เตรียมเด้ง ผอ.องค์การเภสัชฯ เหตุบอร์ดใหม่ไม่ปลื้มผลงาน พร้อมปรับทิศทางการทำงานใหม่ อ้างแก้ปัญหาใหญ่-หวัดนกระบาด "หมอมงคล"ชี้ต้องปรับอีกเยอะ
แหล่งข่าวจากองค์เภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอภ.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. มีการนำวาระเรื่องการปรับทิศทางการดำเนินงานของอภ. ซึ่งเนื้อหาสำคัญในการวาระลับดังกล่าวนั้น จะมีการปรับ พล.ท.นพ.มงคล จิวะสันติการ ผู้อำนวยการองค์เภสัชกรรม ออกจากตำแหน่ง โดยในที่ประชุมได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อบกพร่องในการทำงานของพล.ท.นพ.มงคลหลายประเด็น ซึ่งนพ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารอภ.ไม่สบายใจกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
นอกจากนี้ได้เคยชี้ให้พล.ท.นพ.มงคลรับทราบถึงข้อบกพร่องหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการแก้ไข จนอาจนำสู่การปรับเปลี่ยนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง อภ.ในที่สุด
ด้านนพ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาเท่านั้น โดยเป็นการพิจารณาเพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากอภ.มีภาระที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1.ความมั่นคงในการปกป้องประเทศให้ได้ทันกรณีจากการระบาดของโรค อาทิ โรคไข้หวัดนก ซึ่งอภ.มีหน้าที่ในการสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกให้ทัน การสำรองยาต้านไวรัสไข้หวัดนก โอเซลทามิเวียร์ ฯลฯ 2.การดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการประกาศบังคับใช้สิทธิผลิตยาที่ติดสิทธิบัตรอยู่
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างมีเหตุผล ยึดผลประโยชน์ของอภ.เป็นหลัก เป็นการปรับปรุงเตรียมการก่อนล่วงหน้าไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุวิกฤตแล้วจึงค่อยมาดำเนินการแก้ไข
“ขณะนี้การพิจารณาอยู่ในกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน จึงยังไม่มีการพิจารณาผู้อำนวยการคนใหม่แต่อย่างใด ทั้งนี้ต้องสรุปความเห็นของคณะกรรมการบริหารฯทั้งหมด เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป แต่ไม่อยากให้พูดถึงรายละเอียดเป็นบุคคล อยากให้ดูถึงระบบที่อภ.จะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมการกับปัญหาในอนาคต”นพ.วิชัย กล่าว
ขณะที่ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กาปรับบุคลากรของอภ.ในครั้งนี้ เชื่อว่าบอร์ดคงพิจารณามาอย่างดีแล้วว่า จะสามารถทำให้งานดีขึ้น ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาหากถามว่าพอใจกับผลงานของอภ.หรือไม่นั้น ตนไม่อยากมองแค่เฉพาะตัวบุคคลเพราะเป็นเรื่องของระบบ ตัวบริษัทจะดำเนินการมีประสิทธิภาพได้ต้องอาศัยทั้งระบบไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งการปรับบุคคลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการเท่านั้น เพราะว่าอภ.มีการปรับเปลี่ยนระบบอีกมาก
“ผมเคยบอกกับผู้บริหารฯและเจ้าหน้าที่ของอภ.มาตั้งแต่ตอนที่เป็นปลัดสธ.เมื่อ 6 ปีที่แล้วว่า งานของอภ.ไม่ใช่การผลิตยาราคาถูก เพื่อแข่งกับบริษัทยาห้องแถว แต่ต้องผลิตยาตัวใหม่ราคาแพง เพื่อให้เกิดการแข่งขันและทำให้ยาที่มีราคาแพงลดราคาลง แต่ทุกวันนี้อภ.ก็ยังผลิตแค่ยาพาราเซตามอลอยู่เลย และการที่โรงงานผลิตยาต้านไวรัสได้ก็ควรขายให้กับกองทุนโลกได้ แต่เป็นเพราะอภ.ไมได้มาตรฐานจีเอ็มพีขององค์การอนามัยโลก ทำให้เสียชื่อ และสูญเสียรายได้มหาศาล”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวว่า แนวทางการทำงานของอภ.ต้องปรับเปลี่ยนทั้งระบบและทีมงาน เพื่อให้สามารถอยู่สนามแข่งขันได้ ขณะนี้สำนักนายกรัฐมนตรีมีระเบียบว่าโรงพยาบาลของรัฐไม่จำเป็นต้องซื้อยาจากอภ.ได้ หากระบบของอภ.ยังเป็นอยู่เช่นนี้ ก็จะอยู่รอดได้ท่ามกลางระบบธุรกิจในปัจจุบันนี้อย่างไร เพราะยาที่ผลิตได้ก็ไม่ได้ถูกกว่าในระบบ หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น อภ.ก็จะหายไปและไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสธ.เลย
แหล่งข่าวจากองค์เภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอภ.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. มีการนำวาระเรื่องการปรับทิศทางการดำเนินงานของอภ. ซึ่งเนื้อหาสำคัญในการวาระลับดังกล่าวนั้น จะมีการปรับ พล.ท.นพ.มงคล จิวะสันติการ ผู้อำนวยการองค์เภสัชกรรม ออกจากตำแหน่ง โดยในที่ประชุมได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อบกพร่องในการทำงานของพล.ท.นพ.มงคลหลายประเด็น ซึ่งนพ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารอภ.ไม่สบายใจกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
นอกจากนี้ได้เคยชี้ให้พล.ท.นพ.มงคลรับทราบถึงข้อบกพร่องหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการแก้ไข จนอาจนำสู่การปรับเปลี่ยนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง อภ.ในที่สุด
ด้านนพ.วิชัย โชควิวัฒน อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาเท่านั้น โดยเป็นการพิจารณาเพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากอภ.มีภาระที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1.ความมั่นคงในการปกป้องประเทศให้ได้ทันกรณีจากการระบาดของโรค อาทิ โรคไข้หวัดนก ซึ่งอภ.มีหน้าที่ในการสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกให้ทัน การสำรองยาต้านไวรัสไข้หวัดนก โอเซลทามิเวียร์ ฯลฯ 2.การดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการประกาศบังคับใช้สิทธิผลิตยาที่ติดสิทธิบัตรอยู่
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างมีเหตุผล ยึดผลประโยชน์ของอภ.เป็นหลัก เป็นการปรับปรุงเตรียมการก่อนล่วงหน้าไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุวิกฤตแล้วจึงค่อยมาดำเนินการแก้ไข
“ขณะนี้การพิจารณาอยู่ในกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน จึงยังไม่มีการพิจารณาผู้อำนวยการคนใหม่แต่อย่างใด ทั้งนี้ต้องสรุปความเห็นของคณะกรรมการบริหารฯทั้งหมด เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป แต่ไม่อยากให้พูดถึงรายละเอียดเป็นบุคคล อยากให้ดูถึงระบบที่อภ.จะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมการกับปัญหาในอนาคต”นพ.วิชัย กล่าว
ขณะที่ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กาปรับบุคลากรของอภ.ในครั้งนี้ เชื่อว่าบอร์ดคงพิจารณามาอย่างดีแล้วว่า จะสามารถทำให้งานดีขึ้น ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาหากถามว่าพอใจกับผลงานของอภ.หรือไม่นั้น ตนไม่อยากมองแค่เฉพาะตัวบุคคลเพราะเป็นเรื่องของระบบ ตัวบริษัทจะดำเนินการมีประสิทธิภาพได้ต้องอาศัยทั้งระบบไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งการปรับบุคคลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการเท่านั้น เพราะว่าอภ.มีการปรับเปลี่ยนระบบอีกมาก
“ผมเคยบอกกับผู้บริหารฯและเจ้าหน้าที่ของอภ.มาตั้งแต่ตอนที่เป็นปลัดสธ.เมื่อ 6 ปีที่แล้วว่า งานของอภ.ไม่ใช่การผลิตยาราคาถูก เพื่อแข่งกับบริษัทยาห้องแถว แต่ต้องผลิตยาตัวใหม่ราคาแพง เพื่อให้เกิดการแข่งขันและทำให้ยาที่มีราคาแพงลดราคาลง แต่ทุกวันนี้อภ.ก็ยังผลิตแค่ยาพาราเซตามอลอยู่เลย และการที่โรงงานผลิตยาต้านไวรัสได้ก็ควรขายให้กับกองทุนโลกได้ แต่เป็นเพราะอภ.ไมได้มาตรฐานจีเอ็มพีขององค์การอนามัยโลก ทำให้เสียชื่อ และสูญเสียรายได้มหาศาล”นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวว่า แนวทางการทำงานของอภ.ต้องปรับเปลี่ยนทั้งระบบและทีมงาน เพื่อให้สามารถอยู่สนามแข่งขันได้ ขณะนี้สำนักนายกรัฐมนตรีมีระเบียบว่าโรงพยาบาลของรัฐไม่จำเป็นต้องซื้อยาจากอภ.ได้ หากระบบของอภ.ยังเป็นอยู่เช่นนี้ ก็จะอยู่รอดได้ท่ามกลางระบบธุรกิจในปัจจุบันนี้อย่างไร เพราะยาที่ผลิตได้ก็ไม่ได้ถูกกว่าในระบบ หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น อภ.ก็จะหายไปและไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสธ.เลย