"นพดล"โต้แทน"แม้ว"อ้างน้อมรับเศรษฐกิจพอเพียงใส่เกล้าฯ เพราะได้นำไปแถลงต่อสภาและบรรจุในแผนฯ 10 ไม่เคยให้สัมภาษณ์จาบจ้วงเบื้องสูง เนื่องจากได้รับสมรสพระราชทาน ย่อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ยันพระองค์อยู่เหนือการเมือง เผยต้นมี.ค.จะงดให้สัมภาษณ์ ขอหมกตัวอยู่ลอนดอนสักพัก ไม่วาย เปิดช่องให้สื่อไทยติดต่อขอสัมภาษณ์ได้
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (4ก.พ.)ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่มีการเปรียบเทียบระบบเศรษฐกิจพอเพียง กับระบบทักษิโณมิกส์ ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ น้อมรับและนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใส่เกล้าฯ และนำไปปฏิบัติ โดยเสนอแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงต่อรัฐสภา และบรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 ด้วย อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงทั้ง 4 ภูมิภาค ฉะนั้นอดีตนายกฯไม่เคยวิจารณ์แนวคิดนี้อย่างที่ถูกโยง ซึ่งการโยงเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมือง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของอดีตนายกฯ นั้นควรยุติ เพราะอดีตนายกฯประกาศชัดในนิตยสารไทม์ แมกกาซีน และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นอย่างชัดเจนว่า จะยุติบทบาททางการเมืองแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นายนพดล กล่าวว่า ไม่มีข้อความตอนใดที่จาบจ้วงสถาบันเลย พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีต่อสถาบันมาก งานสมรสก็ยังเป็นงานสมรสพระราชทาน พ.ต.ท.ทักษิณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ไม่ควรที่จะนำสถาบันมาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ นายนพดล กล่าวว่า ข้อความที่เกี่ยวกับการยึดอำนาจนั้น นัยยะที่เกี่ยวข้อง คือ เมื่อมีพระบรมราชโองการแล้ว คนไทยที่จงรักภักดี และเห็นว่ามีพระบรมราชโองการแล้ว ประชาชนก็ยอมรับ นัยยะ มีเท่านี้ ไม่มีข้อความใดจาบจ้วงสถาบัน ตนคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่ามีความหมายในข้างต้นเท่านั้น คนอื่นๆ ตีความไปต่างๆนานา ยืนยันไม่มีใครจาบจ้วงสถาบันได้เพราะพระองค์อยู่เหนือการเมือง และพ.ต.ท.ทักษิณ มีความจงรักภักดีกับทั้งสองพระองค์
สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกวิพากวิจารณ์ว่า ไม่จงรักภักดี และมักจะพูดอย่างทำอย่างนั้น จะส่งผลกระทบต่อการกลับประเทศไทยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คนที่พูดควรดูหลักฐาน เพราะการกลับประเทศต้องรอดูต่อไปสักระยะ ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ต่างประเทศ และต้นเดือนมี.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ และจะให้สัมภาษณ์น้อยลง เพื่อให้รัฐบาลและคมช.สบายใจ สักระยะ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จะให้สัมภาษณ์ในด้านบวก แต่การให้สัมภาษณ์ที่ออกมามักจะตรงข้าม เป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติการให้สัมภาษณ์ นายนพดล กล่าวว่า ขอให้ดูเนื้อหาในนิตยสารไทม์ ทั้งสองตอนส่วนใหญ่เป็นเรื่องบวกและเป็นเรื่องส่วนตัว บางตอนอาจมีเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจเติบโต พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีสิทธิ์วิตกและมีสิทธิ์ที่จะพูดแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายเศรษฐกิจบางตัวของรัฐบาล เพราะระบอบประชาธิปไตยนั้นการพูดเพียงเท่านี้ อยู่ในวิสัยที่รับได้
นอกจากนี้ สื่อมวลชนได้ขอสัมภาษณ์อดีตนายกฯเอง ไม่ได้ผ่านล็อบบี้ยิสต์ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า สื่อถูกซื้อไม่ได้ การให้สัมภาษณ์นั้น นักการเมืองระดับโลกเช่น ลีกวนยู และบิลล์ คลินตัน สื่อก็สนใจ และขอสัมภาษณ์หลังพ้นตำแหน่ง การให้สัมภาษณ์นั้นอย่าดูเพียงเนื้อหาบางส่วน ต้องดูการกระทำด้วย รัฐบาลและคมช.มีอำนาจ บารมีและบุคลากรที่พร้อมชี้แจงได้ทุกเรื่อง ตนทำหน้าที่ชี้แจงแทนพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียวได้ลงเป็นข่าวบ้าง ไม่ได้ลงบ้าง
นายนพดล กล่าวว่า หากสื่อมวลชนไทยสนใจจะสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้ เมื่อถามว่า การจะให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสกลับประเทศไทยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า หากสื่อไทยอยากจะพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยินดี เพราะคุ้นเคยกัน ส่วนการสัมภาษณ์มีหลายแบบ เช่น ตัวต่อตัว โทรศัพท์ เทเลคอนเฟอเรนซ์ หรืออินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้มันลอยมา และน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า สื่อต่างประเทศจะสู้สื่อไทยได้อย่างไร ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ วางมือทางการเมืองแน่นอน
"ไทยมีความสำคัญในภูมิภาคนี้ และสิ่งที่อดีตนายกฯพูด คือปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง เพราะโดนกล่าวหาว่า ทุจริต สนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นสุสานฝังตัวท่าน หรือทักษิโณมิกส์นั้น คนที่ถูกกล่าวหามีสิทธิชี้แจงได้ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพราะคนขี่สามล้อก็มีเกียรติยศ และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นถึงอดีตนายกฯ จึงต้องปกป้องชี้แจงข้อกล่าวหาที่ถาโถมเข้ามา วันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. รวมทั้งพล.อ.วินัย ภัทธิยกุล เลขาธิการ คมช.ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษ ควรทำใจกว้าง ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเสรีภาพ เพราะสังคมประชาธิปไตยนั้นการแสดงความเห็นเป็นประชาธิปไตยที่สวยงาม หากทำภาพประชาธิปไตยแบบนี้ คมช.และประเทศก็จะได้ประโยชน์"นายนพดล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดพ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่ยุติการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเพื่อให้ปัญหาจบลง นายนพดล กล่าวว่า ในทางสิทธิมนุษยชน ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และการชี้แจงไม่ได้ไปด่าพ่อล่อแม่ใคร สังเกตได้จากที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้น เพราะถูกกล่าวหา
นายนพดล กล่าวด้วยว่า ทำไม คมช.และรัฐบาลไม่ใช้ตนเป็นสื่อกลางในการสร้างความสมานฉันท์กับพ.ต.ท.ทักษิณ เวลานี้เหมือนกับที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พูดไว้ว่า บางคนกลัวจนหายกลัว ทุกวันนี้ แม้แต่ตนยังโดนข่มขู่ตลอด แต่คนเราสูญเสียสิ่งใดก็ได้ แต่อย่าสูญเสียความเป็นมนุษย์ ความสมานฉันท์นั้น คมช.และรัฐบาลมีความเห็นอย่างไร ลองเสนอมาก็ได้ สิ่งใดที่คมช.และรัฐบาลต้องการ ก็คือสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเช่นกัน ขอให้ลองเสนอมา และพูดคุยกันดูในลักษณะที่จริงใจ เกิดความสมานฉันท์จริงๆ ที่ทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกไว้ว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มีการพูดคุยกันกับคมช.บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นจริงจังและพร้อมเสมอในการพูดคุย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นายนพดล ยังให้สื่อมวลชนที่มาทำข่าวลงทะเบียนด้วยว่า ใครประสงค์จะติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้ติดต่อให้ทราบในภายหลังได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะให้สัมภาษณ์ทางใด
นอกจากนี้ นายนพดล ยังกล่าวถึงกรณีที่สภาทนายความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนว่า ตนน้อมรับด้วยความเคารพ ตนทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่เคยหมิ่นประมาท และโกหกหรือทำให้ใครเสียหาย ตนเป็นบุคคลสาธารณะ พร้อมถูกตรวจสอบทุกขั้นตอนทั้งในชั้นศาลและชั้นสภาทนายความ ตนมีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ และจะทำหน้าที่ให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด ไม่หวั่นไหวและจะทำไปให้ตลอดรอดฝั่ง ฉะนั้นขอให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (4ก.พ.)ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่มีการเปรียบเทียบระบบเศรษฐกิจพอเพียง กับระบบทักษิโณมิกส์ ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ น้อมรับและนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใส่เกล้าฯ และนำไปปฏิบัติ โดยเสนอแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงต่อรัฐสภา และบรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 ด้วย อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงทั้ง 4 ภูมิภาค ฉะนั้นอดีตนายกฯไม่เคยวิจารณ์แนวคิดนี้อย่างที่ถูกโยง ซึ่งการโยงเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมือง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของอดีตนายกฯ นั้นควรยุติ เพราะอดีตนายกฯประกาศชัดในนิตยสารไทม์ แมกกาซีน และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นอย่างชัดเจนว่า จะยุติบทบาททางการเมืองแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นายนพดล กล่าวว่า ไม่มีข้อความตอนใดที่จาบจ้วงสถาบันเลย พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีต่อสถาบันมาก งานสมรสก็ยังเป็นงานสมรสพระราชทาน พ.ต.ท.ทักษิณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ไม่ควรที่จะนำสถาบันมาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ นายนพดล กล่าวว่า ข้อความที่เกี่ยวกับการยึดอำนาจนั้น นัยยะที่เกี่ยวข้อง คือ เมื่อมีพระบรมราชโองการแล้ว คนไทยที่จงรักภักดี และเห็นว่ามีพระบรมราชโองการแล้ว ประชาชนก็ยอมรับ นัยยะ มีเท่านี้ ไม่มีข้อความใดจาบจ้วงสถาบัน ตนคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่ามีความหมายในข้างต้นเท่านั้น คนอื่นๆ ตีความไปต่างๆนานา ยืนยันไม่มีใครจาบจ้วงสถาบันได้เพราะพระองค์อยู่เหนือการเมือง และพ.ต.ท.ทักษิณ มีความจงรักภักดีกับทั้งสองพระองค์
สำหรับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกวิพากวิจารณ์ว่า ไม่จงรักภักดี และมักจะพูดอย่างทำอย่างนั้น จะส่งผลกระทบต่อการกลับประเทศไทยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คนที่พูดควรดูหลักฐาน เพราะการกลับประเทศต้องรอดูต่อไปสักระยะ ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ต่างประเทศ และต้นเดือนมี.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ และจะให้สัมภาษณ์น้อยลง เพื่อให้รัฐบาลและคมช.สบายใจ สักระยะ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จะให้สัมภาษณ์ในด้านบวก แต่การให้สัมภาษณ์ที่ออกมามักจะตรงข้าม เป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติการให้สัมภาษณ์ นายนพดล กล่าวว่า ขอให้ดูเนื้อหาในนิตยสารไทม์ ทั้งสองตอนส่วนใหญ่เป็นเรื่องบวกและเป็นเรื่องส่วนตัว บางตอนอาจมีเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจเติบโต พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีสิทธิ์วิตกและมีสิทธิ์ที่จะพูดแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายเศรษฐกิจบางตัวของรัฐบาล เพราะระบอบประชาธิปไตยนั้นการพูดเพียงเท่านี้ อยู่ในวิสัยที่รับได้
นอกจากนี้ สื่อมวลชนได้ขอสัมภาษณ์อดีตนายกฯเอง ไม่ได้ผ่านล็อบบี้ยิสต์ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า สื่อถูกซื้อไม่ได้ การให้สัมภาษณ์นั้น นักการเมืองระดับโลกเช่น ลีกวนยู และบิลล์ คลินตัน สื่อก็สนใจ และขอสัมภาษณ์หลังพ้นตำแหน่ง การให้สัมภาษณ์นั้นอย่าดูเพียงเนื้อหาบางส่วน ต้องดูการกระทำด้วย รัฐบาลและคมช.มีอำนาจ บารมีและบุคลากรที่พร้อมชี้แจงได้ทุกเรื่อง ตนทำหน้าที่ชี้แจงแทนพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียวได้ลงเป็นข่าวบ้าง ไม่ได้ลงบ้าง
นายนพดล กล่าวว่า หากสื่อมวลชนไทยสนใจจะสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้ เมื่อถามว่า การจะให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสกลับประเทศไทยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า หากสื่อไทยอยากจะพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยินดี เพราะคุ้นเคยกัน ส่วนการสัมภาษณ์มีหลายแบบ เช่น ตัวต่อตัว โทรศัพท์ เทเลคอนเฟอเรนซ์ หรืออินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้มันลอยมา และน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า สื่อต่างประเทศจะสู้สื่อไทยได้อย่างไร ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ วางมือทางการเมืองแน่นอน
"ไทยมีความสำคัญในภูมิภาคนี้ และสิ่งที่อดีตนายกฯพูด คือปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเอง เพราะโดนกล่าวหาว่า ทุจริต สนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นสุสานฝังตัวท่าน หรือทักษิโณมิกส์นั้น คนที่ถูกกล่าวหามีสิทธิชี้แจงได้ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพราะคนขี่สามล้อก็มีเกียรติยศ และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นถึงอดีตนายกฯ จึงต้องปกป้องชี้แจงข้อกล่าวหาที่ถาโถมเข้ามา วันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. รวมทั้งพล.อ.วินัย ภัทธิยกุล เลขาธิการ คมช.ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษ ควรทำใจกว้าง ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเสรีภาพ เพราะสังคมประชาธิปไตยนั้นการแสดงความเห็นเป็นประชาธิปไตยที่สวยงาม หากทำภาพประชาธิปไตยแบบนี้ คมช.และประเทศก็จะได้ประโยชน์"นายนพดล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดพ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่ยุติการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเพื่อให้ปัญหาจบลง นายนพดล กล่าวว่า ในทางสิทธิมนุษยชน ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และการชี้แจงไม่ได้ไปด่าพ่อล่อแม่ใคร สังเกตได้จากที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้น เพราะถูกกล่าวหา
นายนพดล กล่าวด้วยว่า ทำไม คมช.และรัฐบาลไม่ใช้ตนเป็นสื่อกลางในการสร้างความสมานฉันท์กับพ.ต.ท.ทักษิณ เวลานี้เหมือนกับที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พูดไว้ว่า บางคนกลัวจนหายกลัว ทุกวันนี้ แม้แต่ตนยังโดนข่มขู่ตลอด แต่คนเราสูญเสียสิ่งใดก็ได้ แต่อย่าสูญเสียความเป็นมนุษย์ ความสมานฉันท์นั้น คมช.และรัฐบาลมีความเห็นอย่างไร ลองเสนอมาก็ได้ สิ่งใดที่คมช.และรัฐบาลต้องการ ก็คือสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเช่นกัน ขอให้ลองเสนอมา และพูดคุยกันดูในลักษณะที่จริงใจ เกิดความสมานฉันท์จริงๆ ที่ทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกไว้ว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มีการพูดคุยกันกับคมช.บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นจริงจังและพร้อมเสมอในการพูดคุย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นายนพดล ยังให้สื่อมวลชนที่มาทำข่าวลงทะเบียนด้วยว่า ใครประสงค์จะติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้ติดต่อให้ทราบในภายหลังได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะให้สัมภาษณ์ทางใด
นอกจากนี้ นายนพดล ยังกล่าวถึงกรณีที่สภาทนายความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนว่า ตนน้อมรับด้วยความเคารพ ตนทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่เคยหมิ่นประมาท และโกหกหรือทำให้ใครเสียหาย ตนเป็นบุคคลสาธารณะ พร้อมถูกตรวจสอบทุกขั้นตอนทั้งในชั้นศาลและชั้นสภาทนายความ ตนมีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ และจะทำหน้าที่ให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด ไม่หวั่นไหวและจะทำไปให้ตลอดรอดฝั่ง ฉะนั้นขอให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย