แอมเวย์ ลั่นฆ้องสู่ทศวรรษที่ 3 เปลี่ยนถ่ายสู่ยุคโตจากฐานที่มั่นคง เมินเศรษฐกิจไทยตกสะเก็ด ตั้งเป้า 5 ปี รายได้โตกว่าเท่าตัว ปี 2555 ยอดขายแตะ 2 หมื่นล้านบาท ควัก 3 สูตร “ผู้บริโภค-กิจกรรม-นวัตกรรม” พร้อมควงพันธมิตรสู่เป้า หวั่นธุรกิจขายตรงซบ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 9,710 เท่ากับปีที่แล้ว โอดรายได้ปีนี้มีสิทธิ์ลดลงเหมือนปี 2548
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจสำหรับบริษัทในช่วงก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 วางเป้าหมายสร้างรายได้เติบโตกว่าหนึ่งเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2555 มีรายได้เกือบ 20,000ล้านบาท โดยได้วางกลยุทธ์เพื่อการเติบโต 3 ประการ ประกอบด้วย ประการแรก คือ การมุ่งเน้นทุ่มเทศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในทุกๆด้าน เพื่อนำมาแปรเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองตรงตามความต้องการของลูกค้า
ประการที่สอง คือ การมีกิจกรรมและแผนงาน มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์และประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจแอมเวย์ และผลิตภัณฑ์แอมเวย์ได้หลายช่องทางอย่างง่ายดายและทั่วถึง รวมถึงสนับสนุนให้องค์กรนักธุรกิจแอมเวย์ขยายตัวอย่างมั่นคง และประการท้ายสุด คือ การมีนวัตกรรมทั้งตัวสินค้าและการร่วมกับพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการทำงานด้วยกันทุกๆหน่วยงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
“แอมเวย์ทั่วโลกได้ตั้งเป้าการเติบโตในลักษณะเดียวกับประเทศไทย แม้ว่าขณะนี้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะไม่ดีนัก อีกทั้งภาพลักษณ์ของธุรกิจในสายตาผู้บริโภคยังไม่ดี แต่แอมเวย์มั่นใจว่าธุรกิจขายตรงยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาก”
นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่บริษัทมีความเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามแผนดำเนินการตลาดของบริษัทมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบันบริษัทมีการสร้างรากฐาน ไว้อย่างมั่นคง ภายใต้การดำเนินกลยุทธ์ในช่วงทศวรรษที่ 1 คือ ปากต่อปากจากสินค้า 7 รายการ และสร้างอาชีพอิสระแอมเวย์ ส่งผลให้มีรายได้ 61 ล้านบาท นักธุรกิจแอมเวย์ 11,659 คน และ5ปีเพิ่มเป็น 1,054 ล้านบาท
ส่วนทศวรรษที่ 2 ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคผ่านการแนะนำผลิตภัณฑ์หลากหลายรายการ กระทั่งแอมเวย์มีความโดดเด่นสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ขณะที่ทศวรรษที่ 3 เป็นยุคเปลี่ยนถ่ายจากรากฐานที่วางไว้อย่างแข็งแกร่ง จากการมีจำนวนสมาชิกหรือลูกค้าประจำของแอมเวย์มี 440,000 ราย และเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 9,710 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดบริษัทยังคงมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม รวมถึงการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้วางงบการตลาด 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาใช้ 60 ล้านบาท ล่าสุดแอมเวย์จัด“งานแสดงสินค้าแอมเวย์และการประชุมระดับชาติ 2550” ต้นแบบเอ็กซ์โปขายตรงระดับชาติ วันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 60,000 คน
ภาวะตลาดธุรกิจขายตรงในช่วงไตรมาสแรกสภาพใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนในช่วงไตรมาสสองปีนี้ ตลาดมีโอกาสตกลง เนื่องจากเข้าสู่โลว์ซีซัน โดยตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์และในช่วงเดือนพฤษภาคมโรงเรียนเปิดเทอม ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนทั้งปีคาดว่าธุรกิจขายตรงจะไม่มีอัตราการเติบโตมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเท่ากับปีที่ผ่านมา 9,710 ล้านบาท หรือไม่มีอัตราการเติบโต อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่รายได้ในปีนี้จะเหมือนกับปี 2548 คือ ผลประกอบการตกลง ย้อนหลังไปเมื่อปี 2547 บริษัทมีรายได้ 9,280 ล้านบาท และมีปี 2548 รายได้ลดลง 8,990 ล้านบาท ลดลง 3%
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจสำหรับบริษัทในช่วงก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 วางเป้าหมายสร้างรายได้เติบโตกว่าหนึ่งเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2555 มีรายได้เกือบ 20,000ล้านบาท โดยได้วางกลยุทธ์เพื่อการเติบโต 3 ประการ ประกอบด้วย ประการแรก คือ การมุ่งเน้นทุ่มเทศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในทุกๆด้าน เพื่อนำมาแปรเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองตรงตามความต้องการของลูกค้า
ประการที่สอง คือ การมีกิจกรรมและแผนงาน มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์และประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจแอมเวย์ และผลิตภัณฑ์แอมเวย์ได้หลายช่องทางอย่างง่ายดายและทั่วถึง รวมถึงสนับสนุนให้องค์กรนักธุรกิจแอมเวย์ขยายตัวอย่างมั่นคง และประการท้ายสุด คือ การมีนวัตกรรมทั้งตัวสินค้าและการร่วมกับพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการทำงานด้วยกันทุกๆหน่วยงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
“แอมเวย์ทั่วโลกได้ตั้งเป้าการเติบโตในลักษณะเดียวกับประเทศไทย แม้ว่าขณะนี้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะไม่ดีนัก อีกทั้งภาพลักษณ์ของธุรกิจในสายตาผู้บริโภคยังไม่ดี แต่แอมเวย์มั่นใจว่าธุรกิจขายตรงยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาก”
นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่บริษัทมีความเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามแผนดำเนินการตลาดของบริษัทมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบันบริษัทมีการสร้างรากฐาน ไว้อย่างมั่นคง ภายใต้การดำเนินกลยุทธ์ในช่วงทศวรรษที่ 1 คือ ปากต่อปากจากสินค้า 7 รายการ และสร้างอาชีพอิสระแอมเวย์ ส่งผลให้มีรายได้ 61 ล้านบาท นักธุรกิจแอมเวย์ 11,659 คน และ5ปีเพิ่มเป็น 1,054 ล้านบาท
ส่วนทศวรรษที่ 2 ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคผ่านการแนะนำผลิตภัณฑ์หลากหลายรายการ กระทั่งแอมเวย์มีความโดดเด่นสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ขณะที่ทศวรรษที่ 3 เป็นยุคเปลี่ยนถ่ายจากรากฐานที่วางไว้อย่างแข็งแกร่ง จากการมีจำนวนสมาชิกหรือลูกค้าประจำของแอมเวย์มี 440,000 ราย และเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 9,710 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดบริษัทยังคงมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม รวมถึงการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้วางงบการตลาด 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาใช้ 60 ล้านบาท ล่าสุดแอมเวย์จัด“งานแสดงสินค้าแอมเวย์และการประชุมระดับชาติ 2550” ต้นแบบเอ็กซ์โปขายตรงระดับชาติ วันที่ 12-13 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 60,000 คน
ภาวะตลาดธุรกิจขายตรงในช่วงไตรมาสแรกสภาพใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนในช่วงไตรมาสสองปีนี้ ตลาดมีโอกาสตกลง เนื่องจากเข้าสู่โลว์ซีซัน โดยตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์และในช่วงเดือนพฤษภาคมโรงเรียนเปิดเทอม ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนทั้งปีคาดว่าธุรกิจขายตรงจะไม่มีอัตราการเติบโตมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเท่ากับปีที่ผ่านมา 9,710 ล้านบาท หรือไม่มีอัตราการเติบโต อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่รายได้ในปีนี้จะเหมือนกับปี 2548 คือ ผลประกอบการตกลง ย้อนหลังไปเมื่อปี 2547 บริษัทมีรายได้ 9,280 ล้านบาท และมีปี 2548 รายได้ลดลง 8,990 ล้านบาท ลดลง 3%