xs
xsm
sm
md
lg

อเบอร์ดีนฟิตจัดตั้งเป้าดันยิวFIFสูงกว่าตลาด3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - บลจ.อเบอร์ดีนโชว์ฝีมือบริหารกองทุนเอาใจลูกค้า ตั้งเป้าดันผลตอบแทนสูงกว่าตลาด 3% ต่อปี ด้วยการเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและกระจายการลงทุนในหลายภูมิภาค พร้อมประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มมีความสมดุลย์มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดอิมเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ส่วนมาตรการ 30% ของธปท. ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เหตุเน้นลงทุนต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่หุ้นไทยยังมั่นใจ ระบุหลายตัวพื้นฐานยังแข็งแกร่ง พร้อมแนะลงทุนเป็นรายตัว

นายแอนดรูว์ แมคเมนิกอล์ล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด (มหาชน) ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าบริหารกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) จำนวน 3 กองทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยในทุกๆ ปีมากกว่าการลงทุนในตลาดโดยรวมประมาณ 3% ต่อปี เนื่องจากกองทุนที่บริษัทบริษัทอยู่นั้น จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และกระจายการลงทุนออกไปยังตลาดหุ้นหลายภูมิภาค และหลายกลุ่มอุตสาหกรรมการลงทุน โดยกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เวิลด์ ออพพอร์ทูนิตี้ส์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัท ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้แล้วประมาณ 8.36% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนอ้างอิง(เบนซ์มาร์ค) ที่ 5.50%

“กองทุนของเราจะเน้นกระจายความเสี่ยงการลงทุนเป็นหลัก ถ้าดูจากพอร์ตลงทุนของเรา หุ้นเรามีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมและหลายภูมิภาค โดยหุ้น 20 ตัวแรกที่ถือลงทุนอยู่คิดเป็น 54% ของมูลค่าพอร์ตการลงทุน และทุกตัวล้วนมีความสำคัญ โดยสนับสนุนให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนของเราเพิ่มขึ้นได้”นายแอนดรูว์กล่าว

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจโลก นายแอนดรูว์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาความสมดุลย์ของเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น โดยจะเห็นว่าเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่(อิมเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต) สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศจีนเองแม้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่ร้อนแรงแต่ก็ไม่เกิดปัญหาเงินเฟ้อขึ้น ส่วนเศรษฐกิจของสหรัฐและอังกฤษแม้จะมีการชะลอตัวลงบ้าง แต่ไม่ถือว่ารุนแรงนัก ส่วนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเอง ที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะเงินฝืดมานานกว่า 15% แต่สัญญาณที่ออกมาขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น จึงมีโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาบ้าง เพราะยอดการปล่อยสินเชื่อในระบบมีสูงขึ้น

“ต้องบอกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเริ่มสมดุลย์มากขึ้น ตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะบราซิล และ เยอรมัน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้มีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดี อัตราการจ้างงานสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงเกินไปนัก และจากการสำรวจตัวเลขงบดุลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นหลายแห่ง พบว่ายังมีความแข็งแกร่งอยู่มาก จึงเชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่”นายแอนดรูว์กล่าว

ด้านนายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนมาตรการกันสำรอง 30% เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงที่ผ่านมาไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของอเบอร์ดีน เนื่องจากส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าทางภาครัฐของประเทศไทยจะออกมาตรการต่างๆ มาก็ไม่ได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังไม่มีเป้าหมายสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (เอ็นเอวี) รวมทั้งประมาณการ SET Index ในปี 2550 ไว้ เนื่องจากจะไม่ใช้เกณฑ์ดังกล่าวเป็นตัวตัดสินหรือประเมินสถานการณ์ในการลงทุน แต่จะคำนึงถึงเศรษฐกิจโลกโดยรวมมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาจากทำเลในการลงทุนที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุนได้

นายโรเบิร์ตกล่าวต่อว่า บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีโอกาสที่จะเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งคงจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับนักลงทุนได้ นอกจากตลาดหุ้นเวียดนามแล้ว อเบอร์ดีนยังมองการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตในทิศทางที่ดี

"การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามก็มีความน่าสนใจ ซึ่งในอนาคตถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปลงทุนเพราะเป็นการขยายฐานการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนด้วย แต่จะต้องดูเงื่อนไขของการลงทุนในประเทศนั้นๆ ให้ดีก่อน"นายโรเบิร์ต กล่าว

นางรัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน จำกัด ประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจพบปะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยหลายแห่ง พบว่าพื้นฐานของหุ้นหลายบริษัทยังมีความแข็งแกร่งมาก และแทบไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยมหภาคเลย บริษัทจึงยังมั่นใจในหุ้นที่บริษัทถืออยู่ ส่วนแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ยังมองว่าคงมีความน่าสนใจอยู่แต่ต้องเลือกประเมินมูลค่าของหุ้นแต่ละบริษัทเป็นหลัก โดยจะต้องไม่คำนึงถึงภาวะตลาดโดยรวม นอกจากนี้ ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งการเติบโตของรายได้จะต้องสม่ำเสมอไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ ซึ่งหากนักลงทุนเลือกลงทุนตามที่กล่าวมาข้างต้นก็จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงและได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

“การลงทุนของกลุ่มอเบอร์ดีนทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น จะเน้นดูรายหุ้นเป็นหลัก โดยเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี หนี้ไม่สูงมากนัก และยึดหลักธรรมภิบาลในการบริหารงาน ซึ่งเราจะเข้าไปพบปะกับผู้บริหารของหุ้นที่เราถือลงทุนอยู่เป็นประจำ เพื่อประเมินสถานการณ์ลงทุนอยู่ตลอด ล่าสุดก็ได้พบกับผู้บริหารหลายบริษัท และเห็นว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังแข็งแกร่งดีอยู่ ที่ผ่านมาเราจึงไม่ได้ขายหุ้นออกไปแต่อย่างใด”นางรัตนวรรณกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น