บอร์ด ทอท.ตั้งคณะทำงานเตรียมฟ้องดำเนินคดี คิงเพาเวอร์ ออกนอกพื้นที่ หลังส่งหนังสือแจ้งโมฆะแล้วยังไม่มีการตอบกลับ และคณะทำงานเตรียมฟ้องคุ้มครองกรณี รันเวย์และแท็กซี่เวย์ชำรุด เพื่อหาผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย ขณะที่ 1 เดือนประเมินผลล็อกซเล่ย์ไม่ผ่านเกณฑ์ บอร์ดให้เวลาถึง 15 ก.ค. ไม่ดีขึ้นเลิกสัญญา
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมที่มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นประธานวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ฝ่ายบริหารทอท.ตั้งคณะทำงานเตรียมการดำเนินคดีกับบริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี และคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ ภายหลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแจ้งเรื่องสัญญาเป็นโมฆะไปแล้ว เพื่อดำเนินการให้คิงเพาเวอร์ออกจากพื้นที่ภายในเวลาอันสมควร ซึ่งคณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและนำเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้งรวมทั้งประสานข้อมูลว่า ใครเป็นตัวการที่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะพร้อมกับติดตามการตรวจสอบสัญญาคิงเพาเวอร์ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) และคณะกรรมการตรวจสอบการที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานด้วย
สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะประกอบด้วย ตัวแทนจาก ทอท. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านพื้นที่ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายการเงิน ส่วนตัวแทนจากอัยการ ประกอบด้วยอัยการฝ่ายคดีแพ่ง อัยการฝ่ายสัญญาและอัยการฝ่ายคดีปกครอง
นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแจ้งสัญญาเป็นโมฆะไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคิงเพาเวอร์ จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการเตรียมการดำเนินคดีขึ้นมาตามข้อเสนอแนะของนายคัมภีร์ แก้วเจริญ อัยการอาวุโส ซึ่งเป็นกรรมการ ทอท.เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินคดีต่อไป และยังเป็นการป้องกันการกล่าวหาว่าบอร์ดมีมติออกมาแล้วแต่ไม่ดำเนินการใดๆส่วนที่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนนั้นทางคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมซึ่งจะมีผลต่อขั้นตอนของการฟ้องร้องต่อไปด้วย
ส่วนการปรับปรุงรื้อย้ายร้านค้าที่กีดขวางและกระทบกับความปลอดภัยในการใช้สนามบินของผู้โดยสาร ประมาณ 20 จุด ภายใน 30 วัน นั้น ฝ่ายบริหารได้รายงานบอร์ดว่ามีการรื้อย้ายไปแล้วบางส่วน ซึ่งพบว่า พื้นที่ที่มีการปรับปรุงไปแล้วบางส่วนยังไม่น่าพอใจ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม นอกจากนื้ ทอท.จะประสานกับสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.) เพื่อสำรวจพื้นที่ร้านค้าที่กระทบกับความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อแจ้งให้คิงเพาเวอร์ปรับปรุง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ฝ่ายบริหารทอท.แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการดำเนินคดีกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางวิ่งทางขับของสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะระยะเวลาคุ้มครองจะสิ้นสุดลงภายในเดือน ต.ค.นี้โดยจะมีหน้าที่หลักในพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการเอาผิดกับฝ่ายใดบ้างจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมงานจากนั้นให้ดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเป็นการคุ้มครองหรืออาจนำไปสู่การพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการเพราะจะเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมพื้นผิวที่เกิดขึ้นว่าฝ่ายใดจะต้องรับผิดชอบในส่วนใดบ้าง
สำหรับการประเมินผลการทำงานของกลุ่มบริษัทบริษัทล็อกซเล่ย์ ไอซีทีเอสคอนซอร์เตียม ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานในสัญญาจ้างให้บริการรักษาความปลอดภัย สนามบินสุวรรณภูมิในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คณะกรรมการประเมินผลรายงานว่า ผลงานยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ ดังนั้นบอร์ดจึงมีมติให้เวลาในการปรับปรุงคุณภาพอีกจนถึงวันที่ 15 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย หากประเมินแล้วพบว่าคุณภาพยังไม่ดีขึ้น ก็จะบอกเลิกสัญญา
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมที่มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นประธานวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ฝ่ายบริหารทอท.ตั้งคณะทำงานเตรียมการดำเนินคดีกับบริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี และคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ ภายหลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแจ้งเรื่องสัญญาเป็นโมฆะไปแล้ว เพื่อดำเนินการให้คิงเพาเวอร์ออกจากพื้นที่ภายในเวลาอันสมควร ซึ่งคณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและนำเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้งรวมทั้งประสานข้อมูลว่า ใครเป็นตัวการที่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะพร้อมกับติดตามการตรวจสอบสัญญาคิงเพาเวอร์ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) และคณะกรรมการตรวจสอบการที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานด้วย
สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะประกอบด้วย ตัวแทนจาก ทอท. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านพื้นที่ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายการเงิน ส่วนตัวแทนจากอัยการ ประกอบด้วยอัยการฝ่ายคดีแพ่ง อัยการฝ่ายสัญญาและอัยการฝ่ายคดีปกครอง
นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแจ้งสัญญาเป็นโมฆะไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคิงเพาเวอร์ จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการเตรียมการดำเนินคดีขึ้นมาตามข้อเสนอแนะของนายคัมภีร์ แก้วเจริญ อัยการอาวุโส ซึ่งเป็นกรรมการ ทอท.เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินคดีต่อไป และยังเป็นการป้องกันการกล่าวหาว่าบอร์ดมีมติออกมาแล้วแต่ไม่ดำเนินการใดๆส่วนที่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนนั้นทางคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมซึ่งจะมีผลต่อขั้นตอนของการฟ้องร้องต่อไปด้วย
ส่วนการปรับปรุงรื้อย้ายร้านค้าที่กีดขวางและกระทบกับความปลอดภัยในการใช้สนามบินของผู้โดยสาร ประมาณ 20 จุด ภายใน 30 วัน นั้น ฝ่ายบริหารได้รายงานบอร์ดว่ามีการรื้อย้ายไปแล้วบางส่วน ซึ่งพบว่า พื้นที่ที่มีการปรับปรุงไปแล้วบางส่วนยังไม่น่าพอใจ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม นอกจากนื้ ทอท.จะประสานกับสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.) เพื่อสำรวจพื้นที่ร้านค้าที่กระทบกับความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อแจ้งให้คิงเพาเวอร์ปรับปรุง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ฝ่ายบริหารทอท.แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการดำเนินคดีกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางวิ่งทางขับของสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะระยะเวลาคุ้มครองจะสิ้นสุดลงภายในเดือน ต.ค.นี้โดยจะมีหน้าที่หลักในพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการเอาผิดกับฝ่ายใดบ้างจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนของผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมงานจากนั้นให้ดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเป็นการคุ้มครองหรืออาจนำไปสู่การพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการเพราะจะเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมพื้นผิวที่เกิดขึ้นว่าฝ่ายใดจะต้องรับผิดชอบในส่วนใดบ้าง
สำหรับการประเมินผลการทำงานของกลุ่มบริษัทบริษัทล็อกซเล่ย์ ไอซีทีเอสคอนซอร์เตียม ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานในสัญญาจ้างให้บริการรักษาความปลอดภัย สนามบินสุวรรณภูมิในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คณะกรรมการประเมินผลรายงานว่า ผลงานยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ ดังนั้นบอร์ดจึงมีมติให้เวลาในการปรับปรุงคุณภาพอีกจนถึงวันที่ 15 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย หากประเมินแล้วพบว่าคุณภาพยังไม่ดีขึ้น ก็จะบอกเลิกสัญญา