ผอ.ศรีธัญญา การันตี “หมอประกิตเผ่า” ติวเตอร์ดังป่วยทางจิตชนิดหวาดระแวง ล่าสุดถึงกับพกปืน 3 กระบอกสวมเสื้อเกราะ ระบุสามารถหายได้ 70-80 % ด้านทนายความแม่-พี่ชาย-ภรรยายื่นฟ้อง “พ.ต.ท.ฐิติเดช” ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนศาลนัดไต่สวนปล่อยตัวออก รพ.บ้า 2 มี.ค.นี้ ขณะที่อธิบดีกรมสุขภาพจิตทำหนังสือถึง ผบ.ตร. รายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกรุกและคุกคามสิทธิผู้ป่วย
วานนี้ (27 ก.พ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญาพร้อมด้วยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ รศ.นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายส์ฟิสิกส์ ได้เปิดแถลงข้อเท็จจริง โดยกล่าวว่า ญาติผู้ป่วยได้นำตัว นพ.ประกิตเผ่าติดต่อเข้ารับการรักษา และขอคำแนะนำเมื่อวันที่ 19 ก.พ. โดยทาง รพ.ได้ตรวจคนไข้ตามมาตรฐานของโรงพยาบาล มี นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ ระบุไว้ในรายงานการตรวจวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอาการหวาดระแวง และมีความคิดหลงผิด ซึ่งเป็นลักษณะของการเจ็บป่วยทางจิตชนิดหวาดระแวงอาจจะเกิดอันตรายได้จึงรับตัวไว้รักษา
นอจากนั้น ภายหลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเจาะเลือด และทดสอบทางจิตวิทยาได้ผลสอดคล้องกันเป็นหลักฐานสนับสนุนความเจ็บป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมอารมณ์พฤติกรรมได้ โดยได้ให้ยารักษาอาการทางจิตรับประทานวันละ 3-4 ครั้ง ขณะนี้ยังมีอาการทางจิตอยู่ โดยได้รับการดูแลในห้องพิเศษ มีผู้ดูแลใกล้ชิด
“ผลการตรวจผู้ป่วยมีอาการหลงผิด คิดว่าตัวเองมีเวทมนต์ มีอำนาจวิเศษที่สามารถทำลายคนอื่นได้ ผู้ป่วยรายนี้มีอาการทางจิตอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่เบื้องต้นพบสารออกฤทธิ์กระตุ้นทางจิตประสาทจากการตรวจปัสสาวะ เอพฟรีดีน โดยมีค่ามากกว่าคนปกติ 200 เท่า ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยมีลักษณะคล้ายกับเอมเฟตามีน หรือยาบ้า แต่ไม่พบว่ามีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งการรักษาในระยะเวลา 1 เดือน คนไข้จะหายได้ 70-80% หากไม่มีสิ่งใดมากระตุ้น”
ด้าน นพ.ประกิตพันธ์ กล่าวว่า ข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์มีหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ทำให้ตัวเองและครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยน้องชายของตนมีอาการซึม หวาดระแวง ไม่ไว้ใจคนรอบข้างตั้งแต่เดือน ต.ค.2549 คิดว่าถูกภรรยาและครอบครัวปองร้าย ล่าสุดน้องชายพกปืน 3 กระบอกและใส่เสื้อเกราะจึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนเองและญาติ จึงนำตัวเข้าโรงพยาบาล โดยอาการผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่มีกลุ่มลึกลับและผู้ที่อ้างว่าเป็นแฟนสาวชักชวนไปนั่งสมาธิ โดยไม่ทราบว่าบุคคลนั้นอาจมีการเสียผลประโยชน์หรือต้องการทำให้ครอบครัวตนเสื่อมเสียชื่อเสียง
วันเดียวกันเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่ามาไต่สวนเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวจากโรงพยาบาล โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วจึงมีคำสั่งให้ออกหมายเรียก ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่ามาไต่สวนในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง พ.ต.ท.ฐิติเดช พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ตามคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นพ.ประกิตเผ่า ถูกควบคุมตัวเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิตโดยไม่ชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำพยานคือ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี เพื่อนสาวของ นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งมีนายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อน นพ.ประกิตเผ่า ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาได้พบและพูดคุยกับ นพ.ประกิตเผ่า โดยไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าป่วยทางจิต ประกอบกับผู้คุมผู้ป่วยของ รพ.ศรีธัญญา ซึ่งให้ นพ.ประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์ติดต่อกับ น.ส.เปมิกา ก็ให้ปากคำว่า นพ.ประกิตเผ่ายังพูดคุยรู้เรื่อง และไม่แสดงอาการป่วยทางจิตเช่นเดียวกัน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายชูชาติ ศิลปะรัตน์ ทนายความของครอบครัวทมทิตชงค์ พร้อมด้วย รศ.เพลินจิต นางอลิสา และนางประภัสสร ทมทิตชงค์ มารดา ภรรยาและพี่สะใภ้ เดินทางเข้าพบ นพ.เกียรติภูมิ ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา โดย รศ.เพลินจิต กล่าวว่า ทางครอบครัวมีการหารือถึงอาการของ นพ.ประกิตเผ่า ก่อนที่จะนำตัวมารักษาแล้ว ซึ่งเห็นตรงกันว่าอาการไม่ดี จึงได้ขอความร่วมมือกับ สภ.อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ให้อำนวยความสะดวกในการนำตัวมาส่งโรงพยาบาล ไม่คิดว่าจะถูกนำมาเป็นประเด็น
ด้านนางอลิสาภรรยา กล่าวว่า ยืนยันว่าสามีมีอาการป่วยจริง โดยมีอาการหวาดระแวง กลัวว่าจะมีคนมาปองร้าย แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายตนแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดอื่นนั้นขอให้การในชั้นศาล
นายชูชาติกล่าวว่า ได้พิจารณาคำร้องในการขออำนาจศาลเพื่อไต่สวนพิเศษ แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยได้มีการยื่นคัดค้านการไต่สวนฉุกเฉินไว้แล้ว และศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 2 มีนาคม เวลา 09.00 น. เช่นกัน ทั้งนี้ จะยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ฐิติเดช ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย เพราะคำร้องนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น
ขณะที่นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมาว่ามีผู้บุกรุกตึกผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ได้มีบุคคลแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ 2 ราย คือ ร.ต.ท.ไอศูรย์ อินทร พร้อมพวกอีก 1 ราย แจ้งขอเข้าเยี่ยม นพ.ประกิตเผ่า แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่ให้เข้าพบ โดยแจ้งกับบุคคลดังกล่าวว่าญาติได้ของดการเยี่ยมหรือพบกับบุคคลอื่น นอกจากมารดาและพี่ชายเท่านั้น จึงทำให้บุคคลดังกล่าวแสดงกิริยามารยาทพร้อมคำพูดที่ไม่เหมาะสม โดยใช้เครื่องแบบที่แต่งกายมาข่มขู่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล โดยร.ต.ท.ไอศูรย์ อินทร ได้เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยชั้น 1 และ ชั้น 2 พร้อมกับทำการค้นหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะห้ามได้
ทั้งนี้ ทางกรมสุขภาพจิตได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานถึงการบุกรุกและคุกคามสิทธิผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
วานนี้ (27 ก.พ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญาพร้อมด้วยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ รศ.นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายส์ฟิสิกส์ ได้เปิดแถลงข้อเท็จจริง โดยกล่าวว่า ญาติผู้ป่วยได้นำตัว นพ.ประกิตเผ่าติดต่อเข้ารับการรักษา และขอคำแนะนำเมื่อวันที่ 19 ก.พ. โดยทาง รพ.ได้ตรวจคนไข้ตามมาตรฐานของโรงพยาบาล มี นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ ระบุไว้ในรายงานการตรวจวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอาการหวาดระแวง และมีความคิดหลงผิด ซึ่งเป็นลักษณะของการเจ็บป่วยทางจิตชนิดหวาดระแวงอาจจะเกิดอันตรายได้จึงรับตัวไว้รักษา
นอจากนั้น ภายหลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเจาะเลือด และทดสอบทางจิตวิทยาได้ผลสอดคล้องกันเป็นหลักฐานสนับสนุนความเจ็บป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมอารมณ์พฤติกรรมได้ โดยได้ให้ยารักษาอาการทางจิตรับประทานวันละ 3-4 ครั้ง ขณะนี้ยังมีอาการทางจิตอยู่ โดยได้รับการดูแลในห้องพิเศษ มีผู้ดูแลใกล้ชิด
“ผลการตรวจผู้ป่วยมีอาการหลงผิด คิดว่าตัวเองมีเวทมนต์ มีอำนาจวิเศษที่สามารถทำลายคนอื่นได้ ผู้ป่วยรายนี้มีอาการทางจิตอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่เบื้องต้นพบสารออกฤทธิ์กระตุ้นทางจิตประสาทจากการตรวจปัสสาวะ เอพฟรีดีน โดยมีค่ามากกว่าคนปกติ 200 เท่า ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยมีลักษณะคล้ายกับเอมเฟตามีน หรือยาบ้า แต่ไม่พบว่ามีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งการรักษาในระยะเวลา 1 เดือน คนไข้จะหายได้ 70-80% หากไม่มีสิ่งใดมากระตุ้น”
ด้าน นพ.ประกิตพันธ์ กล่าวว่า ข่าวที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์มีหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ทำให้ตัวเองและครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยน้องชายของตนมีอาการซึม หวาดระแวง ไม่ไว้ใจคนรอบข้างตั้งแต่เดือน ต.ค.2549 คิดว่าถูกภรรยาและครอบครัวปองร้าย ล่าสุดน้องชายพกปืน 3 กระบอกและใส่เสื้อเกราะจึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนเองและญาติ จึงนำตัวเข้าโรงพยาบาล โดยอาการผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่มีกลุ่มลึกลับและผู้ที่อ้างว่าเป็นแฟนสาวชักชวนไปนั่งสมาธิ โดยไม่ทราบว่าบุคคลนั้นอาจมีการเสียผลประโยชน์หรือต้องการทำให้ครอบครัวตนเสื่อมเสียชื่อเสียง
วันเดียวกันเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่ามาไต่สวนเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวจากโรงพยาบาล โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วจึงมีคำสั่งให้ออกหมายเรียก ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่ามาไต่สวนในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง พ.ต.ท.ฐิติเดช พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ตามคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นพ.ประกิตเผ่า ถูกควบคุมตัวเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิตโดยไม่ชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำพยานคือ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี เพื่อนสาวของ นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งมีนายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อน นพ.ประกิตเผ่า ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาได้พบและพูดคุยกับ นพ.ประกิตเผ่า โดยไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าป่วยทางจิต ประกอบกับผู้คุมผู้ป่วยของ รพ.ศรีธัญญา ซึ่งให้ นพ.ประกิตเผ่า ยืมโทรศัพท์ติดต่อกับ น.ส.เปมิกา ก็ให้ปากคำว่า นพ.ประกิตเผ่ายังพูดคุยรู้เรื่อง และไม่แสดงอาการป่วยทางจิตเช่นเดียวกัน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายชูชาติ ศิลปะรัตน์ ทนายความของครอบครัวทมทิตชงค์ พร้อมด้วย รศ.เพลินจิต นางอลิสา และนางประภัสสร ทมทิตชงค์ มารดา ภรรยาและพี่สะใภ้ เดินทางเข้าพบ นพ.เกียรติภูมิ ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา โดย รศ.เพลินจิต กล่าวว่า ทางครอบครัวมีการหารือถึงอาการของ นพ.ประกิตเผ่า ก่อนที่จะนำตัวมารักษาแล้ว ซึ่งเห็นตรงกันว่าอาการไม่ดี จึงได้ขอความร่วมมือกับ สภ.อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ให้อำนวยความสะดวกในการนำตัวมาส่งโรงพยาบาล ไม่คิดว่าจะถูกนำมาเป็นประเด็น
ด้านนางอลิสาภรรยา กล่าวว่า ยืนยันว่าสามีมีอาการป่วยจริง โดยมีอาการหวาดระแวง กลัวว่าจะมีคนมาปองร้าย แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายตนแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดอื่นนั้นขอให้การในชั้นศาล
นายชูชาติกล่าวว่า ได้พิจารณาคำร้องในการขออำนาจศาลเพื่อไต่สวนพิเศษ แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยได้มีการยื่นคัดค้านการไต่สวนฉุกเฉินไว้แล้ว และศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 2 มีนาคม เวลา 09.00 น. เช่นกัน ทั้งนี้ จะยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ฐิติเดช ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย เพราะคำร้องนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น
ขณะที่นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมาว่ามีผู้บุกรุกตึกผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ได้มีบุคคลแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ 2 ราย คือ ร.ต.ท.ไอศูรย์ อินทร พร้อมพวกอีก 1 ราย แจ้งขอเข้าเยี่ยม นพ.ประกิตเผ่า แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่ให้เข้าพบ โดยแจ้งกับบุคคลดังกล่าวว่าญาติได้ของดการเยี่ยมหรือพบกับบุคคลอื่น นอกจากมารดาและพี่ชายเท่านั้น จึงทำให้บุคคลดังกล่าวแสดงกิริยามารยาทพร้อมคำพูดที่ไม่เหมาะสม โดยใช้เครื่องแบบที่แต่งกายมาข่มขู่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล โดยร.ต.ท.ไอศูรย์ อินทร ได้เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยชั้น 1 และ ชั้น 2 พร้อมกับทำการค้นหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะห้ามได้
ทั้งนี้ ทางกรมสุขภาพจิตได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานถึงการบุกรุกและคุกคามสิทธิผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว