xs
xsm
sm
md
lg

“วิชัย” เล็งซื้อบริษัทใหม่ยันไม่ทิ้งลงทุนตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - “วิชัย ทองแตง” ระบุการเทกโอเวอร์-ควบรวมกิจการ ถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุน เล็งเทคฯธุรกิจใหม่แตกไลน์ธุรกิจโรงพยาบาล เผยเป็นการลงทุนอย่างเป็นมิตร ย้ำชัดไม่เคยทิ้งการลงทุนในตลาดหุ้น แย้มยังชอบ High risk High return พร้อมปัดไม่อยู่ในก๊วนนักลงทุนรายใหญ่ ด้าน “ประเวศ” ระบุการควบรวมถือว่าเป็นโอกาสของธุรกิจ จี้ต้องดูผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ถือหุ้นด้วย ขณะที่ “ก้องเกียรติ” ติงสังคมไทยยังเป็นเป็นธุรกิจครอบครัว ทำให้เสียโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

นายวิชัย ทองแตง ประธานคณะกรรมการ บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ PYT ในฐานนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวถึงมุมมองการลงทุนภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันว่า ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้ในภาวะที่การแข่งขันในทุกธุรกิจมีความรุนแรงมากขึ้น การปรับตัววิธีหนึ่ง คือ การดึงพันธมิตรหรือหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทำงาน หรืออาจจะต้องไปควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นๆเพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองเห็นประโยชน์ของการควบรวมกิจการหรือการเทคโอเวอร์กิจการค่อนข้างมาก เพราะนอกเหนือจากเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เห็นถึงโอกาสในการเข้ามาพลิกฟื้นธุรกิจที่เหมือนเป็นขยะเน่าที่ไม่มีใครต้องการแล้ว ขณะเดียวกันโอกาสในการเข้ามาพลิกฟื้นธุรกิจให้กับผู้ที่มีปัญหาก็เป็นการเพิ่มทางรอดให้กับผู้ประกอบการอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยในด้านอื่นๆจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้

“การเข้ามาแก้ปัญหาโดยเฉพาะปัญหาทางการเงิน ของธุรกิจที่ยังมีอนาคตถือว่าเป็นงานถนัดของผม ทุกครั้งที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจมักจะมีธุรกิจที่มีปัญหาให้เราเข้ามาพลิกฟื้นโอกาสกลับมาเสมอ”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยการเลือกธุรกิจที่จะเข้าลงทุนส่วนตัวจะมองโอกาสในการบริหารงานและโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจเป็นหลัก และทั้งหมดจะเป็นการเจรจาในลักษณะเป็นมิตรโดยจะไม่เป็นการเป็นเข้าซื้อกิจการแบบที่ผู้บริหารหรือเจ้าของเดิมไม่รู้ตัวเพื่อไม่ให้มีปัญหาในเรื่องการบริหารงาน

นายวิชัย กล่าวถึงข้อสงสัยของนักลงทุนต่อการกลับเข้ามาลงทุนของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาว่า ยืนยันได้ว่าตนเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเลย เพราะหุ้นส่วนใหญ่ที่ลงทุนจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มที่มีพื้นฐานดี ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งปัจจุบันยังมีต้นทุนบางส่วนในราคาไอพีโอ หรือหุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในบางส่วนก็ยังเน้นการลงทุนแบบ High risk High return เพราะส่วนตัวมองว่าการรู้จักความเสี่ยงที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าท้ายเพราะสามารถทำให้ผู้ที่รู้ได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูง นอกจากนี้ยังมองถึงสภาพคล่องของหุ้นที่จะซื้อขายประกอบด้วย

"ผมไม่เคยทิ้งการลงทุนในตลาดหุ้นเลย แต่ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมาผมชะลอการลงทุนไปค่อนข้างมากจะมีลงทุนบ้างก็เล็กน้อย ช่วงนั้นผมมองว่าปัญหาหนี้เน่าจะกลับมาเป็นปัญหาให้กับประเทศอีกครั้ง การบริหารงานของผมจะเน้นการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเองด้วย" นายวิชัย กล่าวอีกว่า

ปัญหาในเรื่องมุมมองของนักลงทุน ของประชาชนต่อภาพลักษณ์ที่เคยถูกมองเป็นบุคคลใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะถูกยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นโดยตลอด ซึ่งผมก็ยืนยันมาโดยตลอดเช่นกันว่าการเข้ามาทำธุรกิจเป็นความคิดของครอบครัวและส่วนตัว ไม่ได้มีการใช้ความเป็นบุคคลที่เคยใกล้ชิดกอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงไม่ได้เป็นนอมินีใครนายประเวศ องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การควบรวมกิจการ หรือ การเทคโอเวอร์กิจการ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดในเชิงธุรกิจเนื่องจากถือว่าเป็นโอกาสของภาคธุรกิจที่จะช่วยในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเด็นที่ถือว่าสำคัญที่สุดในการควบรวมกิจการหรือการเทคโอเวอร์กิจการ คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นของบริษัท ถ้าหากบริษัทมีการเตรียมความพร้อมมีการศึกษาถึงประโยชน์และผลเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านแล้วพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นการควบรวมกิจการนั่นๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า แนวคิดของนักธุรกิจไทยจำนวนมากยังคงยึดติดกับการเป็นเจ้าของบริษัท การมีสิทธิ์ขาดในการบริหารงานจึงทำให้โอกาสในการควบรวมกิจการเพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้นได้ยาก การบริหารงานในลักษณะครอบครัวของบริษัทในไทยทำให้การเข้ามาสร้างโอกาสในการต่อยอดทำได้ยากขึ้น

ทั้งนี้ หากพิจารณาการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ การสร้างมูลค่าให้บริษัทแล้วนำบริษัทดังกล่าวขายเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากการขายบริษัทนั้นๆอยู่ในช่วงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมูลค่าของบริษัทดังกล่าวก็จะสูงตามไปด้วย

"มีหลายครั้งที่คนไทยรู้สึกว่าเสียหน้าหากต้องขายกิจการไป แต่ในความจริงแล้วการปั้นธุรกิจแล้วขายในช่วงที่สูงสุดของธุรกิจจริงๆแล้วเป็นโอกาสที่มากกว่าการทำธุรกิจต่อไป" นายก้องเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น