วานนี้(30 เม.ย.)สำนักราชเลขาธิการ ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด ที่ รล 0009.3/8879 ลงนามโดย นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ลงวันที่ 30 เม.ย.50 ถึงกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เพื่อชี้แจงรายการยามเฝ้าแผ่นดิน วันศุกร์ที่ 27 เม.ย.50
เนื้อความในหนังสือดังกล่าว อ้างถึงการจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทาง เอเอสทีวี เมื่อวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.50 โดยในตอนหนึ่ง นายสนธิ ได้ตั้งคำถามถึงนายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ กรณีเกิดความล่าช้าในขั้นตอนการกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
หนังสือสำนักราชเลขาธิการ ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวสรุปได้ว่า การดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายทุกฉบับ สำนักราชเลขาธิการถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เมื่อได้รับเรื่องแล้วจะรีบตรวจสอบพิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอที่ประชุมองคมนตรีทุกวันอังคาร เพื่อพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริ เมื่อคณะองคมนตรีพิจารณาแล้วจะส่งเรื่องให้ราชเลขาธิการ ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพิจารณาโดยทันที เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
กรณีร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำนักราชเลขาธิการได้รับเรื่องจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เม.ย.50 เวลา 14.46 น. และได้ตรวจสอบพิจารณากลั่นกรองร่างกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ก่อนเสนอคณะองคมนตรีพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริเมื่อวันที่ 10 เม.ย.50 และนำเรื่องกราบเรียนประธานองคมนตรี วันที่ 11 เม.ย.50
หลังจากนั้น เป็นวันหยุดสงกรานต์ ต่อมาราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพิจารณาและทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย.50 และพระราชทานคืนวันที่ 23 เม.ย.50 สำนักราชเลขาธิการได้เชิญ พ.ร.บ.ดังกล่าวคืนสำนักเลขาธิการ ครม.เมื่อวันอังคารที่ 24 เม.ย.50
หนังสือสำนักราชเลขาธิการ ชี้แจงอีกว่า ในกรณีดังกล่าวสำนักราชเลขาธิการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว มิได้มีการล่าช้า หรือชะลอเรื่องแต่ประการใด การพูดของนายสนธิ ทำให้ประชาชนที่ได้ดูการถ่ายทอดรายการดังกล่าวเข้าใจผิดว่า นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการและสำนักราชเลขาธิการ ใช้อำนาจหน้าที่ดึงเรื่องที่เป็นกฎหมายของชาติ ไม่ยอมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงพิจารณาทรงลงพระปรมาภิไธย และราชเลขาธิการช่วยเหลือ นายพงศ์ สารสิน พี่ชาย ในกรณีนอมินี ของหุ้นเทมาเส็ก ทั้งๆที่ตำแหน่งราชเลขาธิการนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนอมินีของหุ้นเทมาเส็กแต่ประการใด้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ สำนักราชเลขาธิการ ได้ขอให้นายสนธิ ออกอากาศทางเอเอสทีวี รายการยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบโดยด่วน และให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทุกแขนงได้รับทราบ
เนื้อความในหนังสือดังกล่าว อ้างถึงการจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทาง เอเอสทีวี เมื่อวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.50 โดยในตอนหนึ่ง นายสนธิ ได้ตั้งคำถามถึงนายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ กรณีเกิดความล่าช้าในขั้นตอนการกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
หนังสือสำนักราชเลขาธิการ ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวสรุปได้ว่า การดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายทุกฉบับ สำนักราชเลขาธิการถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เมื่อได้รับเรื่องแล้วจะรีบตรวจสอบพิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอที่ประชุมองคมนตรีทุกวันอังคาร เพื่อพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริ เมื่อคณะองคมนตรีพิจารณาแล้วจะส่งเรื่องให้ราชเลขาธิการ ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพิจารณาโดยทันที เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
กรณีร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำนักราชเลขาธิการได้รับเรื่องจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เม.ย.50 เวลา 14.46 น. และได้ตรวจสอบพิจารณากลั่นกรองร่างกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ก่อนเสนอคณะองคมนตรีพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริเมื่อวันที่ 10 เม.ย.50 และนำเรื่องกราบเรียนประธานองคมนตรี วันที่ 11 เม.ย.50
หลังจากนั้น เป็นวันหยุดสงกรานต์ ต่อมาราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพิจารณาและทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย.50 และพระราชทานคืนวันที่ 23 เม.ย.50 สำนักราชเลขาธิการได้เชิญ พ.ร.บ.ดังกล่าวคืนสำนักเลขาธิการ ครม.เมื่อวันอังคารที่ 24 เม.ย.50
หนังสือสำนักราชเลขาธิการ ชี้แจงอีกว่า ในกรณีดังกล่าวสำนักราชเลขาธิการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว มิได้มีการล่าช้า หรือชะลอเรื่องแต่ประการใด การพูดของนายสนธิ ทำให้ประชาชนที่ได้ดูการถ่ายทอดรายการดังกล่าวเข้าใจผิดว่า นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการและสำนักราชเลขาธิการ ใช้อำนาจหน้าที่ดึงเรื่องที่เป็นกฎหมายของชาติ ไม่ยอมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงพิจารณาทรงลงพระปรมาภิไธย และราชเลขาธิการช่วยเหลือ นายพงศ์ สารสิน พี่ชาย ในกรณีนอมินี ของหุ้นเทมาเส็ก ทั้งๆที่ตำแหน่งราชเลขาธิการนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนอมินีของหุ้นเทมาเส็กแต่ประการใด้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ สำนักราชเลขาธิการ ได้ขอให้นายสนธิ ออกอากาศทางเอเอสทีวี รายการยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบโดยด่วน และให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทุกแขนงได้รับทราบ