้าน เป็นชั่วโมง ขอให้ดูภาพ และขอให้ไปเปิดดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีการตัดต่อ"
ส่วนเรื่องนางแบบ อยู่ภายในรถ นายชนม์สวัสดิ์ ปฎิเสธว่า ไม่เป็นความจริง โดยบอกว่า มีแต่เพื่อนที่ไปกินข้าว ทั้งนี้ พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และหากตำรวจมีหมายเรียกมาก็พร้อมที่จะไปให้การ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนเรื่องฟ้องกลับ ไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้อง