“จาตุรนต์” เตรียมทนายไว้สู้คดีฝ่าฝืนคำสั่ง คปค. รอเพียงหน่วยงานที่รับผิดชอบจะดำเนินการอย่างไร ขณะที่ กกต. มอบอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องของเรียนฯ ชุด “สุวิทย์ ธีระพงษ์” สอบข้อเท็จจริง ให้เสร็จใน 7 วัน ด้าน “ปองพล” ได้ทีซัด “บรรหาร” ทำตัวเหมือนางร้ายในละครกล่าวหา “จาตุรนต์” ท้าท้ายอำนาจ คมช. ระบุทำสนิทกับทหารหวังแค่ให้พรรคปลอดภัย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้ดำเนินคดีฐานทำผิดต่อคำสั่ง คณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และฉบับ27ว่า เวลานี้กำลังรอองค์กรที่เกี่ยวข้อง ที่ คมช.มอบหมายว่าจะดำเนินการอย่างไร ยืนยันว่าพร้อมสู้คดี และได้เตรียมทนายไว้แล้ว มั่นใจว่าการกระทำที่ผ่านมา ไม่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลง ภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้รับหนังสือ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ขอให้ดำเนินการสอบสวนกรณีการจัดประชุมพรรคการเมือง ของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการดำเนินกิจการทางการเมืองในการลงพื้นที่พบประชาชนระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ.ที่ผ่านมาและการแถลงนโยบายพรรคต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เนื่องจากฝ่าฝืนต่อประกาศคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 27 โดยที่ประชุมมีมติให้ประธาน กกต. มอบเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียน และปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่มี นายสุวิทย์ ธีระพงษ์ เป็นประธาน ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้ครบทุกประเด็น ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
ทั้งนี้เนื่องจากกกต.จำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงโดยละเอียดในกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและสมาชิกพรรค ได้ลงพื้นที่พบประชาชนและแถลงนโยบายพรรคดังกล่าว ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง ได้ระบุความผิดไว้หลายระดับทั้งการให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งก็คือประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งเตือนตามมาตรา 27 หากพบว่าการกระทำดังกล่าวไม่รุนแรง หรือส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณาเสนอตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคตามาตรา 66 หากเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดความสงบเรียบร้อย
ด้านนาย ปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะทำงานบริหารจัดการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุถึงการลงพื้นที่ เยี่ยมเยียนประชาชนของนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า เป็นการท้าทายอำนาจคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ว่า การให้สัมภาษณ์ ของนายบรรหาร เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หากดูข้อมูลที่ นายจาตุรนต์แถลงรายละเอียดเมื่อวันที่ 28 ก.พ. จะเห็นว่าไม่ใช่การท้าทายอำนาจ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่ทำทุกอย่างถูกต้องเปิดเผยและยังช่วยพูดสร้างความสมานฉันท์ด้วยซ้ำ แม้แต่ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ยังยอมรับคำชี้แจงของนายจาตุรนต์ว่า ไม่ใช่การท้าทาย แต่นายบรรหาร กลับฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดแล้วมาปรักปรำนายจาตุรนต์ ซึ่งผิดวิสัยของผู้ใหญ่ซึ่งเคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี
“ทำตัวเหมือนกับนางร้ายทางละครทีวี ทั้งๆ ที่เวลาตัวเองไปจังหวัดสุพรรณบุรี ก็ทำเหมือนกันแล้วยังไปจับไม้จับมือลงสัตยาบรรณกับพรรคการเมืองอื่น ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ท่าทีที่ผ่านมานายบรรหารทำตัวเป็นพันธมิตรกับฝ่ายทหาร เพราะคิดว่าตัวเองจะปลอดภัย สมาชิกพรรคชาติไทยก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง ให้ยกเลิกประกาศคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 แต่นายบรรหารกลับบอกให้คงไว้ ก็ไม่รู้ว่าพรรคนี้จะเอาอย่างไรกันแน่”
นายปองพล กล่าวว่า ความผิดพลาดเกิดจากการรายงานข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงจะต้องทำให้ถูกต้องแม่นยำ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจข้อมูลผิดๆ นอกจากนี้ขอให้ คมช.ประกาศให้ชัดเจนว่าสิ่งใดสามารถทำได้หรือทำไม่ได้จะได้ปฏิบัติถูกต้องเหมือนกันทั้งหมด ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนนำไปตีความเข้าข้างตัวเองว่า เป็นเพียงกลุ่มการเมืองไม่ใช่พรรคสามารถทำกิจกรรมได้
“จากการพูดคุยกับอดีตส.ส.ของพรรคต่างก็สนับสนุนนายจาตุรนต์เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพราะเป็นนักการเมืองอาชีพที่เหมาะสมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ประวัติดี เป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลเก่าที่ไม่ถูกตรวจสอบ และเมื่อครั้งที่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่เห็นจะมีรองหัวหน้าพรรคคนใดกล้ารับตำแหน่ง แต่นายจาตุรนต์กล้ายอมรับเราจึงเห็นใจและจะสนับสนุนต่อไป” นายปองพล กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออกเดินสายพบปะประชาชน ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายจาตุรนต์เป็นการรักษาสภาพของ พรรคไทยรักไทยเพื่อนำไปสุ่การเลือกตั้ง เพราะสิ่งที่นายจาตุรนต์ ตัดสินใจไม่ลงพื้นที่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี มีวิจารณญาณที่จะทำให้เกิดความสงบ เรียบร้อยในประเทศขึ้น สิ่งที่นายจาตุรนต์ ทำคิดว่าคงไม่ละเมิดคำสั่งคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เราพิจารณาว่าต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และขณะนี้ตนไม่อยากให้เป็นวาทะตอบโต้กันทางสื่อ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้ดำเนินคดีฐานทำผิดต่อคำสั่ง คณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และฉบับ27ว่า เวลานี้กำลังรอองค์กรที่เกี่ยวข้อง ที่ คมช.มอบหมายว่าจะดำเนินการอย่างไร ยืนยันว่าพร้อมสู้คดี และได้เตรียมทนายไว้แล้ว มั่นใจว่าการกระทำที่ผ่านมา ไม่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลง ภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้รับหนังสือ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ขอให้ดำเนินการสอบสวนกรณีการจัดประชุมพรรคการเมือง ของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการดำเนินกิจการทางการเมืองในการลงพื้นที่พบประชาชนระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ.ที่ผ่านมาและการแถลงนโยบายพรรคต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เนื่องจากฝ่าฝืนต่อประกาศคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 27 โดยที่ประชุมมีมติให้ประธาน กกต. มอบเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียน และปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่มี นายสุวิทย์ ธีระพงษ์ เป็นประธาน ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้ครบทุกประเด็น ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
ทั้งนี้เนื่องจากกกต.จำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงโดยละเอียดในกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและสมาชิกพรรค ได้ลงพื้นที่พบประชาชนและแถลงนโยบายพรรคดังกล่าว ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง ได้ระบุความผิดไว้หลายระดับทั้งการให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งก็คือประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งเตือนตามมาตรา 27 หากพบว่าการกระทำดังกล่าวไม่รุนแรง หรือส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณาเสนอตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคตามาตรา 66 หากเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดความสงบเรียบร้อย
ด้านนาย ปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะทำงานบริหารจัดการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุถึงการลงพื้นที่ เยี่ยมเยียนประชาชนของนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า เป็นการท้าทายอำนาจคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ว่า การให้สัมภาษณ์ ของนายบรรหาร เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หากดูข้อมูลที่ นายจาตุรนต์แถลงรายละเอียดเมื่อวันที่ 28 ก.พ. จะเห็นว่าไม่ใช่การท้าทายอำนาจ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่ทำทุกอย่างถูกต้องเปิดเผยและยังช่วยพูดสร้างความสมานฉันท์ด้วยซ้ำ แม้แต่ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ยังยอมรับคำชี้แจงของนายจาตุรนต์ว่า ไม่ใช่การท้าทาย แต่นายบรรหาร กลับฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดแล้วมาปรักปรำนายจาตุรนต์ ซึ่งผิดวิสัยของผู้ใหญ่ซึ่งเคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี
“ทำตัวเหมือนกับนางร้ายทางละครทีวี ทั้งๆ ที่เวลาตัวเองไปจังหวัดสุพรรณบุรี ก็ทำเหมือนกันแล้วยังไปจับไม้จับมือลงสัตยาบรรณกับพรรคการเมืองอื่น ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ท่าทีที่ผ่านมานายบรรหารทำตัวเป็นพันธมิตรกับฝ่ายทหาร เพราะคิดว่าตัวเองจะปลอดภัย สมาชิกพรรคชาติไทยก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง ให้ยกเลิกประกาศคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 แต่นายบรรหารกลับบอกให้คงไว้ ก็ไม่รู้ว่าพรรคนี้จะเอาอย่างไรกันแน่”
นายปองพล กล่าวว่า ความผิดพลาดเกิดจากการรายงานข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงจะต้องทำให้ถูกต้องแม่นยำ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจข้อมูลผิดๆ นอกจากนี้ขอให้ คมช.ประกาศให้ชัดเจนว่าสิ่งใดสามารถทำได้หรือทำไม่ได้จะได้ปฏิบัติถูกต้องเหมือนกันทั้งหมด ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนนำไปตีความเข้าข้างตัวเองว่า เป็นเพียงกลุ่มการเมืองไม่ใช่พรรคสามารถทำกิจกรรมได้
“จากการพูดคุยกับอดีตส.ส.ของพรรคต่างก็สนับสนุนนายจาตุรนต์เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพราะเป็นนักการเมืองอาชีพที่เหมาะสมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ประวัติดี เป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลเก่าที่ไม่ถูกตรวจสอบ และเมื่อครั้งที่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่เห็นจะมีรองหัวหน้าพรรคคนใดกล้ารับตำแหน่ง แต่นายจาตุรนต์กล้ายอมรับเราจึงเห็นใจและจะสนับสนุนต่อไป” นายปองพล กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออกเดินสายพบปะประชาชน ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายจาตุรนต์เป็นการรักษาสภาพของ พรรคไทยรักไทยเพื่อนำไปสุ่การเลือกตั้ง เพราะสิ่งที่นายจาตุรนต์ ตัดสินใจไม่ลงพื้นที่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี มีวิจารณญาณที่จะทำให้เกิดความสงบ เรียบร้อยในประเทศขึ้น สิ่งที่นายจาตุรนต์ ทำคิดว่าคงไม่ละเมิดคำสั่งคณะปฎิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปัตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เราพิจารณาว่าต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และขณะนี้ตนไม่อยากให้เป็นวาทะตอบโต้กันทางสื่อ